[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ จิบกาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 03 มกราคม 2554 18:03:17



หัวข้อ: ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับหนังโฆษณาอันดับหนึ่งของโลก กับมุมมอง และ ไอเดีย
เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 03 มกราคม 2554 18:03:17





รู้จักกับ
ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย
ผู้กำกับหนังโฆษณาอันดับหนึ่งของโลก

        ความสำเร็จที่มี ชื่อเสียงระดับโลกที่ได้มา ไม่ใช่ของง่าย หากแต่เป็นความพยายามอย่างยิ่งยวด ต่อ-ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับมือ 1 ของโลก เป็นผู้กำกับที่ได้รางวัลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จากการจัดอันดับของ The Gunn Report 2005 เป็นรางวัลการันตีล่าสุดที่พิสูจน์ถึงการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือทอง ผู้เป็นที่ต้องการของเอเยนซี่และเจ้าของสินค้าทั้งหลาย ด้วยหมายมั่นว่าเขาจะเสกไอเดียบนแผ่นกระดาษให้โลดแล่นบนจอได้อย่างน่าชม
        ย้อนกลับเมื่อครั้งอยู่บริษัท สามหน่อ ธนญชัย เป็นกราฟิก ดีไซเนอร์ ก่อนจะถูกดึงมาเป็นจิ๊กซอว์คนสำคัญในฟีโนมีนาในเวลาต่อมา ตอนหนึ่งจากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอะเดย์ ว่า ธนญชัย บอกว่า เขาต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในแง่ของโปรดักชั่น เขาไม่เข้าใจกระทั่งคำว่า ฟิล์ม 35 มม. แต่ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้และมุ่งมั่น ทำให้เขาใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน ลบคำประมาสได้โดยสิ้นเชิงเมื่อเขาสร้างผลงานจนกลายเป็นผู้กำกับมือดีไม่ใช่แค่ที่หนึ่งของเมืองไทย แต่เป็นถึงที่หนึ่งของโลก
        ทุกครั้งที่ได้เห็นผลงานชั้นเซียนทางหน้าจอโทรทัศน์ ร้อยละ 90 เชื่อได้ว่านั่นคือฝีมือของเขา ไม่ว่าจะเป็น เยสโล่ เพจเจจ ฟอร์ดคิงคอง สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม เซียงเพียงอิ๊ว กรุงเทพประกันภัยฯลฯ และจากนั้นไม่นานรางวัลความสำเร็จจากสถาบันทั้งในและนอกประเทศจะไหลบ่ามากำนัลแก่เขา
        เขาบอกว่า โชคดีที่ทีมงานเก่งมาก แต่ก็ทำงานเหนื่อยมากเช่นกัน เนื่องจากเฉลี่ยต่อเรื่องใช้เวลาทำงานประมาณ 15-30 วัน และมีบางเดือนที่เขาต้องถ่ายหนังถึง 14 เรื่อง ถ่ายกันจนท้องเสียเลยทีเดียว
        การจะได้ร่วมงานกับฟีโนมีนา ซึ่งวาง Positioning เป็นโปรดักชั่น เฮาส์ ระดับพรีเมียม ต้องใจป้ำพอที่จะควักกระเป๋าขั้นต่ำ 3.5 ล้านบาท และที่นี่มีผู้กำกับถึง 10 คน ธนญชัย ได้ชื่อว่า เป็น The Most Wanted Director
        “ทุกวันนี้นอกจากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาแล้ว ยังต้องดูแลทีมงาน และมีภาพยนตร์ที่ฉายในโรงหนังด้วย ในนามของฟีโนมีนา โมชั่น พิคเจอร์ เฉพาะภาพยนตร์โฆษณาก็ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว”
        งานที่แทบหาเวลาพักผ่อนไม่ได้ บ่งบอกถึงความฮอต โดยเอเยนซี่ขาประจำที่ร่วมงานกันบ่อยครั้ง อาทิ Ogilvy & Mather, J.Walter Thompson และ Leo Burnett เป็นต้น
        เขาเคยให้สัมภาษณ์ POSITIONING เกี่ยวกับแนวคิดในการทำงานของเขาที่ไม่ได้มุ่งหวังทำเพื่อเงิน เพื่อกล่องอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความสุขจากการทำงาน คือ เห็นคนดูแล้วเขามีความสุข ให้เขาสนุก
        หนังโฆษณา อย่างแรกคือต้องขายของ แต่ต้องเริ่มต้นจังหวะแรกด้วยการทำให้เขาสนุก ไม่ใช่ทำให้คนดูตกใจ เหมือนเรานั่งอยู่บ้านแล้วมีเซลล์เดินเข้ามาเคาะประตู แล้วเขามาขายของอย่างเดียว เราไม่ต้องการ ไม่ชอบ เราชอบเซลล์ที่ช่างเจรจา ไม่ได้ตั้งท่าจะเอาเงินอย่างเดียว
        “หน้าที่ของผมคืออยากขายของให้ลูกค้าด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นกฎต่อไปนี้ ก็คือว่า ต้องไม่ให้สังคมมีปัญหา หนังจะต้องทำให้สังคมดี ขายของได้แล้วต้องขายศีลธรรม อะไรบางอย่างให้กับสังคมบ้าง ขอขายพ่วงนิดนึง ที่ชอบมีดาบวิชัย จากแรงเยอร์ และไทยประกันชีวิตชุดที่เกี่ยวกับพ่อลูก ผมขอบคุณสำหรับคนที่ชม ขอบคุณสำหรับคนที่ด่าว่ามันรุนแรงเกินไป แต่สิ่งที่ดีใจคือ อย่างน้อยเขาดูแล้วเขาคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ของเขา วัตถุประสงค์คือขายประกันให้ได้ อีกวัตถุประสงค์หนึ่งที่เท่ากันก็คือ ต้องกลับไปกอดพ่อกอดแม่กลับไปหาคนที่เรารัก...แต่ผมบอกก่อนนะที่พูดอย่างนี้ผมไม่ใช่คนดีอะไรนะ”
        “ผมทำหนังเรื่องนี้เพราะอยากให้คนปลูกต้นไม้ คิดสิว่าปลูกต้นไม้กันไหม รางวัลผมก็ไม่ได้แคร์มากอะไรนักหรอก ขายของผมก็อยากขาย แต่ผมเชื่อว่ามันมีวิธีขายที่จะทำให้ประเทศมันดีขึ้นด้วย คิดแบบนี้ดีกว่า และสิ่งหนึ่งที่ผมพยายามสอดแทรกเข้าไปก็คือแนวคิดของพระพุทธศาสนา เราเชื่อว่าต้นไม้คือสิ่งที่มีชีวิตให้คุณค่า วัตถุล่มสลายแต่ธรรมชาติยั่งยืน แต่ใครจะรับได้แค่ไหนก็สุดแท้แต่ละคน”
        ฝีไม้ลายมือของเขาเป็นแรงบันดาลใจ ทรงอิทธิพลทางความคิดใครหลายคน และก่อให้เกิดผลิตผลชั้นดีแก่วงการ อาทิ ทรงยศ สุขมากอนันต์ 1 ในผู้กำกับแฟนฉันและโชว์เดี่ยวครั้งแรกกับเด็กหอ ทรงยศนับถือธนญชัยเป็นครูคนสำคัญเลยทีเดียว
(http://www.nepix.net/img/images/80cover102_1_.jpg)


Profile


Name        - ธนญชัย ศรศรีวิชัย
Age          - 37 ปี
Education
        - ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
        - ปริญญาตรีสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเจ้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
Career Highlights :
        - 2537-ปัจจุบัน ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด
        - 2534-2537 กราฟิกดีไซเนอร์ บริษัท สามหน่อ จำกัด
Major Award Winnings 2549 (โดยสังเขป) :
        - Cannes Lion Gold สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม
        - Gold กรุงเทพประกันภัย
        - One Show Silver กรุงเทพประกันภัย
        - Clio Gold แคมเปญกรุงเทพประกันภัย
        - Gold กรุงเทพประกันภัย ชุด พายุ
        - Silver สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม
        - Bronze ไทยประกันชีวิต
2548 Awarded Director 2005 จาก The Gunn Report

Read more: http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=50228#ixzz19wNDiz33 (http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=50228#ixzz19wNDiz33)
Under Creative Commons License: Attribution Non-Commercial No Derivatives



http://www.youtube.com/watch?v=aAIZGfN59Fs
คุยแกมดี! พี่ต่อ ฟีโน





หัวข้อ: Re: ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับหนังโฆษณาอันดับหนึ่งของโลก กับมุมมอง และ ไอเดีย
เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 03 มกราคม 2554 18:03:55
มนุษย์ขยะทองคำ ‘ธนญชัย ศรศรีวิชัย’
 
‘ความคิดแบบไทยเป็นแบบไหน มันเป็น very very very blue ocean เลย มันอยู่ในตลกคาเฟ่ อยู่ในละครหลังข่าว เราทำงานเอาใจผู้บริโภคไม่ใช่เจ้าของสินค้า ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของเงินก็ตาม’
 
           มุกตลกแบบไทยๆ ที่ถูกมองเป็นขยะในสายตาครีเอทีฟร่วมชาติ แต่สำหรับ "ธนญชัย ศรศรีวิชัย" มันคือ "ขุมทอง" ที่ขุดมาใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด เพราะภูมิปัญญาไทยนี่เองที่สามารถต่อยอดเป็นหนังโฆษณาสุดครีเอทที่ทั่วโลกยอมรับ  ...มุกตลกแบบไทย กับบรรดาผีสางนางฟ้า หรือมุกตลก แนวประชดประชัน ที่ครีเอทีฟหัวอินเตอร์หลายคนมักมองข้าม แต่สำหรับ ‘ธนญชัย ศรศรีวิชัย’ มันคือ "ขุมทรัพย์" ที่สามารถนำมาเล่าใหม่แล้วถูกใจคนไทยทั้ง 60 ล้านคน
 
         หากจะยก ‘ธนญชัย ศรศรีวิชัย’ ฟิล์ม ไดเร็คเตอร์ แห่งฟีโนมีน่า (Phenomena) เป็นมือหนึ่งครีเอทีฟของไทยในนาทีนี้คงไม่มีใครเถียง เพราะเขาคือหนึ่งในแนวหน้าที่ทำให้สปอตไลต์จากทั่วโลกส่งมามองเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่นานาประเทศวันนี้มองไทยเป็นเสมือน ‘ห้องคิงของเอเชีย’ ด้านงานโฆษณาไปแล้ว  ...เดิมอาชีพครีเอทีฟของไทยกระจุกอยู่ในกลุ่มคนไทยที่ร่ำเรียนมาจากเมืองนอก งานที่คิดออกมาส่วนใหญ่จึงอยู่ภายใต้กรอบคิดแบบฝรั่ง ๆ ทำให้งานโฆษณาของไทยมีปัญหาเรื่องการขายสินค้า เพราะคนไทยไม่ ‘เก็ต’ นั่นคือมุมมองของเขา ซึ่งนำไปสู่การมองหาทางออกของคำตอบที่ว่า "การจะพูดกับคนไทย ก็ต้องพูดภาษาเดียวกัน" และก็เป็นที่มาของ จุดเปลี่ยน ธนญชัย กับ มุกตลกแบบไทยที่ถูกครีเอทีฟหัวอินเตอร์มองข้าม
 
         ‘ผมมานั่งคิดว่าความคิดแบบไทยเป็นแบบไหน มันเป็น very very very blue ocean เลย มันอยู่ในตลกคาเฟ่ อยู่ในละครหลังข่าว เราทำงานเอาใจผู้บริโภคไม่ใช่เจ้าของสินค้า ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของเงินก็ตาม’  แต่สิ่งที่ท้าทายสำหรับการคิดงานแบบไทย มุกแบบไทย ไม่ใช่อยู่ที่การคิดงานออกมาจากครีเอทีฟเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าของสินค้าต้องเปิดใจ  ธนญชัย บอกว่า เขาค่อนข้างโชคดีที่เจ้าของสินค้าหลาย ๆ ราย ค่อนข้างเปิดใจ และกล้าแหกกฎร่วมไปกับเขา
 
          ล่าสุดกับหนังโฆษณาหลอดไฟซิลวาเนียกับการเอาบรรดาผีไทยต่าง ๆ มายำรวมกัน ‘ผีไทยเป็นอะไรที่ไม่มีใครเอามาทำโฆษณาแล้ว ส่วนใหญ่หันไปเน้นผีต่างชาติกัน ถ้าเราเอาเด็กผีญี่ปุ่น จะเวิร์คหรือเปล่า แต่โชคดีที่ลูกค้าโอเพ่นมายด์ เพราะ Globalization ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป ในขณะที่เด็กรุ่นใหม่บ้านเราอาจไม่รู้จักกระหัง กระสือแล้วก็ได้’   ...ความแรง คือ ความหมายที่ซ่อนอยู่ในหนังที่คุยกับผู้ชมคนไทยทั้งประเทศรู้เรื่อง
 
http://www.youtube.com/watch?v=cuoq5Tn4Wg0
โฆษณา ซีลวาเนีย ชุด ปิคนิค

          นอกจาก ‘ผีไทย’ ที่ไม่ใครเอามาใส่ในหนัง เขายังเอา ‘ขี้’ เข้าไปใส่ด้วย หากใครยังจำภาพยนตร์โฆษณาบัตรสมาร์ท เพิร์ท  "เวลาของคนปวดขี้กับเวลาของคนไม่ปวดนี่มันต่างกันเยอะนะ เมื่อก่อนหนังโฆษณาจะไม่เอาการปวดขี้ไปอยู่ในหนัง เพราะนักการตลาดหรือเจ้าของสินค้ามองว่าภาพลักษณ์จะเสีย แต่หากจะพูดเรื่องความไวเรื่องการจ่ายเงินนี่ จะพูดกับเขาต้องให้เขาเข้าใจ ต้องให้เขาเห็นภาพ"  เพราะสำหรับ ธนญชัย แล้วความงามของหนังโฆษณาอยู่ที่เนื้อหาที่หยิบยื่นให้กับสังคม  ‘คนชอบว่า ผมใช้ตัวแสดงหน้าตาไม่ดี หรือใช้มุกแบบไทยมาก ๆ แต่ผมว่ามันเป็นส่วนประกอบ จริง ๆ มันอยู่ที่คอนเทนท์ที่นำเสนอต่างหาก’
 
http://www.youtube.com/watch?v=bbVFNpdoh9E
โฆษณา smart purse ชุด ทิชชู
       
          เขายกตัวอย่างกาแฟกระป๋อง Back up ที่ออกมาสักพักใหญ่ที่ผ่านมา กาแฟกระป๋องโดยทั่วไปจะพูดถึงการตื่น ดื่มแล้วตื่น หรือตื่นตัวตลอดเวลา หากทำแบบนั้นก็เหมือนคนอื่น หรือหากไปใช้การออกกำลังกาย ก็ไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์  เราจึงหันไปเล่นกับคนขยันแทน ตัวแบรนด์ได้ความดูดี ในขณะที่หนังโฆษณาก็ยื่นทัศนคติที่ดีให้กับสังคม และจะทำให้ต่อไปต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ในส่วนของโฆษณาอาจรับใช้ทุนนิยมบริโภคนิยมเป็นใหญ่ แต่ถ้าอะไรที่โฆษณาช่วยสังคมได้ คิดดีต่อสังคมได้ คุณค่าของหนังจะเพิ่มขึ้นอีก
 
          นอกจากนี้ ยังมีหนังโฆษณาหมากฝรั่งคิดคิด ก็เสนอออกมาใช้เชิงบวก ทำให้หนังมีคุณค่ามากกว่าแค่หนังโฆษณาขายหมากฝรั่ง ซึ่งเจ้าของสินค้าก็เห็นด้วยกับแนวคิดหนังโฆษณาชุดนั้น เพราะช่วยกระตุ้นให้คนใช้ความคิด คิดจากสังคมรอบข้างมากขึ้น  หรือจะเป็นภาพยนตร์โฆษณาลูกอมฮอลล์ชุดพจมาน ที่ล้อเลียนละครไทย ว่ายังไงก็ตบตี แย่งสมบัติกัน ยังไงต้องมีตัวอิจฉา ซึ่งคนดูละครก็คงมีเบื่อบ้าง ซึ่งเมื่อกินฮอลล์แล้วก็ไม่มีเหตุการณ์ตบตีกัน  "สำหรับฮอลล์แล้วไม่ใช่สินค้าที่อิงกับแบรนด์อิมเมจ แต่เราจะทำยังไงให้คนจดจำสินค้าได้ เวลายืนอยู่หน้าเชลฟ์จะได้หยิบฮอลล์"
 
http://www.youtube.com/watch?v=SdUaJnuFDrk
โฆษณา ฮอลล์ตะไคร้ซีตรัส ชุด บ้านทรายทอง

           นอกจากนี้แล้ว ยังมีหนังโฆษณาที่ ปฏิเสธความเชื่อทางด้านการตลาดเรื่องความงาม นักการตลาดเชื่อว่าผู้บริโภคต้องการเห็นสิ่งที่ดีกว่าในหนัง เห็นคนที่สวยกว่า หล่อกว่า แต่ ธนญชัย กลับมองว่าคนสวยคนหล่อ พบแค่สามคนในร้อยคน แล้วจะมัวไปพูดกับคนสามคนทำไม อีก 97 คนต่างหากที่ครีเอทีฟควรไปพูดด้วย และโฟมล้างหน้าสมูธอีกับน้องจุ๋ม ก็สามารถตอบโจทย์ว่าที่เขาคิดนั้นถูกต้อง โดยเขา ให้มุมมองว่า ทำไมคนในโฆษณาต้องเน้นสวยงามขนาดนั้น เราต้องต่อสู้กับทฤษฎีการตลาดความเชื่อแบบเดิมๆ  จากคนร้อยคนมีคนหน้าตาดีมาก 3 คน เราจะเสียเวลาไปพูดกับคน 3 คนทำไม พูดกับคนหน้าตาธรรมดาน่าจะดีกว่า ด้วยเหตุนี้ในหนังโฆษณาสมูธอี เราจึงทำในสิ่งที่ไม่เคยเห็นในหนังโฆษณาโฟมล้างหน้ามาก่อน ใช้ตัวแสดงคนไทย ไม่ใช้ฝรั่ง พระเอกชื่อไทย ๆ ว่าเอก ไม่ใช่มาร์ค พระเอกเล่นตะกร้าไม่เล่นเบสบอล หรืออะไรก็แล้วแต่ถูกจับกลับด้านหมดเลย เน้นขายของแบบตรงๆ ตัวละครกำลังเศร้าพี่อ้อยตัวแสดงก็ยกโฟมมาขายเลย ขายกันซึ่ง ๆ หน้า ยังไม่จุใจ ทำลูกศรชี้ไปที่โฟมด้วย  ซึ่งวิธีคิดที่ต่างออกไปนี่เองที่ทำให้ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้รับรางวัลโกลด์ จากเมืองคานส์ในปี 2548
 
           กรณีของกรุงเทพประกันภัย ที่เอาเซลส์ขายประกันมาเป็นแมลงสาบ พร้อมกับโดนสมาคมเกี่ยวกับประกันออกมาต่อว่าต่าง ๆ นานา ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียคิดแปลกที่ ธนญชัย สร้างชื่อเอาไว้  "มันบอกผมว่าการยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่ยากมาก ต้องใช้ความกล้าเยอะ แต่การทำหนังชุดนี้ออกไป ก็ทำให้เกิดการปรับตัวเรื่องของเซลส์ขายประกันที่จะทำตัวเหมือนแมลงสาบไม่ได้ กรุงเทพประกันภัยนี่ยิ่งต้องปรับตัวกว่ารายอื่น ซึ่งถ้าใครมาว่า ผมก็พร้อมปรับปรุง" หนึ่งในหลายไอเดียที่สะท้อนผ่านผลงาน ธนญชัย ย้ำว่า สำหรับหนังโฆษณาการสร้างสิ่งใหม่ ๆ มัก มาพร้อมความเสี่ยง แต่นั่นก็ทำให้ครีเอทีฟรู้จักผู้บริโภคมากขึ้น  สำหรับตัวเขาแล้ว การทำงานจะยึดหลักเดินทางสายกลาง ไม่ใช่ทำงานมากไปแล้วหยุด หากแต่เป็นการทำงานอย่างเต็มที่ พร้อม ๆ กับบาลานซ์งานออกมาให้ดีกับทุกฝ่าย "ดีกับลูกค้า ดีกับสังคม ลูกค้าขายสินค้าได้ เราเองก็ได้ตังค์"
แม้จะเป็นหลักคิดง่าย ๆ แต่ก็ต้องอาศัยความลุ่มลึกก่อนจะกลั่นออกมาเป็นเนื้องานอย่างที่เห็น
 
แต่สำหรับชายคนนี้แล้ว...เป็นความต่างที่ยากจะเลียนแบบ!
 
ที่มา www.bangkokbizweek.com (http://www.bangkokbizweek.com)