[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะจากพระอาจารย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 05 มกราคม 2554 08:16:05



หัวข้อ: ธรรมโอวาท (หลวงปู่สิม )
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 มกราคม 2554 08:16:05

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/799/6799/blog_entry1/blog/2007-05-30/comment/45865_images/3.jpg)

  ธรรมโอวาท
  (หลวงปู่สิม )

   ถ้าตั้งใจภาวนาอยู่เสมอว่า
   เรามีความแก่เป็นธรรมดา
   ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา
   ความตายเป็นธรรมดา
   เราต้องพลัดพรากจากของรัก
   เมื่อผู้ใดมานึก มาเจริญในธรรมเหล่านี้อยู่
   จิตใจจะสบาย

   เพราะพระพุทธเจ้าตรัสเตือนไว้ว่า
   เป็นธรรมที่เราต้องนึกถึงอยู่เนืองๆ ติดต่อกันไป
   สิ่งเหล่านี้เราหนีไม่พ้น
   ต้องเอามาพิจารณา
   ทำจิตของตนให้ผ่องใสจนปราศจากมลทินโทษทั้งหลาย
   
   การภาวนานั้น
   ต้องภาวนาให้ได้ทุกอิริยาบถ
   ทุกลมหายใจเข้า – ออก

   ต้องปฏิบัติไปนานๆ จึงจะเข้าใจ
   ให้เราทำไปทีละน้อยโดยไม่ประมาท ไม่ว่าจะอยู่ที่นี้ อยู่ที่ไหนก็ตาม
   ในคืนหนึ่งๆ ก่อนจะหลับนอน
   ให้กราบพระไหว้พระ
   สวดมนต์ทำสมาธิให้ใจสงบระงับเยือกเย็นสบายเสียก่อน
   จึงค่อยหลับนอน

   เราต้องตั้งใจตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ เป็นต้นไปว่า
   บุญ – กุศลเรายังอยู่รักษาชีวิตเรามาด้วยบุญ – กุศลนี้
   เราจึงได้มานั่งภาวนาเดี๋ยวนี้
   ขณะนี้ก็ให้เพียรพยายามทำใจของเราให้มีความสงบระงับตั้งมั่นไปทุกวันคืน
   อย่าได้ประมาท
   ผู้ใดไม่ประมาท ภาวนาอยู่ทุกลมหายใจ
   ผู้นั้นแหละจะได้รับความสุขกายสบายใจชั่วชีวิต
   
   ร่างกาย สังขาร รูป นาม กาย ใจ ของคนเรานั้น
   เป็นก้อนทุกข์เป็นกองทุกข์อยู่ในตัวแล้ว
   ไม่มีใครไปแตะต้องมัน ก็ทุกข์ของมันเอง แก่ของมันเอง
   เจ็บของมันเอง ตายไปของมันเอง
   จะร้องไห้น้ำตาไหลเท่าไหร่มันก็ไม่กลับมาอีก

   ฉะนั้น จงทบทวนกระแสเข้ามาภายในว่า
   จิตใจอยู่ที่ไหน รู้ที่ไหน ก็อยู่ที่นั่น
   รู้ลมเข้าออกตรงไหน จิตก็อยู่ที่นั่นแหละ
   ทำความเพียรเพ่งอยู่ในจิตใจอันนั้นอยู่
   จะปรุงแต่งไปไหนก็อย่าได้หลงตาม
   ตายแล้ว ถ้าไม่หมดกิเลสก็เกิดอีก

   เพราะกิเลสมันพาเกิด พาตาย
   เพราะจิตที่ยังหลงใหลอยู่ในความโกรธ โลภ หลง ยึดตัวถือตน
   เป็นจิตที่ยังหลงอยู่
   ยังยึดอยู่ถืออยู่
   ยังไม่แจ้งในจิตในใจ ถ้าตายเมื่อใดก็เกิด

   ถ้าแจ้งในจิตใจแล้ว
   เมื่อความตายมาถึงเข้า ก็ไม่สะทกสะท้าน
   ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่จัดว่าตาย ท่านว่านิพพาน
   ความระลึกได้ในใจ นั่นแหละเป็นตัวสติ

   สติปัฏฐาน4
   ระลึกอยู่ในกาย ในรูปร่างกายตัวเอง
   ระลึกอยู่ในเวทนา ในจิตในธรรม
   ไม่ให้ออกหนีจากนี้
   ให้อยู่ในกาย ในจิต ดูกาย ดูจิตของตัวอยู่ตลอดเวลา
   ถ้าหลงลืมกาย จิต ขาดสติเมื่อใด
   กิเลสมาร สังขารมารก็ดึงไป ลากไป เข็นไป บังคับบัญชาไป
   กำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง
   
   คนใดประมาทมัวเมา
   ไม่นึกถึง ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์
   จิตใจจะเศร้าหมอง ขุ่นมัวว้าวุ่นไปหมด

   ฉะนั้น จงนึก จงเจริญอยู่เสมอว่า
   ชีวิตเรานั้นน้อยนิดเดียวไม่ใช่มากมายประการใด
   ชีวิตจริงๆ ก็อยู่แค่ลมหายใจเข้า – ออกแค่นี้เอง
   เวลานั่งสมาธิภาวนา
   ตาไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องดูอะไร

   เอาจิตใจดูใจของเรานั่นแหละ
   มันคิดฟุ้งซ่านไปไหน หลงไปในอารมณ์ใดๆ
   เอาตาใจนั้นสอนใจของเรา
   ผู้อื่นสอนยังห่างไกล
   จิตใจเราจะเข้าใจในธรรมะปฏิบัตินั้น
   ตัวเองจะต้องสอนตัวเอง

http://agaligohome.fx.gs/index.php?topic=2179.0 (http://agaligohome.fx.gs/index.php?topic=2179.0)
miracle of love
Pic by : Google * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ