[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 09 กรกฎาคม 2558 14:40:21



หัวข้อ: วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา : ชมวิหารเทพวิทยาคม
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 กรกฎาคม 2558 14:40:21


พาชม วิหารเทพวิทยาคม
วิจิตรแห่งสถาปัตยกรรม
ดำรงธรรมแห่งพระศาสดา


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/24856769334938_1.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/30561522394418_2.JPG)

'วิหารเทพวิทยาคม'  วัดบ้านไร่
ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา   


วัดบ้านไร่ หรือเรียกกันทั่วไปว่า วัดหลวงพ่อคูณ ตั้งอยู่บนถนนด่านขุนทด-คำปิง ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นวัดราษฎร์แห่งนิกายเถรวาท มีชื่อเสียงเนื่องจากหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระเกจิชื่อดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั้งประเทศ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วย หลวงพ่อคูณเป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมืองไปจนถึงชาวบ้าน ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ

วัดบ้านไร่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๓๖ แผ่นดินรัชกาลที่ ๕ โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ สอนหนังสือและคาถาอาคมของ คูณ ฉัตร์พลกรัง สมัยเยาว์วัยอายุ ๖-๗ ขวบ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ขณะนั้นบ้านไร่เป็นเพียงชุมชนเล็กๆ มีกัน อยู่ราว ๗๐ หลังคาเรือน ผู้คนยากจน ยังชีพจากการทำนาทำไร่ หาเช้ากินค่ำ รับจ้างตามประสา

กระทั่งหลวงพ่อคูณกลับมาพัฒนาวัด ณ บ้านเกิด หลังจากท่านเริ่มมีชื่อเสียง ก็มีผู้ศรัทธาเดินทางมาทำบุญ ทางเกวียนเปลี่ยนเป็นถนน ไฟฟ้า ประปาเข้าถึง ชาวบ้านมีอาชีพเป็นล่ำเป็นสันเพราะขายอาหาร เครื่องดื่ม ของชำให้คนต่างถิ่น แม้แต่เด็กๆ ก็รับจ้างเฝ้ารองเท้าได้ค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ

จากปี ๒๔๙๖ ช่วงที่หลวงพ่อคูณเป็นเจ้าอาวาส เป็นยุคที่วัดพัฒนาขึ้นมากที่สุด ได้จัดสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา เริ่มจากอุโบสถที่ชาวบ้านช่วยกันเข้าป่าตัดไม้ ซึ่งในสมัยก่อนมีอยู่มาก และแม้การตัดไม้ในสมัยนั้นไม่ค่อยสะดวกนัก ไม่มีเครื่องจักร ไม่มีถนน กว่าจะได้ไม้ที่เลื่อยแปรสภาพสำเร็จ ต้องผ่านการขนย้ายที่ยากลำบาก อาศัยโคเทียมเกวียนหรือใช้แรงงานคนลากจูงบนทางทุรกันดาร แต่หลวงพ่อคูณก็นำชาวบ้านช่วยกันสร้างจนสำเร็จ (ปัจจุบันอุโบสถหลังแรกนั้นรื้อลงแล้ว และก่อสร้างหลังใหม่แทน) นอกจากนั้นยังสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำอุปโภค-บริโภค ฯลฯ ด้วยทุนทรัพย์จากผู้เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วประเทศที่ร่วมถวายจตุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งเป็น "มูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น บูรณะวัด สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น

สำหรับสิ่งก่อสร้างภายในวัด ประกอบด้วย พระอุโบสถ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ หอแก้ว หอระฆัง อาคารประชาสัมพันธ์ ศูนย์โอท็อปและ "หอเทพวิทยาคม เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา" (อาคารปริสุทธปัญญา) ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๕๔  ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของวัดบ้านไร่ในปัจจุบัน ลักษณะเป็นอาคารประติมากรรมช้าง ตั้งอยู่บนพื้นที่บึงน้ำขนาด ๓๐ ไร่ เป็นอาคารสูง ๔ ชั้น รวมชั้นใต้ดิน (ชั้นบาดาล) ๑ ชั้น ความสูงรวม ๔๒ เมตร โดยชั้นดาดฟ้าของอาคารเป็นรูปปั้นหลวงพ่อคูณและสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อาคารตั้งอยู่บนลานทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๖๕ เมตร ทางเข้าด้านหน้าทิศตะวันออกเป็นซุ้มประตูพระอินทร์ สถิตอยู่ใต้เศียรช้างเอราวัณขนาดใหญ่ อีก ๓ ทิศ คือ ซุ้มพระยม ซุ้มพระพิรุณ และซุ้มพระกุเวร (ท้าวเวสสุวัณ) เสารอบอาคารเขียนภพชาติที่พระพุทธเจ้าถือกำเนิดทั้ง ๕๒๓ ชาติ ด้านผนังรอบนอกเป็นจิตรกรรมเรื่องทศชาติชาดก ตัวอาคารมีสะพานพญานาคเป็นทางเดินเชื่อมผ่านโลกมนุษย์สู่โลกแห่งธรรม ความยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้ทุกวันนี้หอเทพวิทยาคมเป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

หอวิหารดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก และการรวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...นสพ.ข่าวสด


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/55103225343757_4.JPG)
วิหารเทพวิทยาคม เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา (อาคารปริสุทธปัญญา)
ชั้นบนสุดของหลังคาพระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา และรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
(ซูมจากภาพถ่าย คิดว่าน่าจะใช่พระพุทธรูปปางลีลา)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/64767670838369_3.JPG)
จุดเด่นสำคัญของวัดบ้านไร่ คือ วิหารเทพวิทยาคม อุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่
สร้างเสร็จในปี ๒๕๕๔  ลักษณะเป็นอาคารประติมากรรมช้าง ตั้งอยู่บนพื้นที่บึงน้ำขนาด ๓๐ ไร่
เป็นอาคารสูง ๕ ชั้น รวมชั้นใต้ดิน (ชั้นบาดาล) และชั้นดาดฟ้า อาคารตั้งอยู่บนลานทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๖๕ เมตร
จัดเป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในเอเชีย

พระวิหารแห่งนี้ สร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
โดยมีวัตถุประสงค์เป็นศูนย์กลางการสืบสานและเผยแผ่แก่นคำสอนของพระพุทธศาสนา นั่นก็คือ “พระธรรม” 
รวมทั้งปริศนาธรรมต่างๆ ผ่านงานศิลปะกระเบื้องเซรามิกชิ้นเล็กๆ กว่า ๒๐ ล้านชิ้น แฝงอยู่ทั่วพระวิหาร 
โดยอาศัยแรงงานชาวบ้านเป็นผู้ติดอย่างละเอียดด้วยจิตศรัทธาและสมาธิ เพราะ ๑ วัน ๑ คน
สามารถติดเซรามิกโมเสกชิ้นเล็กที่สุดเท่าเม็ดถั่วเขียวได้เพียงไม่เกิน ๑ ตารางเมตร


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/59612611805399_5.JPG)
ตัวเสาค้ำพระวิหาร เพนท์เซรามิกบอกเล่าเรื่องราวชาดก ๕๓๗ ชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังคาพระวิหารออกแบบเป็น ๖๔ กลีบ แทนทิศทั้ง ๖๔ ที่พระบารมีของพระพุทธเจ้าแผ่กระจายออกไป
ภายในวิหารถูกออกแบบให้เป็น มหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก เป็นที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอน
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด เพื่อจรรโลงพระศาสนาให้เป็นไปตามพุทธบัญญัติ
ที่นี่จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/30580955619613_6.JPG)
ก่อนข้ามสะพานไปยังพระวิหาร ที่หัวสะพานมีรูปปั้นพญานาค ๑๙ เศียร ๒ ตัว
รวมกันจะได้ ๓๘ เศียร  สื่อความหมายถึง "มงคล ๓๘ ประการ"
อันเป็นคุณธรรมที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ ที่ใครปฏิบัติตามย่อมเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุข ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/85523863550689_1.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/38162389894326_2.JPG)
'มุมสวย' พญานาค ๗ เศียร ในสระน้ำข้างวิหารเทพวิทยาคม


หัวข้อ: Re: วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา : ชมวิหารเทพวิทยาคม
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 กรกฎาคม 2558 14:41:13


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/67123652497927_1.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/79263020969099_2.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/31713539030816_3.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/37638556833068_4.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/83001918304297_5.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/58787442867954_6.JPG)


สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในวัดบ้านไร่ที่ไม่ควรพลาดชมคือ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ (หลังเดิม) จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ
ตั้งแต่เยาว์วัย การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ วัตรปฏิบัติในสมณเพศที่ถือสันโดษและเป็นพระนักพัฒนา
แรงศรัทธามหาชนที่มีต่อหลวงพ่อคูณ รวมทั้งการบริจาคทานจำนวนมหาศาล
เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศและบางส่วนในต่างประเทศ

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/31563067560394_1.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/63337997761037_2.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/94720704108476_3.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/55473814242415_3_1.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/17494256173570_4.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/99534685951140_5.JPG)
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอัฐบริขารและเครื่องใช้จำเป็นในการครองสมณเพศ
รวมถึงสิ่งของเครื่องใช้จำนวนมากมาย ซึ่งผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/30112138638893__3588_3641_3603_.gif)
ถึงแม้ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ  ละสังขารจากไปแล้วด้วยวัย ๙๒ ปี
แต่คุณความดีของพระเดชพระคุณท่าน
ที่ได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ เกื้อกูลแก่สังคมส่วนรวม
ทั้งประเทศชาติและพระศาสนา ทำให้คอยระลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอ
เสมือนหนึ่งว่าท่านมิได้จากเราไป

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/93862123621834_7.JPG)
"กูยังไม่ตายด๊อก...ลูกหลานเอ๊ย"


หมายเหตุ : ภาพประกอบกระทู้นี้ ถ่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ก่อนหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ มรณภาพไม่นาน