[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 26 มีนาคม 2553 14:45:24



หัวข้อ: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มีนาคม 2553 14:45:24


(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/532/532/images/C3925353-16.jpg)

นางกวัก..เป็นใคร?  
ประวัตินางกวัก หรือแม่นางกวัก

ตามประวัติพุทธสาวกในสมัยพุทธกาลที่เมืองมิจฉิกาสีณฑนคร อยู่ไม่ไกลนักจากเมืองสาวัตถีมีครอบครัวหนึ่ง ประกอบอาชีพซื้อขายสินค้าต่างๆ เลี้ยงชีพสองสามีภรรยามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ "สุภาวดี" บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ มารดาชื่อ สุมณฑา ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ ได้ขยายกิจการซื้อเกวียนมา ๑ เล่ม นำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วยเพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ การไปค้าขายกับบิดานี่เองณ จุดพักขายสินค้า ทำให้สุภาวดี ได้มีโอกาสพบกับ "พระกัสสปเถรเจ้า" เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรม  

หลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้ว พระกัสสปเถรเจ้ากำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ ประสิทธิประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟังจนจบอำลากลับ

เมื่อสุภาวดีติดตามบิดาไปค้าขายยังเมืองอื่น ด้วยกุศลบารมีบันดาลให้สุภาวดีมีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านหนึ่งนามว่า "พระสิวลีเถรเจ้า" ในถิ่นที่บิดานำสินค้าไปขายการได้ฟังธรรมอย่างตั้งใจ สุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆเป็นอันมาก

พระสิวลีเป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระสงฆ์อื่น คือท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง ๗ ปี ๗ เดือน จึงคลอดออกมา พร้อมด้วยวาสนา บารมี ที่ติดกับวิญญาณธาตุของท่านท่านจึงเป็นผู้มีลาภสักการบูชามาหาท่านตลอด เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ

ทุกครั้งที่สุภาวดีได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีเถรเจ้าได้กำหนดกุศลจิตประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว เช่นเดียวกัน จิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึง๒ องค์ ส่งผลให้บิดาทำการค้าได้กำไรไม่เคยขาดทุน  นายวันชัยอธิบายต่อว่า บิดารู้ว่า สุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัวเวลาผ่านไปไม่นาน ครอบครัวร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทอง และกองเกวียนสินค้ามากมาย เทียบได้กับธนัญชัยเศรษฐี บิดาของวิสาขาแห่งแคว้นโกศล

เมื่อร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีแล้ว บิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้าปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา พร้อมทั้งใช้ทรัพย์สินที่ได้มาจากบุญบารมีของลูกสาวนั้น บำรุงศาสนา เช่น สร้างอุทยานแห่งหนึ่งแล้วยกถวายเป็นที่พักแก่พระภิกษุสงฆ์จากทั่วทุกทิศได้พัก พร้อมทั้งสร้างวิหารแล้วยกให้เป็นของวัด ถวายปัจจัยแก่พระสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ  เมื่อนำสินค้าไปขายต่างเมืองก็ถามพระภิกษุ ภิกษุณี และประชาชนรวมถึงคนที่นับถือศาสนาอื่น ที่มีกิจธุระไปยังเมืองนั้นๆ บ้างก็จัดหาพาหนะไปส่งช่วยเหลือคนตลอด

ผู้คนต่างรับรู้เรื่องราวและบารมีของสุภาวดี(นางกวัก) ที่เป็นที่มาแห่งความร่ำรวยก่อโชคลาภทางการค้าขาย ทั้งเป็นผู้มีศีลธรรม และคุณธรรม แม้เมื่อสุภาวดีตายไปแล้ว ความมีอิทธิฤทธิ์ในทางโชคลาภและการค้า ก็เล่าสืบต่อกันมาถึงคนรุ่นหลัง มีผู้นับถือมากมายถึงกับปั้นรูปสุภาวดีไว้บูชา ขอให้การค้ารุ่งเรืองและความเชื่อดังกล่าวนี้ก็แพร่หลายเข้ามายังสุวรรณภูมิ จากการเผยแพร่ของพราหมณ์


(http://www.amulet.in.th/forums/images/2905.jpg)



หัวข้อ: Re: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มีนาคม 2553 15:11:33


(http://www.siamtrends.com/wp-content/uploads/2010/09/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%81.jpg)

ตำนานนางกวัก
ธิดาของ"ปู่เจ้าเขาเขียว"

(http://www.toprich24ince.com/article/art_185466.jpg)

ส่วนอีกตำนานหนึ่งซึ่งเป็ของทางฟากไทยยังมีกล่าวถึงว่า มีความสืบเนื่องมาจาก
เรื่อง รามเกียรติ์ ตอนพระรามออกตามหานางสีดา

พระรามได้พบกับท้าวอุณาราชพญายักษ์เจ้านครสิงขร พระรามจึงแผลงศรเอาต้นกกเป็นศรมาถูกยอดอกท้าวอุณาราช คนทั้งหลายจึงเรียกกันว่า ท้าวกกขนาก

พระรามได้สาปให้ศรตรึงท้าวอุณาราชอยู่ภายในถ้ำเขาวงพระจันทร์ ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของจ.ลพบุรี แล้วยังสาปสำทับไว้ว่า ท้าวกกขนากจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในถ้ำเขาวงพระจันทร์จนกระทั่งถึงศาสนาพระศรีอาริย์
นางประจันทร์ธิดาของท้าวอุณาราช ทราบเรื่องก็เข้ามาเฝ้าปฏิบัติเป็นเพื่อนบิดาทั้งยังเอาใยบัวมาทอทำเป็นจีวร เตรียมไว้ถวายเมื่อถึงคราวพระศรีอาริย์เสด็จมา เป็นการสร้างกุศลอุทิศให้บิดา

ขณะนั้นชาวเมืองต่างเกรงกลัวท้าวอุณาราชหรือท้าวกกขนาก จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอาละวาด เห็นนางประจันทร์เอาน้ำส้มสายชูไปหล่อที่ศรก็พากันขับไล่นางประจันทร์ พร้อมกับกลั่นแกล้งด้วยนานาประการ

ความได้ทราบไปถึง"ปู่เจ้าเขาเขียว" ผู้เป็นสหายของท้าวอุณาราชจึงส่งธิดาองค์หนึ่ง ซึ่งมีรูปโฉมงดงามเป็นที่สุด เป็นที่แสนเสน่หาแก่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงในแผ่นดิน มาเป็นเพื่อนนางประจันทร์ เพื่อนางประจันทร์จะได้เสื่อมคลายความเศร้าโศกลงบ้าง

ปรากฏว่านับแต่ธิดา(แม่นางกวัก) ของปู่เจ้าเขาเขียวมาอยู่เป็นเพื่อนนางประจันทร์แล้ว ประชาชนที่เคยเกลียดชังนางประจันทร์มาแต่ก่อนกลับใจเป็นรักใคร่ นำของกำนัลต่างๆ มาให้นางประจันทร์เป็นบรรณาการอยู่เสมอไม่ขาด

แม้การเดินทางจะแสนทุรกันดารเพียงไร ประชาชนเหล่านั้นก็หาย่อท้อไม่พยายามเดินทางมาด้วยความรัก และเมตตาต่อนางประจันทร์เป็นที่ยิ่งมุ่งหน้ามาทำบุญกุศลกันอย่างคับคั่งมากมาย ความเกลียดชังที่ท่วมท้นเป็นอันเสื่อมสลายไปสิ้น
ด้วยเหตุนี้ นางประจันทร์จึงตั้งชื่อให้ธิดาของปู่เจ้าเขาเขียวว่า "นางกวัก" ด้วยคุณงามความดีอันมหาศาลนี้สัตบุรุษุทั้งหลาย จึงได้ให้พระเกจิอาจารย์ผู้ขลังทางเวทมนตร์สร้างรูป "แม่นางกวัก" ขึ้นไว้เป็นที่สักการบูชา เพื่อผลทางมหานิยมในการค้าขาย


(http://www.scimag.info/images/img_may08/mystery_may08-2.jpg)

เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู
ที่มา...tumsrivichai.com

 (:88:)  http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?p=51780 (http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?p=51780)



หัวข้อ: Re: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มีนาคม 2553 15:46:57

(http://www.scimag.info/images/img_may08/mystery_may08-1.jpg)
(http://)
(http://www.tumsrivichai.com/images/1210121223/naggua4.jpg)
นางกวัก หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม

“คาถาบูชานางกวัก”

      “โอมมหาสิทธิโชคอุดม โอมปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียวชื่อว่านางกวัก
ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงทัก รู้จักทุกตำบล คนรักถ้วนหน้า
โอมพวกพาณิชชาค้าหัวแหวน พากูไปค้าถึงเมืองแมน ค้าแหวนก็ได้แสนทะนาน

กูค้าสารพัดการ ก็ได้กำไรคล่อง ๆ กูจะค้าเงินก็เต็มกอง ทองก็เต็มหาบ
กลับมาเรือนสามเดือน เลื่อนเป็นเศรษฐี
สามปีเป็นพ่อค้าสำเภา โอมปู่เจ้าเขาเขียว ประสิทธิ์ให้แก่กูคนเดียวสวาหะ”


(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:vIO3q2vc8BSR4M:http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/602/13602/images/nk1.jpg)

    เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้เวลาจะผ่านมากว่า 2,500 ปีแล้ว แต่ความเลื่อมใสศรัทธาในนางกวัก
ยังคงอยู่อย่างมิเสื่อมคลาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิทธิและความเชื่อส่วนบุคคล

       แต่เมื่อเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น นางกวักยังเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจให้ผู้ทำมาค้าขาย
รู้จักเชิญชวนให้ลูกค้าเข้าร้าน เพราะหากหวังเพียงให้นางกวักช่วยเรียกลูกค้าให้อย่างเดียว

แต่เจ้าของร้านไม่ยิ้มแย้ม หน้าตาไม่เชิญชวนให้ลูกค้าเข้าร้าน นางกวักก็คงช่วยอะไรไม่ได้
ดังที่ พระครูสมุห์วิโรจน์ วรมงฺคโล
วัดปราสาทสิทธิ์ จังหวัดราชบุรี ได้แต่งกลอนเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ดังนี้


       โอมรวย มหารวย ช่วยกันกวัก
       หากแม่ตัก อาหาร ใส่จานขาย
       พ่อเสิร์ฟให้ ไม่นั่ง หวังสบาย

       ลูกแจกจ่าย น้ำด้วย คงรวยไว
       อันความรัก สมัครสมาน ในบ้านนี้

       หากว่ามี มั่นคง อย่าสงสัย
       ย่อมเกิดลาภ ทรัพย์พูน จำรูญใจ
       มิต้องให้ ใครอื่นกวัก เลยสักนาง



(http://www.tumsrivichai.com/images/1210121223/naggua3.jpg)
นางกวัก ทองแดงเถื่อน กรุนครศรีธรรมราช

http://www.scimag.info/topic_detail.php?emag_id=%20%20&%20topic_id=265%20&%20topic_value=1 (http://www.scimag.info/topic_detail.php?emag_id=%20%20&%20topic_id=265%20&%20topic_value=1)
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ



หัวข้อ: Re: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 26 มีนาคม 2553 17:06:11
โห ขอบคุณครับ เพิ่งรู้ประวัติ

นึกว่าเป็นแค่สิ่งที่คนอุปโลกน์ขึ้นเอาไว้บูชา

คล้าย ๆ ตำนานของท้าวจตุคามรามเทพ ที่หาที่มาแท้จริงไม่ได้สักที หลากหลายตำนานเหลือเกิน



เมื่อก่อนเป็นเด็กมักจะได้ยินเรื่องเล่าเล่นเสมอ ๆ ว่า

เอานางกวักไปบูชาบนหิ้งคู่กับขุนแผน ปรากฏว่าได้กุมารทองแถมมาอีกตัว

(ขุนแผนเล่นนางกวักซะแล้ว)



ขอบคุณครับสำหรับเนื้อหาดี ๆ



หัวข้อ: Re: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ 06 มิถุนายน 2553 07:33:07
นางกวัก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติ

นางกวักชื่อจริงว่า สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ มารดาชื่อ สุมณฑา เกิดที่เมืองมัจฉิกาสัณฑ์ (อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองสาวัตถี) มีครอบครัวประกอบอาชีพทำมาค้าขาย ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ ได้ขยายกิจการซื้อเกวียนมา 1 เล่ม นำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วย เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างการค้าขาย

สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับ "พระกัสสปเถระเจ้า" เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรม หลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้ว พระกัสสปเถระเจ้าได้กำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟังจนจบอำลากลับ

ต่อมา สุภาวดีได้เดินทางติดตามบิดาไปทำการค้า และมีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านหนึ่ง นามว่า "พระสิวลีเถระเจ้า" สุภาวดีได้ฟังธรรมอย่างตั้งใจ สุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆ เป็นอันมาก พระสิวลีเป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระสงฆ์อื่น คือ ท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน จึงคลอดออกมา พร้อมด้วยวาสนา บารมี ที่ติดกับวิญญาณธาตุของท่าน ท่านจึงเป็นผู้มีลาภสักการบูชามาหาท่านตลอด เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ ทุกครั้งที่สุภาวดีได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีเถระเจ้าได้กำหนดกุศลจิต ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว เช่นเดียวกัน

จิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์ ส่งผลให้บิดาทำการค้าได้กำไรไม่เคยขาดทุน

นางได้รับพรว่า "ขอให้เจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง จากการค้าขายสินค้าต่างๆสมความปรารถนาเถิด"

บิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว ครอบครัวร่ำรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองและกองเกวียนสินค้ามากมาย เทียบได้กับธนัญชัยเศรษฐี บิดาของวิสาขาแห่งแคว้นโกศล บิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา เมื่อนางสิ้นชีวิตแล้ว ชาวบ้านจึงปั้นรูปแม่นางสุภาวดีไว้บูชา ขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อดังกล่าวนี้ ก็แพร่หลายเข้ามายังสุวรรณภูมิ จากการเผยแพร่ของพราหมณ์ และยังคงเป็นความเชื่อที่สืบมาจนถึงทุกวันนี้

ดูเพิ่ม
มาเนะกิ เนะโกะ
ดึงข้อมูลจาก "นางกวัก - วิกิพีเดีย".
หมวดหมู่: ความเชื่อไทย
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่ขาดแหล่งอ้างอิง | บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ


หัวข้อ: Re: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ 06 มิถุนายน 2553 07:34:06
คาถาบูชาแม่นางกวัก (ดีทางด้านค้าขาย เมตตา มหานิยม)

Ç?Ҷ҈ѡ?Ԭʔ??Ԭ?蒧榬t;/a>


ว่านะโม ๓ จบแล้วกล่าวดังนี้
โอมปู่เจ้าเขาเขียวมีลูกสาวคนเดียว ชื่อว่าแม่นางกวัก หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายรัก อยู่ทุกถ้วนหน้า
เอหิมามะมะ อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิมามะมะ

จะค้าขายก็ขอให้เป็นเศรษฐี หนึ่งปีให้เป็นพ่อค้าสำเภาทอง จะค้าเงินขอให้เงินเข้ามากอง จะค้าทองขอให้ไหลมาเทมาเต็มบ้านเต็มเรือน จะค้าขายสิ่งหนึ่งประการใด ขอให้ซื้อง่ายขายคล่อง ขอให้ซื้อง่ายขายดี ขอให้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี
อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิมามะมะ นะมะอะอุ นะชาลีติ อิกะวิติ พุทธะสังมิ ทุสะมะนิ อิธะคะมะ จะพะกะสะ นาสังสิโม สุมะโมโล นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะเมตตา โมขายดี พุทธไม่ต่อ ธาซื้อดี ยะใจดี มิใจอ่อน รักพุทโธ ปฏิรูปัง สัมปะฏิจฉามิ เพี้ยง สิทธิโภคา สิทธิพะลา สิทธิจะมหาเดชา นะชาลีติ เอหิจงมา พุทธะสังมิ นิมามะมามา
มาช่วยกันค้า มาช่วยกันขาย กวักเอาเงินมา กวักเอาทองมา กวักเอาโชคลาภ แก้วแหวนเงินทองข้าวของ หน้าที่การงาน ผู้คน ชื่อเสียงเกียรติยศ ข้าทาสหญิงชายมา
มาด้วยนะโมพุทธายะ ปฏิรูปัง สัมปะฏิจฉามิ เพี้ยง พุทธังขอให้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ธัมมังขอให้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี สังฆังขอให้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เตชะสุเนมะภูจะนาวิเวอิติ นะเยปะรังยุตเต
ขอจงนำเอาโชคลาภ แก้วแหวนเงินทองข้าวของ มาสู่ในสถานที่นี้ด้วย เทอญ พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา
พุทธังคุ้ม ธัมมังคุ้ม สังฆังคุ้ม
เอหิพุทธานุภาเวนะ เอหิธัมมานุภาเวนะ เอหิสังฆานุภาเวนะ
อายุ วรรโณ สุขัง พลัง

http://www.salatham.com/prayer/multipray.htm#12 (http://www.salatham.com/prayer/multipray.htm#12)


หัวข้อ: Re: นางกวัก..เป็นใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 มิถุนายน 2555 00:39:14


(http://blog.revolgroup.com/wp-content/uploads/2011/03/chakrabhand-119.jpg)
http://blog.revolgroup.com/hall-of-fame/%E0%B8%AD-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C-%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95.html