[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2554 16:07:27



หัวข้อ: ยาคุมฉุกเฉิน ภัยเงียบสุดอันตราย ผลเสียต่อร่างกายสูง
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2554 16:07:27

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/02/17/ba7aj5fdcikck8ckb6gcd.jpg)

ยาคุมฉุกเฉิน...อันตรายกว่าที่คิด

  สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) เป็นห่วงวัยรุ่นไทย นิยมกินยาคุมฉุกเฉินแบบพร่ำเพรื่อ ชี้หากนำมาใช้ผิดๆ อันตรายกว่าที่คิด เพราะยาคุมฉุกเฉินแค่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ ไม่ได้มีฤทธิ์ป้องกันเอดส์หรือโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างที่หลายคนเข้า ใจผิด และละเลยการใช้ถุงยางอนามัย ทำให้เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อเอดส์ และ โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ซิฟิลิส

 ภญ.รศ.ดร.บุษบา จินดาวิจักษณ์  อุปนายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลว่า ในทุกปี ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เป็นสาเหตุนำไปสู่การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยของ ผู้หญิงอย่างน้อยจำนวน 20 ล้านคน ซึ่งกว่า 100,000 คน ต้องเสียชีวิตลงในที่สุด เพราะเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ และแม้ว่าหลายหน่วยงานจะมีการรณรงค์ให้ความรู้ถึงอันตรายและข้อจำกัดในการ ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน แต่ปัจจุบันยังพบว่ามีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยพบว่าส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น หลายคนนำไปใช้เหมือนยาคุมกำเนิดธรรมดา หรือกินทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกและอันตรายมาก เพราะยาคุมชนิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินทันทีทันใด  โดยตัวยาสำคัญในยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นฮอร์โมนเดี่ยวและเป็นฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่มีในยาคุมชนิดธรรมดา 5 เท่า 

 ภญ.รศ.ดร.บุษบา กล่าวเพิ่มเติมว่า หากจำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรใช้เกิน 2-3 ครั้งต่อเดือน สำหรับการใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินนั้น เช่น รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่แล้วแต่ขาดยาไปอย่างน้อย 2 วัน หรือใช้ถุงยางอนามัยแล้วฉีกขาดหรือมีรูรั่ว อีกกรณีหนึ่งคือถูกข่มขืน โดยประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะดีที่สุดเมื่อรับประทานยา 2 เม็ด และเริ่มเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 95% หากช้ากว่านี้ประสิทธิภาพก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็สามารถรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 2 เม็ดพร้อมกันก็ได้ ที่สำคัญต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ ข้อสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดจะลดลงได้หากมีโรคประจำตัวและมีการรับประทานยาบาง ชนิดร่วมด้วย เช่น ยากันชัก ยารักษาวัณโรค ยาปฏิชีวนะ ดังนั้นจึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ใช้ยาเหล่านี้

  “อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆ ในแต่ละเดือน เพราะจะมีการเสียเลือดมากและเกิดภาวะซีด ซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้ในการคุมกำเนิดแบบปกติ หากจะมีเพศสัมพันธ์ก็ควรวางแผนป้องกันการตั้งครรภ์ไว้ก่อน การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดธรรมดาเป็นวิธีที่สะดวกและประสิทธิภาพดี  ที่นิยมใช้คือยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งมี 2 แบบ แบบหนึ่งเป็นแผง 21 เม็ด อีกแบบเป็นแผง 28 เม็ด มีวิธีใช้คือ รับประทานยาเม็ดฮอร์โมนวันละเม็ดติดต่อกัน 21 วัน หยุด 7 วัน ปัจจุบันมียาคุมชนิดใหม่ที่ให้รับประทานยาเม็ดฮอร์โมนวันละเม็ดติดต่อกัน 24 วัน หยุด 4 วัน ซึ่งป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา: คมชัดลึก