[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:14:45



หัวข้อ: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:14:45


(http://www.livinginshape.net/Article/Article/Pic%20fruit%20All/All%20fruit.jpg)

ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!

เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้นกได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาเรื่อง Anti-Aging Medicine และ Regenerative Biomedical Technologies ซึ่งการสัมมนาประจำปีระดับนานาชาติครั้งที่  17  นี้ เกิดขึ้นที่เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริด้า นกได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับเรื่องศาสตร์การชะลอวัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ในการป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่ในอดีตไม่มีหนทางรักษา แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เรามีความหวังและความสำเร็จให้เห็นกันแล้ว นกยังได้อัพเดตความรู้มากมายเกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนัก วิธีการทำให้สำเร็จ รวมไปถึงตัวช่วยต่างๆ ซึ่งนกคงต้องขอทยอยค่อยๆ เล่าให้คุณผู้อ่านที่รักยิ่งได้ทราบถึงข้อมูลล่าสุดที่จะส่งผลกับการดำเนินชีวิตและการมีสุขภาพที่ดีของเรานะคะ

                มาคุยกันถึงอัพเดตเรื่องการลดน้ำหนักจากสถาบันจอห์น ฮอปกินกันดีกว่าค่ะ ด้วยหัวเรื่องว่า ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!! เชื่อมั๊ยคะว่าเมื่อผู้หญิงเราได้รับสารอาหารจากพฤกษเคมีอย่างครบถ้วนจะสามารถช่วยให้ลดน้ำหนักได้ถึง 8 กิโลกรัมในหนึ่งสัปดาห์ (ได้รับการรับรองจากการค้นคว้าของมหาวิทยาลัยฮอปกิน อันนี้นกขอหมายเหตุไว้นิดนึงว่าความสามารถในการลดน้ำหนักเป็นไปตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล คนที่น้ำหนักเกินพิกัดมากๆ อาจลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่น้ำหนักเกินพิกัดนิดเดียวในเวลาเท่าๆ กัน)


(http://www.suan-spirit.com/activity/image0(4).jpg)
(http://www.rakbankerd.com/kaset/Plant/2632_1.jpg)



หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:20:30


(http://i232.photobucket.com/albums/ee274/akapong99/ninn05/stobery_2.jpg)
(http://www.watnai.org/daily%20food%20herb/image%20herb/vegetable/Culinary,_best_quality_Wall.gif)

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญกับพฤกษเคมีหรือสารอาหารจากสีสันสดใสของผักผลไม้ที่มีฤทิ์ช่วยป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจและโรคอื่นๆ อีกมากมาย และอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเค้าค้นพบก็คือ พฤกษเคมีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการลดน้ำหนักค่ะ

                การศึกษาของ UCLA Center for Human Nutrition  พบว่าผู้หญิงถึง 89% ได้รับพฤกษเคมีจากผักผลไม้ที่กินอยู่ไม่เพียงพอ อาจจะเป็นจากวัฒนธรรมการกินด่วนและกินไม่ครบหมวดหมู่ แต่สำหรับคนที่กินผักผลไม้อยู่เป็นประจำนั้นเค้าก็ได้ทำการศึกษาว่าพฤกษเคมีชนิดไหนออกฤทธิ์ช่วยเผาผลาญไขมันอย่างไร เพื่อที่ผู้หญิงเราจะได้เลือกชนิดของผักผลไม้เพื่อช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้อย่างเหมาะสม

                การค้นพบล่าสุด:  The Journal Nutrition ค้นพบว่าผู้หญิงที่กินผักและผลไม้ดิบๆ ลดน้ำหนักได้มากกว่าผู้หญิงที่กินคาร์โบไฮเดรตชนิดดีที่ไม่ผ่านการขัดสีถึง 6 กิโลกรัม ในระยะเวลาการกินนาน 8 สัปดาห์ ข้อมูลนี้ก็สอดคล้องกับการกินแบบไร้ทแอนด์โลว์คาร์บที่นกได้แนะนำไว้ในหนังสือ Diet Secret นะคะ ว่าการลดน้ำหนักโดยที่จำกัดการกินน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตให้ผลดีและลดน้ำหนักช่วงแรกได้เร็วที่สุด หลังจากน้ำหนักลดแล้ว (ระยะเวลางดแป้งที่นกแนะนำก็ประมาณ 2-4 สัปดาห์ อย่าเกินนี้นะคะ เดี๋ยวจะขาดสารอาหาร) จึงค่อยกลับไปกินคาร์โบไฮเดรตที่ดีกับร่างกาย

                และมีการศึกษาแบบแบ่งผู้หญิงออกเป็นสองกลุ่ม โดยให้สองกลุ่มนี้กินอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่เท่ากัน โดยที่มีความแตกต่างกันก็คือผู้หญิงกลุ่มแรกได้กินอาหารที่มีพฤกษเคมีล้วนๆ ในขณะที่กลุ่มสองแค่ควบคุมปริมาณอาหารที่กินอยู่เป็นประจำ ปรากฏว่ากลุ่มที่กินพฤกษเคมีล้วนๆ ลดไขมันได้มากกว่าอีกกลุ่มถึง 22%

          มีการค้นคว้าที่ยืนยันเพิ่มอีกว่าการกินผักและผลไม้ช่วยให้ไม่อยากกินจุบกินจิบขณะที่ไดเอ็ทซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมน้ำหนักในระยะยาว พฤกษเคมีหรือสารอาหารจากสีสันสดใสของผักผลไม้ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร นกมีคำตอบให้ค่ะ


(http://www.prd.go.th/files/hugeimg/5bcf962340f70216a6b5b3460d6ff386.jpg)
(http://2.bp.blogspot.com/_2BO_AtCT60A/TMhN872PoLI/AAAAAAAAAEY/K7PDkSwf0R4/s320/Picture2.png)  (http://4.bp.blogspot.com/_2BO_AtCT60A/TIO5g36_4AI/AAAAAAAAAC4/UGjn4DFeIMg/s320/rei.jpg)



หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:29:30

(http://www.livinginshape.net/Article/Article/Pic%20fruit%20All/89652562.jpg)

พฤกษเคมีช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?

พฤกษเคมีช่วยต้านการอักเสบ  

เราต้องทำความเข้าใจว่าการอักเสบในเซลล์ส่งผลให้ไขมันสะสมมากขึ้น
เพราะมันทำให้คอร์ติโซนซึ่งเป็นฮอร์โมนกักไขมันในเลือดสูงขึ้น

และยังส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุลซึ่งส่งผลโดยตรงกับการเผาผลาญไขมัน
แต่การค้นพบใหม่ๆแสดงให้เห็นว่าพฤกษเคมีบางชนิดเมื่อจับคู่กับไขมันชนิดดี
ลดการอักเสบในเซลล์ได้ถึง 86%


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:34:28

(http://www.livinginshape.net/Video/image%20Tv%20show/93Pic%20C5/plant.jpg)

พฤกษเคมีช่วยดีท๊อกซ์  

มีการค้นพบว่าพฤกษเคมีช่วยเพิ่มเอ็นไซม์ที่ใช้ในการกำจัดของเสียจากตับ
มากถึง 244%
 ซึ่งช่วยให้ตับนั้นมีความสามารถในการย่อยไขมันและกำจัดสารพิษ

ที่ละลายอยู่ในไขมัน นั่นช่วยเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญไขมัน
ของร่างกายถึง 72%


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:38:00

(http://www.livinginshape.net/Article/Article/Pic%20fruit%20All/artichoke%20SM.jpg)

พฤกษเคมีช่วยกระตุ้นต่อมเผาผลาญ  

พฤกษเคมีหล่อเลี้ยงเซลล์ของต่อมไทรอยด์และต่อมหมวกไต
และช่วยเพิ่ม
ความสามารถในการเผาผลาญของต่อมทั้งสองนี้อีก 12%

ซึ่งมากพอที่จะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัมต่อปีเชียวนะคะ
 


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:45:22

(http://news.impaqmsn.com/imagelib/012009/d8846d3aa03a9d1.jpg)

พฤกษเคมีช่วยระงับการทำงานของยีนส์ไขมัน  

จากการทดลองกับสัตว์พบว่าพฤกษเคมีช่วยเพิ่ม Peroxisome Proliferator-Activate receptors  
ซึ่งระงับการทำงานของยีนส์ที่สะสมไขมัน

และปลุกยีนส์ที่กระตุ้นการเผาผลาญไขมันให้ทำงาน
(หมายเหตุ Peroxisome Proliferator-Activated Receptors
อ่านว่า เพอร็อกซิโซม โพรลิฟเฟอเรเตอร์ แอ๊คติเวทเต็ท รีเซพเตอร์

แปลโดยรวมว่า
เป็นผู้รับการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มจำนวนเซลล์ ให้กับ Peroxisome ค่ะ)


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:50:56

(http://www.livinginshape.net/Article/Article/Pic%20fruit%20All/brownrice%20sm.jpg)

พฤกษเคมีช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน

พฤกษเคมีหลายชนิดในอาหารมีไขมันชนิดดีควบคู่อยู่ด้วย เช่นแฟล็กซ์ซีด
(เมล็ดลินินหรือเมล็ดป่าน)

และน้ำมันมะกอกซึ่งกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมน Cholecystokinin ซึ่งเป็นฮอร์โมน
ที่มีหน้าที่บอกร่างกายว่าเราอิ่มแล้ว

มาดูกันดีกว่าค่ะว่าพฤกษเคมีสารอาหารในพืชตามธรรมชาตินี้ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้อย่างไร..


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 12:57:37

(http://www.livinginshape.net/Article/Article/Pic%20fruit%20All/sm%20kiwi.jpg)

Phenols

ฟีนอลส์  มีอยู่ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกหม่อน เชอร์รี่ แอปริคอท
แอ๊ปเปิ้ล และกีวี

ช่วยฟื้นฟูสภาพต่อมไทรอยด์และต่อมหมวกไตให้เผาผลาญได้เต็มประสิทธิภาพ และยัง
ช่วยลดการเจริญเติบโตของยีสต์ในร่างกาย

ฟีนอลส์เป็นตัวบรรเทาอาการปวดตามธรรมชาติ และลดความเสี่ยง
ในการเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง


(http://statics.atcloud.com/files/entries/5/59200/images/1_display.jpg)


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 13:05:54

(http://www.livinginshape.net/Article/Article/Pic%20fruit%20All/NGA1.jpg)

Lignans

ลิกแนนส์ มีอยู่ในแฟล็กซีด (เมล็ดลินินหรือเมล็ดป่าน) เมล็ดดอกทานตะวัน
เมล็ดงา และน้ำมันงา มะม่วงหิมพานต์

ลิกแนนส์มีบทบาทสำคัญในการลดการทำงานที่มากเกินไปของฮอร์โมนเอสโตรเจน
ซึ่งงานที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนชอบทำเกิน

ก็คือการสะสมไขมันที่หน้าท้องและสะโพก ลิกแนนส์ช่วยลดการสะสมไขมันนี้ได้
นอกจากนี้ลิกแนนส์ยังช่วยลด

อาการก่อนมีประจำเดือนได้ด้วยเช่นอาการหงุดหงิด ปวดหัว ปวดท้อง ลดความเสี่ยง
จากการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 14:50:32

(http://www.livinginshape.net/Video/image%20Tv%20show/93Pic%20C5/lemon.jpg)

Limonoids

ไลมอนอยด์  
มีอยู่ในผลไม้ตระกูลส้มรสเปรี้ยว (มีอยู่ในเปลือกเยอะมาก นกว่า
ส้มจี๊ดที่กินทั้งเปลือกน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี)

เพิ่มการหลั่งน้ำย่อยที่ละลายไขมัน 127% กระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลือง
ช่วยลดการมีเซลลูไลท์

นอกจากนี้ยังเสริมภูมิต้านทานต่อต้านเชื้อโรค ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง
และลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดในสมองแตก


(http://www.baanlaesuan.com/plantlover/Webboard/images_board%5Creply_Q3175A3.jpg)
ส้ม กิมจ๊อ ค่ะทานได้ทั้งเปลือก นำมาฝาก


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 14:58:10

(http://www.livinginshape.net/Video/image%20Tv%20show/93Pic%20C5/suforafen.jpg)

Sulforaphane

ซัลโฟราเฟน
มีอยู่ในพืชตระกูลครูซิเฟอร์รัส (ตระกูลกะหล่ำ) และพืชใบเขียวจัด
ช่วยให้ตับ เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

ลดการอักเสบ ลดฮอร์โมนคอร์ติโซนซึ่งเก็บกักไขมัน นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี
มีความต้องการทางเพศดีขึ้น

ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง


(http://www.agric-prod.mju.ac.th/vegetable/veg_image/cabbage.jpg)


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 15:14:07

(http://www.livinginshape.net/Video/image%20Tv%20show/93Pic%20C5/antosyanin.jpg)

Anthocyanins

แอนโธไซยานิน
มีอยู่ในเชอร์รี่ อโวคาโด มะเขือม่วง
มะม่วง องุ่นดำ และข้าวเหนียวดำ

ช่วยระงับการทำงานของยีนส์ที่สะสมไขมันและกระตุ้นการทำงาน
ของยีนส์ที่เผาผลาญไขมัน

รักษาระดับน้ำตาลในเลือด และลดความอยากกินจุบกินจิบ
นอกจากนี้แอนโธไซยานิน

ยังมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดตามธรรมชาติ ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ
และสุขภาพของสมองโดยรวม


(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:a4YvS-MTxP5iIM:http://web.agri.cmu.ac.th/highland/othercrops/avocado.jpg)


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 15:21:18

(http://www.livinginshape.net/Video/image%20Tv%20show/93Pic%20C5/carotinoy.jpg)

Carotenoids

แคโรทีนอยด์
มีอยู่ในแตงโม แครอท มะเขือเทศ แคนตาลูป
และพืชตระกูลน้ำเต้า

ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล กระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมอยู่
ตามที่ต่างๆ ออกมาใช้

จะได้ไม่ต้องมีสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อ้วน นอกจากนี้แคโรทีนอยด์
ยังช่วยในเรื่องของสายตา

ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงแดด ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานดีขึ้นและลดความเสี่ยง
การเป็นมะเร็งปากมดลูก


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 15:39:19


(http://www.tourtooktee.com/database/upload_files/news_happy/องุ่น1.jpg)  (http://www.livinginshape.net/nut_splash.jpg)

Resveratrol

เรสเวอราทรอล
มีอยู่ในองุ่นดำ ไวน์แดง และถั่วลิสง
ช่วยปรับสมดุล

ระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งส่งผลโดยตรงให้ลดการสะสมไขมัน
ที่พุงกะทิของเรา

เรสเวอราทรอลยังเพิ่มการหลั่งเคมีส่งสัญญาณว่าร่างกายอิ่มแล้วด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังช่วยลด LDL

หรือคอเลสเตอรอลชนิดเลว ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ลดความเสี่ยง
ในการเป็นโรคหัวใจและเส้นเลือดแตกในสมอง



(http://www.showwallpaper.com/wallpaper/1104/tn_052228.jpg)



หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 มีนาคม 2553 15:50:35

(http://www.livinginshape.net/Video/image%20Tv%20show/93Pic%20C5/aresin.jpg)

Allicin

อะลิซิน
มีอยู่ในกระเทียม หอมหัวใหญ่ ต้นหอม และต้นกระเทียม
 ยับยั้งการทำงานของ

ซีโนเอสโตรเจนและสารพิษอื่นๆ ที่ทำให้ร่างกายเก็บกักไขมัน
อะลิซินยังช่วยให้ตับเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

นอกจากนี้อะลิซินยังช่วยให้ร่างกายต่อสู้เชื้อโรคได้อย่างเข้มแข็งขึ้น
อะลิซินช่วยลด LDL หรือคอเลสเตอรอลชนิดเลว และช่วยลดความดันโลหิต

ในตอนนี้ขอให้กินผักและผลไม้สดสีสันสดใสให้เยอะๆ
นะคะ
ในตอนหน้านกมีเมนูเด็ดๆ และทิปส์ในการลดน้ำหนักมาฝากอีกค่ะ



(http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line18/reply-00000023843.gif)


(ข้อมูลจาก Luigi Gratton, M.D., Shari Lieberman, Ph.D.,
Wendy Bazilian, Dr.P.H.)

Credit by : http://www.livinginshape.net/Article/Article/The%20way%20to%20eat.html (http://www.livinginshape.net/Article/Article/The%20way%20to%20eat.html)
Pics by : Google
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ...


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: PETER ที่ 12 เมษายน 2553 20:38:46
ผู้หญิงอ้วนเพราะมีน้ำหนักตั้งแต่ 60 กิโลกรัมขึ้นไปค่ะ
 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 17:17:53

(http://img97.imageshack.us/img97/3954/anchan6.jpg)

ดอกไม้ไทยกินได้

(http://img36.imageshack.us/img36/5936/anchan.jpg)  ข้าวมันดอกอัญชันกับส้มตำดอกไม้

ข้าวมันหอมกลิ่นกะทิและสีสวยใสเพราะใส่น้ำคั้นดอกอัญชัน
กินเพลินเกินห้ามใจ เมื่อเคียงด้วยส้มตำดอกไม้         

ส้มตำเลิศค่า เพราะปรุงจากกลีบดอกไม้สด และลิ้มรสความ
สดสะอาดปราศจากสารพิษ

วิธีหุงข้าวมัน  (http://img97.imageshack.us/img97/5070/anchan5.jpg)   
 
ข้าวหอมมะลิกลางเก่ากลางใหม่         2 ถ้วย
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
กะทิสด 1 ถ้วย         
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ครึ่งช้อนชา
น้ำคั้นอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ       
ใส่ทุกอย่างหุงพร้อมกัน

วิธีคั้นน้ำอัญชัน        
เก็บดอกอัญชัน ยามสาย กลีบดอกขยายเต็มที่ เลือกเฉพาะกลีบดอก เก็บใส่ช่องแช่แข็ง       
เมื่อต้องการใช้ จึงนำออกมาใส่ในถุงพลาสติกเล็กๆ วางในอุณหภูมิห้อง ให้ละลาย         
เติมน้ำเปล่านิดหน่อย แล้วขยี้ถุงเบาๆ พอกลีบช้ำ จะได้น้ำอัญชันคั้นสดไว้ใช้



หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 17:24:13


(http://img707.imageshack.us/img707/7031/anchan1.jpg)  เครื่องปรุงส้มตำดอกไม้

- ดอกไม้สดตามฤดูกาล เช่น ดอกคูน ดอกอัญชัน ดอกเข็ม ดอกเฟื่องฟ้า
  ดอกกาหลง ดอกผักตบ ดอกขจร ดอกชบา         
  ดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ เป็นต้น เลือกใช้เฉพาะกลีบดอกที่มีสีสวยๆ
- แครอท ฟักทอง ฟักแม้ว ซอยหรือขูดเป็นเส้น ใช้แทนมะละกอ แต่ให้คุณค่าทางอาหารสูงกว่าและย่อยง่ายกว่า         
- ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง

วิธีทำน้ำส้มตำ
- น้ำปลา 1 ถ้วย       
- น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย มะนาว 1 ผล       
- น้ำตาลปี๊ป หรือ น้ำตาลทรายครึ่งถ้วย       
- กระเทียมบุบหยาบๆ ครึ่งถ้วย       
- พริกขี้หนูบุบหยาบๆ ครึ่งถ้วย น้อยหรือมากกว่าแล้วแต่ชอบ       
- คนทุกอย่างให้เข้ากัน เตรียมไว้สำหรับคลุกส้มตำดอกไม้

(http://img837.imageshack.us/img837/6905/anchan4.jpg)  วิธีทำส้มตำดอกไม้
     
- ปรุงเส้นแครอท ฟักทอง และฟักแม้ว พร้อมถั่วฝักยาวบุบ มะเขือเทศ และกุ้งแห้งด้วยน้ำส้มตำ
      คลุกเคล้าจนเข้ากัน       
- จากนั้น เติมกลีบดอกไม้ที่เตรียมไว้เป็นสิ่งสุดท้าย เพราะความบอบบางของกลีบ   
  ไม่จำเป็นต้องโขลก เพราะกลีบจะแหลกราญ แลดูไม่งาม ไม่น่ารับประทาน

คอลัมนิสต์ : คุณ พูลทรัพย์ เจตลีลา
ช่างภาพ : คุณ ชัยวุฒิ ประเสริฐศรี

(http://i307.photobucket.com/albums/nn281/sirin_bucket/eatfl2-2.jpg)

อ้างอิงภาพจาก : http://www.108health.com/108health/cimages/b004.jpg (http://www.108health.com/108health/cimages/b004.jpg)
อ้างอิงเนื้อหาจาก : http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=148&hMode=Menu (http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=148&hMode=Menu)
ภาพส้มตำดอกไม้จาก http://www.oknation.net/blog/ktu/2008/09/01/entry-1 (http://www.oknation.net/blog/ktu/2008/09/01/entry-1)



หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 17:47:54


ซุปถุงทอง

ซึ่งมีเครื่องปรุงหลักคือ ดอกฟักทอง
ซึ่งปกติแล้วเราจะนำมาลวกหรือนึ่งเป็นเครื่องจิ้มกินกับน้ำพริกเท่านั้น

...    ดอกฟักทอง  (http://img204.imageshack.us/img204/4111/89135170.jpg)

มีโคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นถ้วยลึก
กลีบบานออกเป็นปากแตร สีเหลืองทอง
ชื่อแสนจะเป็นมงคล อาหารก็ล้วนมีคุณค่า
ไม่ลิ้มไม่ลอง ไม่ได้แล้ว

ถุงทองแสนสวย คือ ดอกฟักทอง
ที่ต้องเก็บจากต้นใหม่ๆ ไม่เกินสาย
เพราะถึงเที่ยงวัน กลีบดอกก็จะหุบห่อ
แต่ถ้าเก็บใส่กล่องปิดสนิทไว้ในช่องผัก
ก็จะเก็บได้สักสองวัน
กรุณาเก็บกินเฉพาะดอกตัวผู้
เก็บดอกตัวเมียไว้สำหรับผลิตฟักทองน้อยต่อไป

(http://img707.imageshack.us/img707/9918/17787949.jpg)  ซุปถุงทอง

เครื่องปรุงและวิธีทำ

- ดอกฟักทองสดใหม่จากต้น เด็ดเฉพาะดอก ก้านไม่ใช้
- ไส้ปรุงรสตามถนัด เสริมเนื้อสัตว์กับผัก เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ ข้าวโพด
- ใบต้นหอมแช่น้ำร้อนให้สลดไว้ผูกปากดอก ส่วนลำต้นก็ซอย สำหรับใส่ในน้ำแกง
- น้ำซุปใส หรือ น้ำสต็อกกระดูก หรือแม้แต่ก้อนซุปปรุงรสก็ใช้ได้
- สอดไส้ปรุงรสแล้ว ลงในดอกฟักทอง พออวบอิ่ม
- รวบปากดอกเข้าหากัน แล้วใช้ใบหอมผูกปากให้แน่น แลดูเป็นถุงตุงๆ สีทอง
- ต้มน้ำซุปให้เดือด แล้วนำถุงทองน้อยๆ ลงต้มต่อ ประมาณ 10 นาที ไส้จะสุก
  ยกลงตักใช่ชามรับประทานได้

มีอีกหลายเมนูค่ะ คลิ๊กตามลิ้งค์ :
http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=6748.20 (http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=6748.20)
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ



หัวข้อ: Re: ผู้หญิงอ้วนเพราะขาดพฤกษเคมี!!!
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 22:11:32
ดอกบัวผมก็เห็นคนกินนะครับ

บริเวณเกสร ไม่ได้กินกลีบดอก เห็นว่าก็จืด ๆ มีกลิ่นเฉพาะของมัน


หัวข้อ: โจ๊กเห็ดหอมเจและเมนูวิธีทำนานาอาหารเจค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 สิงหาคม 2554 18:16:36


(http://www.bloggang.com/data/b/babymommy/picture/1253207053.jpg)

อาหารเจ : โจ๊กเห็ดหอมเจ
ส่วนผสม

ข้าวต้มหุงจนเละเป็นโจ๊ก          2          ถ้วย
น้ำซุปผัก                                 1/2 -1   ถ้วย
เห็ดหอมสดหั่นชิ้นเล็กลวก         1          ถ้วย

อาหารเจ : แกงป่า
ส่วนผสม

โปรตีนเกษตรเม็ดเล็กแช่น้ำจนพอง  1 ½ ถ้วย
เห็ดฟาง  1 ถ้วย
น้ำมันพืช  ½ ถ้วย
น้ำพริกแกงเผ็ด  ½ ถ้วย

มะเขือเปราะอย่างอ่อนผ่าสี่  2 ถ้วย
ขิงอ่อนหั่นฝอย ½ ถ้วย
กระชายหั่นฝอย  ½ ถ้วย
ใบมะกรูดฉีกใบละ 4 ชิ้น 10 ใบ

พริกชี้ฟ้าเขียว แดง หั่นแฉลบ 1 ถ้วย
ใบโหระพาเด็ด 1 ถ้วย
ซีอิ้วขาว 1/3  ถ้วย
น้ำตาลทราย  2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
    โปรตีนเกษตร เห็ดฟาง และน้ำใส่ลงในหม้อ  ตั้งไฟพอเดือดปิดฝา
    น้ำมันใส่กระทะตั้งไฟพอร้อนจัด ใส่น้ำพริกลงผัดประมาณ 3 นาที ตักใส่ในหม้อโปรตีน

ตั้งไฟพอเดือด ใส่ขิงอ่อน กระชายและใบมะกรูด พอเดือดสักครู่ใส่มะเขืออ่อนและพริกชี้ฟ้า ซีอิ้วขาว น้ำตาล มะเขือสุก แล้วใส่ใบโหระพา และใบกะเพราคนให้ทั่วยกลง

อาหารเจ : เห็ดหอมอบวุ้นเส้นเจ
ส่วนผสมอาหารเจ

    วุ้นเส้นแห้ง          160      กรัม
    หมี่กึ๋นหั่นชิ้นพอคำ          1/2      ถ้วยตวง
    เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นชิ้นพอคำ        1/2      ถ้วยตวง
    พริกไทยดำโขลกหยาบๆ        1      ช้อนชา
    คึ่นช่ายซอยหยาบๆ         1/2    ถ้วยตวง
    ขิงแก่ซอยละเอียด         1/2      ถ้วยตวง
    ซอสปรุงรส          5      ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย          1      ช้อนโต๊ะ
    น้ำเปล่าหรือน้ำซุป         1     ถ้วยตวง
    น้ำมันพืช        4      ช้อนโต๊ะ
    คึ่นช่ายหั่นท่อน ขนาด 1 นิ้ว        1/2     ถ้วยตวง

วิธีทำเห็ดหอมอบวุ้นเส้นเจ
1. ผสมขิงกับ ซอสปรุงรส ตามด้วยน้ำเปล่า คึ่นช่ายซอย น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ และคนให้เข้ากัน
2. นำวุ้นเส้นผสมเคล้าลงไป  คนให้เข้ากัน
3. ใส่น้ำมันพืชลงในหม้อ ตามด้วยคึ่นช่ายหั่นท่อนและหมี่กึ๋น เห็ดหอม วางเรียงในหม้อตามด้วยส่วนผสมของวุ้นเส้น ปิดฝานำไปตั้งไฟอบประมาณ 15 นาที สุกพร้อมจัดรับประทาน

อาหารเจ : เต้าหู้ผัดเผ็ด
ส่วนผสม

1. เต้าหู้หั้นสี่เหลี่ยม ทอดกรอบ พอเหลือง  1  ถ้วย
2. เครื่องแกงเผ็ดใต้เจ 1 ช้อนโต๊ะ
3. กะทิสด 1  ถ้วย
4.ใบโหระพาเด็ดใบ 1 กำ
5. พริกชี้ฟ้าสด สีแดง  4  ดอก
6. ซีอิ้วขาว  1 ช้อนโต๊ะ
7. เกลือป่น  ½  ช้อนชา

วิธีทำ
1. หั่นเต้าหู้ เป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทอดเต้าหู้ให้พอกรอบ (สีเหลือง)
2. ตั้งกะทะให้ร้อน ใส่กะทิลงไป 1/2 ถ้วย (พอประมาณท่วมเต้าหู้ที่มี)
3. ใส่เครื่องแกงเผ็ดใต้ ลงไปผัดพอหอม แล้วใส่เต้าหู้ที่ทอดไว้ลงไปด้วย
4. ผัดให้เข้ากัน เติมเกลือ ซีอิ้ว และ ใส่ใบโหระพาลงไปผัด
5. ผัดจนสุก ชิมรส และเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

             (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQCV6WLpg0oQI85Sf-VykT1rwkC9ywDympike3mIPEvAEFAk-K8DA)

-พริกแกงเผ็ด
ส่วนผสม

1. พริกแดงเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
2. เกลือป่น ½ ช้อนชา
3. ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนชา
4. ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
5. ผิวมะกูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
นำพริกแกะเม็ดล้างน้ำหั่นหยาบๆ โขลกกับเกลือและตามด้วยส่วนผสมอื่นๆ เก็บไว้ใช้ปรุงกับอาหารอื่นๆ

-พริกแกงเขียวหวาน
วิธีทำทุกอย่างเหมือนสูตรพริกแกงเผ็ด ยกเว้นเปลี่ยนส่วนผสมจากพริกแห้งเป็นพริกสดหรือพริกชี้ฟ้าสด
(http://www4.pantown.com/data/5495/board18/166-20050911144948.jpg)
มีอีกเยอะน่ะค่ะ :
http://www.xn--q3cped3cb5f8b6d.com/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%88/ (http://www.xn--q3cped3cb5f8b6d.com/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%88/)



หัวข้อ: Re: อาหารเจ กินเจ อย่างไรให้ถูกหลัก+สูตรอาหารเจง่ายๆ
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 กันยายน 2554 13:21:47


(http://img.kapook.com/image/Food/j%20food.jpg)

(http://img.kapook.com/image/Food/j%20food2.jpg)

(http://img.kapook.com/image/Food/fried%20taofu.jpg)

          นับถอยหลังเข้าสู่เทศกาลกินเจอีกแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงตั้งใจจะทาน "อาหารเจ" กันในปีนี้ ว่าแต่ "อาหารเจ" จริง ๆ แล้วอะไรที่เราทานได้ และทานไม่ได้บ้าง วันนี้กระปุกดอทคอม มาแนะนำการกินเจที่ถูกวิธีให้ฟังกันค่ะ

          สำหรับ อาหารเจ เราจะทานในระหว่างเทศกาลกินเจ คือช่วงระหว่างวันขึ้น 1-9 ค่ำเดือน 8 (ตามปฏิทินจีน) ซึ่งตรงกับประมาณเดือนตุลาคม มีระยะเวลาประมาณ 10 วัน โดยมีความเชื่อว่า หากใครกินเจจะได้บุญ ส่งผลให้ชีวิตประสบความสุขความเจริญ ทั้งเป็นการต่อชีวิตให้ยืนยาวต่อไปด้วย หรือในบางคนอาจจะทาน "อาหารเจ" เป็นกิจวัตรประจำวันก็ได้

          แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงอาหารเจ เราต้องหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ทุกชนิด และปรุงอาหารด้วยแป้ง เต้าหู้ ซีอิ๊ว ถั่วเหลือง ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งผักนานาชนิด ยกเว้น ผักฉุน 5 ประเภท ที่เป็นผักรสหนัก มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ และยังมีพิษทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ นั่นก็คือ

          1.กระเทียม ทั้งหัวกระเทียม ต้นกระเทียม ส่งผลกระทบต่อธาตุไฟของร่างกาย แม้ว่ากระเทียมจะมีสารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล แต่กระเทียมมีความระคายเคืองสูง อาจไปทำลายการทำงานของหัวใจได้ ผู้เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือโรคตับ ไม่ควรรับประทานมาก

          2.หัวหอม รวม ไปถึงต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่ ซึ่งตามหลักการแพทย์โบราณของจีนเชื่อว่า หัวหอม จะกระทบกระเทือนต่อธาตุน้ำในร่างกาย และไปทำลายการทำงานของไตได้ แม้ว่าหอมแดง จะมีฤทธิ์ช่วยขับลม แก้ท้องอืด แก้ปวดประจำเดือน แต่ไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้ง่าย รวมทั้งนัยน์ตาพร่ามัว มีกลิ่นตัว

          3.หลักเกียว หรือที่รู้จักว่า กระเทียมโทนจีน ลักษณะคล้ายหัวกระเทียมที่พบเห็นทั่วไป แต่จะมีขนาดเล็กและยาวกว่า ในทางการแพทย์ของจีนเชื่อว่า หลักเกียว ส่งผลกระทบกระเทือนต่อธาตุดินในร่างกาย และไปทำลายการทำงานของม้าม

          4.กุยช่าย เชื่อกันว่า กุยช่าย จะไปกระทบกระเทือนต่อธาตุไม้ในร่างกาย และทำลายการทำงานของตับ

          5.ใบยาสูบ ไม่ว่าจะเป็นยาเส้น บุหรี่ ของเสพติดมึนเมา อะไรต่าง ๆ จะส่งผลกระทบกระเทือนต่อธาตุโลหะในร่างกาย และทำงานการทำงานของปอด

(http://img.kapook.com/image/Food/menufood1.jpg)



หัวข้อ: Re: อาหารเจ กินเจ อย่างไรให้ถูกหลัก+สูตรอาหารเจง่ายๆ
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 กันยายน 2554 13:25:03


(http://img.kapook.com/image/Food/menufood2.jpg)

(http://img.kapook.com/image/Food/menufood3.jpg)

           และหากต้องการกินเจให้ถูกหลัก เราควรรับประทานผักผลไม้ต่าง ๆ ให้ครบ 5 สีในแต่วัน ตามสีของแต่ละธาตุทั้ง 5 คือ

           1.สีแดง แดงส้ม แสด ชมพู เช่น มะเขือเทศ แครอท พริกสุก มะละกอ แตงโม ฯลฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟ จะช่วยลดคอเลสเตอรอลส่วนเกิน ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสขม ที่จะไปทำอันตรายต่อระบบการไหลเวียนของโลหิต

           2.สีดำ น้ำเงิน หรือ ม่วง เช่น ถั่วดำ เผือก มะเขือม่วง เห็ดหูหนู ลูกหว้า องุ่น เป็นสัญลักษณ์ของธาตุน้ำ มีประโยชน์ต่อไต ส่วนผู้ที่มีปัญหาเรื่องไต ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเค็ม

           3. สีเหลือง ทั้งเหลืองแก่ และเหลืองอ่อน เช่น ฟักทอง ถั่วเหลือง มะม่วง ข้าวโพด กล้วย ทุเรียน เป็นสัญลักษณ์ของธาตุดิน มีประโยชน์ในการบำรุงม้าม แต่ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสหวาน

           4. สีเขียว ทั้งสีเขียวเข้ม สีเขียวอ่อน เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ฝรั่ง ถั่วฝักยาว ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไม้ หากรับประทานมาก ๆ จะช่วยบำรุงตับ ส่วนผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับ ควรงดทานอาหารรสเปรี้ยว

           5. สีขาว เช่น ลูกเดือย ผักกาดขาว มะพร้าว น้อยหน่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุโลหะ มีประโยชน์ต่อปอด สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องปอด ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเผ็ด

          อย่าง ไรก็ตาม ผู้ทานอาหารเจ ควรทานอาหารให้ครบทั้ง 5 สี ตามธาตุทั้ง 5 โดยสลับกันไปในแต่ละวัน เพื่อให้ได้สารอาหาร และคุณค่าที่ครบถ้วน

          และวันนี้เราก็มี สูตรอาหารเจ เมนูอาหารเจแบบง่าย ๆ มาฝากกันด้วยค่ะ

ต้มจับฉ่ายเจ
ส่วนผสม ต้มจับฉ่ายเจ

          กะหล่ำปลี 1 หัว
          คะน้า 1 ถ้วย
          ซุงฉ่าย (คล้ายกวางตุ้ง แต่ต้นใบใหญ่กว่า)   1  ถ้วย
          ขึ้นฉ่าย   1  ถ้วย
          ผักกวางตุ้ง   1 ถ้วย
          หัวไชเท้า 1  หัว
          เห็ดหอม  1 ถ้วย
          รากผักชี   3 ราก
          เต้าหู้ทอด 2 ก้อน
          น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
          งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
          เกลือ 2 ช้อนชา
          ซีอิ๊ว 2 ช้อนโต๊ะ
          น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
          ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
          ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ต้มจับฉ่ายเจ

          เริ่มจากผ่ากะหล่ำปลี เป็น 8 ซีก และหั่นผักทุกชนิดเป็นชิ้นใหญ่ จากนั้นโขลกงาคั่ว รากผักชีรวมกัน แล้วเจียวกับน้ำมันพืชจนหอม ใส่ต้นซุงฉ่ายลงผัด แล้วผัดผักชนิดอื่น ๆ ตามไป ใส่น้ำ ใส่เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปีบ ซอสถั่วเหลืองปรุงรส เมื่อเสร็จแล้วให้ตักผัดผักที่ได้ลงหม้อ แล้วใส่เห็ดและเต้าหู้ที่ทอดไว้เรียบร้อยแล้ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ เติมน้ำต้มให้เปื่อยยกลงเสิร์ฟ

เห็ดหอมน้ำแดง
ส่วนผสม เห็ดหอมน้ำแดง

          เห็ดหอมสด  15  ดอก
          แป้งมัน  1/2 ช้อนโต๊ะ
          งาคั่วบด  1/2 ช้อนโต๊ะ
          น้ำมันพืช  2 ช้อนโต๊ะ
          ผงพะโล้ 1/4 ช้อนชา
          ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
          ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
          ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
          น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
          เกลือป่น1/2 ช้อนชา
          พริกไทย 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ เห็ดหอมน้ำแดง

          ตัดก้านเห็ดหอมออกโดยใช้มีดบาก 2-3 รอย แต่อย่าให้ขาดแล้วทุบให้แบน เจียวงาในน้ำมันพอร้อนแล้วใส่เห็ดลงไปผัด เติมน้ำ 1 ถ้วย เคี่ยวจนสุกแล้ว จากนั้นใส่แป้งละลายน้ำลงไปเคี่ยวให้เดือดสักครู่ ปรงุรสก่อนจะยกลงเสิร์ฟ


                            ข้าวผัดเจ  (http://www.edtguide.com/webboard/images/57537_54f5b96a630221b93cff9f49767d1be7.jpg) 
ส่วนผสม ข้าวผัดเจ

          ข้าวสวย 1 ถ้วย
          แครอทหั่นเป็นลูกเต๋า 1/4 ถ้วย
          เห็ดหอม 2 ดอก (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ )
          ถั่วฝักยาว หั่น 1/2 ซม. 1/4 ถ้วย
          เต้าหู้สีเหลืองหั่นเป็นลูกเต๋ม 1/2 ถ้วย
          น้ำตาลทราย      1      ช้อนชา
          ซีอิ๊วขาว     1/2     ช้อนโต๊ะ
          น้ำมันพืช     2     ช้อนโต๊ะ
          ซีอิ๊วดำ     1/2     ช้อนชา

วิธีทำ ข้าวผัดเจ

          ตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ 1 ช้อนโต๊ะ นำเห็ดหอมที่หั่นแล้วลงไปผัดจนเริ่มเหลือง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวแล้วตักขึ้นพักไว้ จากนั้นใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ข้าวลงผัด ตามด้วยเต้าหู้เหลือง ถั่วฝักยาว แครอท และเห็ดหอมที่ผัดไว้เรียบร้อยแล้ว ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ  ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เมื่อผัดส่วนผสมจนสุกทั่วกันแล้วยกลงเสิร์ฟได้


                       (http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1169134&stc=1&thumb=1&d=1286462424)
ผัดหมี่เจ
ส่วนผสม ผัดหมี่เจ

          หมี่เหลือง 1 ถ้วย
          ผักคะน้า 1 ต้น
          เห็ดฟาง 4-5 ดอก
          เห็ดหอมปรุงรสหั่นเสี้ยว  2  ดอก
          เต้าหู้เหลืองหั่นเล็ก 1ช้อนโต๊ะ
          หัวไชโป๊สับละเอียด 1  ช้อนโต๊ะ
          ถั่วงอกเด็ดหาง 1/2 ถ้วย
          ถั่วลิสงคั่วป่น  1 ช้อนโต๊ะ
          พริกป่น 1-2 ช้อนชา
          น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          ซีอิ๊วขาว  1 ช้อนโต๊ะ
          น้ำส้มสายชู  1 ช้อนโต๊ะ
          น้ำซุปผัก 1/2 ถ้วย
          น้ำมันพืช 3-4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ผัดหมี่เจ

          หั่นผักคะน้าเป็นชิ้นพอดี ส่วนเห็ดฟางให้เฉือนโคนที่สกปรกออก แล้วผ่าครึ่ง จากนั้นใสน่้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน นำผักคะน้า เห็ดฟาง เห็ดหอม เต้าหู้ หัวไชโป๊ ลงไปผัดให้หอม ใส่หมี่เหลือง คลุกเคล้าผัดให้ทั่ว แล้วใส่น้ำซุป ผัดต่อไปจนแห้ง ปรุงรสด้วยพริกป่น น้ำตาล ซีอิ๊วขาว น้ำส้มสายชู ใส่ถั่วลิสงป่น ผัดสักครู่ ใส่ถั่วงอก (แบ่งไว้โรยหน้าเล็กน้อย) พอทุกอย่างสุก ยกลงตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับมะนาวหั่นเสี้ยว และถั่วงอกโรยหน้า

          แถมท้ายสำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ เทศกาลกินเจนี้อาจต้องเปลี่ยนมาดื่ม "กาแฟดำ" หรือกาแฟที่ไม่ใส่ทั้ง "นม" และ "ครีม" เช่น "เอสเพรซโซ" แทนค่ะ แต่หลายคนก็ทานกาแฟดำไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ลองใช้ "นมถั่วเหลือง" แทนได้ค่ะ หรือลองหาซื้อ "กาแฟเจ" ที่บางยี่ห้อวางขายในช่วงเทศกาลกินเจนี้ดูก็ได้ค่ะ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ที่มา
:http://www.kapook.com/]http://www.kapook.com/
Memoryforyou : http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=3540.msg17193;topicseen#msg17193 (http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=3540.msg17193;topicseen#msg17193)
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ



หัวข้อ: Re: ควันหลง.. ด้วยห่วงใย... : วิธีการกินเจที่ถูกต้อง
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 ตุลาคม 2554 08:32:56


            (http://upic.me/i/px/or672076.gif)  วิธีการกินเจที่ถูกต้อง

เห็นธงเหลืองตัวอักษรสีแดงปลิวไสวไปทั่วบ้านทั่วเมืองเช่นนี้ เป็นสัญลักษณ์ว่า เทศกาล "กินเจ" ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง กินเจเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานถือได้ว่าเป็นเทศกาลบุญที่สืบทอดติดต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ไปจนถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน

เวลานั้นผู้คนจะพากันละเว้นการเบียดเบียน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต งดเว้นการกินเนื้อสัตว์และหันไปรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ให้บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ จึงนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการทำบุญได้ดียิ่ง

แต่ถ้าเป็นในเรื่องของสุขภาพ ขอบอกว่า ประโยชน์ของการกินเจมีอยู่เพียบ นั่นเป็นเพราะเมื่องดเนื้อสัตว์แล้วหันมาบริโภคพืชผักแทนจะทำให้ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมด จะทำให้ระบบการย่อยอาหารเป็นไปปกติ อวัยวะภายในอย่างหัวใจ, ไต, ม้าม, ตับ, ปอด, ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ, กระเพาะอาหาร, ถุงน้ำดี ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เลือดจะถูกฟอกให้สะอาด เซลล์ในร่างกายก็จะเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ทำให้ร่างกายต้านทานต่อสารพิษและรังสีต่างๆ ได้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นกินเจยังสามารถป้องกันโรคอันไม่พึงประสงค์อย่างโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต, โรคไต, ไขข้ออักเสบ, โรคเกาต์, โรคเบาหวาน รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับระบบการย่อย การขับถ่าย และโรคทางเดินอาหารด้วย

แม้จะมีข้อดีเลิศประการใด แต่การกินเจก็อาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้ที่สภาวะร่างกายไม่แข็งแรงสมบูรณ์ เด็กเล็ก หรือสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะอาจจะได้รับสารอาหารไม่พอเพียง

ดังนั้นการกินเจได้อย่างมีคุณค่านั้น มีข้อแนะนำดังนี้

- ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม เนย หัวหอม กระเทียม กุยช่าย หลักเกียว และใบยาสูบ คนกลุ่มนี้ต้องเติมอาหารที่มีกรดอะมิโนทดแทน ประเภทถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ เป็นการเสริมสารอาหารจำพวกโปรตีน ธาตุเหล็ก

- ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ หัวหอม กระเทียม หัวไชเท้า กุยช่าย พริกแดงแต่ดื่มนมแทน กลุ่มนี้นอกจากอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้งแล้ว ควรเสริมกลุ่มเกลือแร่และกินผักผลไม้ช่วยด้วยจะเป็นการดี

- ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์แต่กินไข่และนมเนยทุกชนิด ร่างกายของคนกลุ่มนี้จะยังได้รับสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียมอย่างพอเพียง รูปแบบของการกินประเภทนี้เด็กที่ต้องการกินเจก็สามารถร่วมกิจกรรมได้

- อย่าเลือกรับประทานแต่ผักเพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ จึงควรทานธัญพืช เช่น เมล็ดงา ลูกเดือย ลูกบัว หรือพืชตระกูลถั่ว หรือถั่วแปรรูปอย่างเต้าหู้ และพืชจำพวกที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก มัน กลอย ร่วมไปด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น

- คนกินเจควรบันยะบันยังในเรื่องของการบริโภคแป้งในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่ผัด ทอดที่ใช้น้ำมันมาก กลายเป็นอาหารไขมันสูง เป็นที่มาของโรคอ้วนในที่สุด ทางที่ดีจึงควรเลือกอาหารที่ผ่านการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง ยำ อบ

- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด จากการใช้ซีอี๊วขาว เต้าเจี้ยว หรือเกลือแทนน้ำปลา เพราะอาจเป็นอันตรายต่อไตและความดันโลหิตสูงได้

- ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด เพราะจะส่งผลไปถึงอวัยวะต่างๆ ขมจัดส่งผลต่อหัวใจ เค็มจัดส่งผลต่อไต หวานจัดส่งผลต่อม้าม เปรี้ยวจัดส่งผลต่อตับ เผ็ดจัดส่งผลต่อปอด

- ควรรับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่ หรือผักสดผลไม้ มากกว่าของหมักดองหรืออาหารกระป๋องสำเร็จรูป

- ควรล้างทำความสะอาดพืช ผัก ผลไม้ที่นำมาปรุงอาหารเพื่อลดสารพิษที่อาจปนเปื้อน

อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะออกกำลังกายร่วมด้วยจะเป็นส่วนช่วยเสริมทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ดียิ่งขึ้น

9 วันแห่งเทศกาลบุญปีนี้จะได้เป็นจุดเริ่มต้นของความสมบูรณ์ทั้งกายและใจแบบสุดๆ ไปเลย...

:http://new.goosiam.com/variety/html/0024275.html