[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 13:06:39



หัวข้อ: ชาดก เรื่อง "แสงเมืองหลงถ้ำ"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 13:06:39
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/47399048962526_a2.jpg)
จิตรกรรมสีฝุ่น : ชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ  
วัดเวียงต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

แสงเมืองหลงถ้ำชาดก

ในชาดกแสงเมืองหลงถ้ำ สรุปความตามคัมภีร์ของวัดป่าสักน้อย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจารเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นฉบับหลัก และใช้คัมภีร์ของวัดกู่ฅำ และของวัดควรคู่ม้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นฉบับตรวจสอบ และทุกฉบับไม่ปรากฏนามผู้แต่งคัมภีร์นี้  

ในปรารภชาดกของแสงเมืองหลงถ้ำนี้ กล่าวว่า ในครั้งพระพุทธองค์ประทับที่เชตวันวนาราม เหล่าภิกษุปรารภกันว่านางยโสธราพิมพาคร่ำครวญถึงพระพุทธเจ้า และมีความภักดีในพระพุทธองค์อย่างยิ่ง เมื่อทรงทราบด้วยทิพโสตแล้ว พระพุทธองค์จึงเสด็จมาในที่ชุมนุมนั้นแล้วตรัสว่า นางยโสธราพิมพาเคยประพฤติเช่นนั้นมามากครั้งแล้วในอดีตชาติ แล้วทรงเล่าเรื่องแสงเมืองหลงถ้ำตามการทูลอาราธนาของหมู่สงฆ์ดังนี้

กาลครั้งหนึ่ง ท้าวมันธราชและนางสุมิราครองเมืองเชียงทองแต่ไม่มีโอรส ท้าวมันธราชจึงโปรดฯ ให้นางสุมิรารับประทานอาหารวันละมื้อและรักษาศีล ๗ วัน เพื่อขอบุตร ผลการบำเพ็ญดังกล่าวทำให้พระอินทร์ร้อนใจ จึงไปเชิญพระโพธิสัตว์มาปฏิสนธิในครรภ์ของนางสุมิรา และให้เทวดาอีก ๑,๐๐๐ องค์มาเกิดในเมืองนั้น ในขณะประสูตินั้นเกิดอัศจรรย์ ๓ ประการ คือต้นไม้เหลืองไปหมด แม่น้ำแดงไปทั้งหมด และโดยเฉพาะหินทรายทั้งมวลกลายเป็นสีเขียวถึง ๕ วัน เหตุนั้น จึงให้ชื่อพระโอรสว่า “เจ้าซายเขียว” (เจ้าชายเขียว) และเนื่องจากพระอินทร์แปลงนำเอาแสง (แก้วมณี) มาถวายในคราวประสูติกาลด้วย จึงได้ตั้งชื่อพระโอรสดังกล่าวว่าเจ้าแสงเมือง ซึ่งแปลว่า “ดวงมณีแห่งเมือง” อีกนามหนึ่ง

เมื่อจำเริญวัยมาถึงอายุ ๑๖ ปี ก็เป็นที่เลื่องลือกันว่าเจ้าแสงเมืองมีรูปงามยิ่งนัก ในช่วงนั้นมีพรานป่าผู้หนึ่งได้ลูกหงส์คู่หนึ่งจากป่าหิมพานต์ จึงนำไปถวายเพื่อเป็นเพื่อนของเจ้าแสงเมือง หงส์ทั้งคู่ฉลาดและพูดภาษาคนได้ เมื่อเจ้าแสงเมืองอายุครบ ๑๖ ปีนั้น พระบิดาโปรดฯ ให้สตรีสาวในเมืองเชียงทองทั้งสิ้นเข้าเฝ้าเจ้าแสงเมือง เพื่อให้ทรงเลือกเป็นชายา แต่บังเอิญคืนก่อนพิธีนั้นเจ้าแสงเมืองฝันว่าหงส์ทั้งคู่ไปนำเอานางรูปงามผู้หนึ่งมาถวาย จึงทำให้เจ้าแสงเมืองตั้งใจว่า หากไม่พบคนที่งามเหมือนในความฝันแล้วจะไม่รับผู้ใดเป็นชายา เมื่อเห็นว่าบรรดาสตรีที่มาให้ทรงเลือกนั้นไม่งามเหมือนนางในฝัน เจ้าแสงเมืองจึงไม่เลือกนางใดทั้งสิ้น จากนั้นเจ้าแสงเมืองโปรดฯ ให้คนมาวาดภาพนางตามที่ตนฝัน แล้วให้หงส์นำรูปนั้นไปเปรียบเทียบกับสาวงามทั้งหลายเพื่อค้นหานางที่มีโฉมเหมือนรูป พร้อมกับมอบศุภสารไปถึงนางนั้นด้วย หงส์ทองก็เดินทางไปเที่ยวแสวงหานางในฝันในเมืองต่างๆ เช่น เมืองพันธุมตินคร เมืองติสสรัฏฐ์ เมืองหริภุญชัย เมืองนันทปุรี เมืองโกไสย ฯลฯ จนกระทั่งไปพบนางเกียงฅำแห่งเขมรัฐ

ท้าวสิริวังโสและนางทาริกาครองเมืองขอมหรือเขมรัฐราชธานีนี้ มีธิดาผู้หนึ่งซึ่งเมื่อคลอดนั้น ช่างดอกไม้ได้นำดอกไม้มาถวาย และดอกเกียง (ลำเจียก) ดอกหนึ่งกลายเป็นทอง จึงโปรดให้ตั้งชื่อราชธิดาตามเหตุนั้นว่านางเกียงฅำ(อ่าน “เกี๋ยงคำ”) เมื่อนางเกียงฅำจำเริญวัยมาถึง ๑๕ ปี ก็ทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก และกลิ่นจากปากของนางก็หอมเหมือนกลิ่นดอกลำเจียก ท้าวสิริวังโส โปรดฯ ให้สร้างปราสาทให้นางอยู่ต่างหากและให้มีบริวารคอยรับใช้อยู่ด้วยอีกสองนาง

เมื่อหงส์ทองทั้งคู่รู้ข่าวนางเกียงฅำจากนกแขกเต้าซึ่งเป็นนกเลี้ยงแล้วก็มีความพอใจ จึงมอบแหวนวิเศษที่มีรูปของนางปรากฏอยู่ในหัวแหวนนั้นฝากให้ไปถวายเจ้าแสงเมือง การติดต่อดังกล่าวนั้นนางมิได้แพร่งพรายเรื่องให้ผู้ใดได้รู้

เมื่อเจ้าแสงเมืองประจักษ์ความจากนางเกียงฅำแล้ว จึงนำความและแหวนไปเล่าถวายแก่พระบิดาและมารดา จากนั้นทูตจากเมืองเชียงทองจึงเดินทางไปเมืองขอมพร้อมกับราชบรรณาการเพื่อสู่ของนางเกียงฅำนั้น ครั้นท้าวสิริวังโสทราบเรื่องและรายละเอียดตามที่เจ้าแสงเมืองติดต่อมาก็ทรงยอมรับเครื่องราชบรรณาการและตอบแทนไปด้วยข้าวของเช่นกัน เมื่อการติดต่อสำเร็จด้วยดีแล้ว ทั้งสองเมืองก็เตรียมจัดงานอภิเษกเป็นงานใหญ่

ในเมืองเชียงทองนั้น มีพิธีสังเวยเทพารักษ์ประจำเมืองในทุกวันแรม ๑ ค่ำ ที่ดอยหลวง และเนื่องจากเจ้าแสงเมืองจะรีบไปในการอภิเษก เจ้าแสงเมืองจึงไปสังเวยเทพารักษ์ก่อนกำหนด เมื่อเสร็จพิธีสังเวยแล้ว เจ้าแสงเมืองประสงค์จะไปเที่ยวในถ้ำ จึงพาบริวารอีก ๑,๐๐๐ คนเข้าไปในถ้ำนั้น ขณะที่เที่ยวชมในถ้ำ คบไฟได้มอดดับไปและทุกคนไม่สามารถหาทางออกได้ เมื่อคนจากในเมืองพยายามไปค้นหาก็ไม่พบ ความทุกข์และความหม่นหมองก็เข้าครอบครองเมืองเชียงทอง แล้วกระจายไปสู่เมืองขอมตามลำดับ โดยเฉพาะนางเกียงฅำถึงกับไม่ยอมแต่งเนื้อแต่งตัวไประยะหนึ่ง เมื่อได้สติแล้วนางจึงให้สร้างศาลาหลังหนึ่งไว้ในเมืองเพื่อให้คนมาพัก และนางก็จัดคนไปคอยฟังข่าวจากคนที่มาพักนั้น โดยประสงค์ที่จะทราบเรื่องของเจ้าแสงเมือง

ในเมืองขอมนั้น มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้เอาสมบัติไปถวายพระเจ้าสิริวังโสและขอนางเกียงฅำแก่ลูกของตน เมื่อนางเกียงฅำไม่ยอม ก็ไปขอพระเจ้าหลานเธอ ซึ่งนางก็ไม่ยอมเช่นกัน ลูกเศรษฐีแค้นใจจึงยุยงทูตจากเมืองจัมปา ให้พญาจัมปายกมาตีเมืองเพื่อชิงนางเกียงฅำไป

ฝ่ายเจ้าแสงเมืองซึ่งหลงอยู่ในถ้ำ ด้วยอานุภาพของเวรกรรมแต่ปางหลังเป็นเวลาถึง ๑๑ เดือน บริวารตายแล้ว ๙๙๓ คน เหลืออยู่ ๖ คน และเจ้าแสงเมืองอีกผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ตาย ทั้งนี้ด้วยอานุภาพของแก้วมณีที่คาดไว้กับเอวนั้น เพียงแต่ทุกคนผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกและมีลมหายใจรวยรินเท่านั้น เมื่อเข้าตาจนดังกล่าว เจ้าแสงเมืองจึงได้อธิษฐานว่าหากตนจะได้เป็นพระพุทธเจ้าจริง ก็ขอให้พระอินทร์มาช่วยให้พ้นจากความลำบาก จากนั้นก็พาบริวารที่เหลือคลำทางในถ้ำไปพบช่องแสงของถ้ำและได้พบพระอินทร์ที่แปลงเป็นพรานป่ามีอาวุธและเสบียงมาช่วย เจ้าแสงเมืองรู้ว่าพรานนั้นเป็นพระอินทร์แปลงจึงขอให้สอนมนต์ชุบชีวิตคน พระอินทร์ก็สอนมนต์ให้และมอบดาบสรีกัญไชยพร้อมทั้งสอนวิธีใช้แก้วมณีประจำตัวนั้นด้วย จากนั้นเจ้าแสงเมืองจึงชุบชีวิตบริวารขึ้นมาได้ แล้วก็พากันเดินไปจนถึงอาศรมสุทธฤๅษีตามคำบอกเล่าของพระอินทร์ ซึ่งฤๅษีได้สอนวิชาการให้แก่เจ้าแสงเมือง เมื่อเจ้าแสงเมืองและบริวารได้พักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพขึ้นบ้างแล้วก็ออกเดินทางต่อไปสู่เมืองขอม ได้พบนายบ้านปัจฉิมคามชื่อโกสิยาและโกธิกาแล้วพักอยู่กับนายบ้านนั้น นายบ้านทั้งสองเห็นลักษณะของเจ้าแสงเมืองแล้วก็ไต่ถามและยกลูกสาวของคนทั้งสอง คือยกนางสุรินทะแก่เจ้าแสงเมืองและยกนางสุวิราแก่เจ้าสุริราซึ่งเป็นคนสนิทของเจ้าแสงเมือง เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าแสงเมืองก็ได้นำบริวารทั้ง ๖ คนเหาะไปสู่เมืองขอม

เมื่อไปถึงเมืองแล้ว เจ้าแสงเมืองและคณะก็เข้าพักในศาลาที่นางเกียงฅำสร้างไว้ เมื่อคนของนางซึ่งมาคอยฟังข่าววันละสองครั้งนั้น เห็นบุคคลมีบุคลิกน่าสนใจมาพัก และสนทนากับหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง ก็เข้าไปซักถาม แต่ก็ไม่ได้ความอะไรนัก นางจึงเข้าไปทูลนางเกียงฅำตามที่ตนสงสัยนั้นว่า อาจเป็นเจ้าแสงเมืองก็ได้

ในคืนนั้นเจ้าแสงเมืองเหาะไปหานางเกียงฅำ นางเกียงฅำไม่ทราบว่าเจ้าแสงเมืองเหาะได้ ก็คาดว่าผู้ที่มาหาตนนั้นคงเป็นเทวดานาคครุฑ จึงไม่ยอมให้เจ้าแสงเมืองเข้าในปราสาท แต่ก็สนทนากันด้วยไมตรี  ในวันรุ่งขึ้น นางก็ให้นางรัมพรังสี ญาติคนสนิทของตนไปสืบข่าว เจ้าแสงเมืองแสร้งหลบเข้าไปนอนในวงม่าน คงจะให้เจ้าสุริราออกรับหน้า ซึ่งทั้งสองก็สนทนากันด้วยความพอใจซึ่งกันและกัน ก่อนจะกลับวัง นางรัมพรังสีได้เข้าไปตลบม่านดูอาการของเจ้าแสงเมือง เจ้าแสงเมืองจึงตัดพ้อนางว่า นางเกียงฅำไม่ยอมรับรู้ว่าตนคือเจ้าแสงเมืองและไม่ยอมให้ตนเข้าไปหาในปราสาท และในคืนนั้นเจ้าแสงเมืองเหาะไปหานางเกียงฅำและนางรัมพรังสีในปราสาท ทั้งสองเข้าใจกันดียิ่ง นางเกียงฅำชวนเจ้าแสงเมืองให้อยู่ในปราสาทของตนและตนจะนำความไปทูลพระบิดาภายหลัง เจ้าแสงเมืองก็กล่าวว่าการกระทำเช่นนั้นจะเป็นการลบหลู่ท้าวสิริวังโส จึงปฏิเสธความหวังดีและได้กลับไปสู่ที่พักดังเดิม


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/80939750994245_a1.jpg)
พิธีอภิเษกเจ้าแสงเมืองกับนางเกียงฅำ
จิตรกรรมสีฝุ่น : ชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
วัดเวียงต้า อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

รุ่งขึ้น นางเกียงฅำจึงไปทูลเรื่องเจ้าแสงเมืองแก่พระราชบิดา ท้าวสิริวังโสดีพระทัยนัก จึงให้จัดขบวนไปรับเสด็จเข้าเมือง แล้วต่อมาได้จัดพิธีอภิเษกนางเกียงฅำกับเจ้าแสงเมือง นางรัมพรังสีกับเจ้าสุริรา และให้ลูกสาวอำมาตย์ ๔ นางแต่งงานกับบริวารของเจ้าแสงเมือง ในคราวนั้นนายบ้านทั้งสองได้นำธิดาของตนมาร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย ต่อมาท้าวสิริวังโสก็มอบราชสมบัติให้เจ้าแสงเมืองครอบครอง

เมื่ออยู่ในเมืองขอมปีหนึ่งแล้ว เจ้าแสงเมืองจึงพาคณะเดินทางไปเยี่ยมเมืองเชียงทอง ครั้นเดินทางไปได้เพียงสามวัน พญาจัมปาได้ยกพลมาจะเข้าตีเมืองขอมเพื่อชิงตัวนางเกียงฅำ ท้าวสิริวังโสจึงให้คนไปตามเจ้าแสงเมือง เจ้าแสงเมืองเหาะกลับเข้าไปในเมืองก่อนและให้บริวารยกตามไป จากนั้นเจ้าแสงเมืองก็ได้เริ่มรบกับฝ่ายจัมปานครด้วยอาคม ซึ่งการรบก็ทวีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ในที่สุดพญาจัมปาก็ยอมอ่อนน้อมต่อเจ้าแสงเมือง

เมื่อเสร็จศึกแล้ว เจ้าแสงเมืองจึงได้เดินทางไปเยี่ยมเชียงทองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็มีการฉลองกันอย่างใหญ่โตและอภิเษกเจ้าแสงเมืองขึ้นครองราชย์อีกด้วย จากนั้นเจ้าแสงเมืองจึงพาบริวารไปยังถ้ำที่ตนเคยหลงอยู่นั้น แล้วขนเอาทรัพย์สมบัติในถ้ำใส่เกวียนกลับเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาขนถึง ๗ วันกว่าสมบัติจะหมดสิ้น ส่วนหงส์ทองทั้งคู่ของเจ้าแสงเมืองนั้นเมื่อเห็นว่านายของตนหายไปก็มีแต่ความทุกข์ จึงพยายามไปค้นหานายตามเมืองต่างๆ ในที่สุดก็กลับไปอยู่ที่สระเดิมของตนในในป่าหิมพานต์ และถูกเหยี่ยวลวงให้เสือมาจับกินในที่สุด ครั้นนายพรานที่เคยนำหงส์ไปถวายนั้นพบเศษขนหงส์ก็จำได้ จึงนำขนของหงส์ทองไปถวายเจ้าแสงเมือง เจ้าแสงเมืองจึงโปรดฯ ให้เอาขนหงส์นั้นไปทำพัด หลังจากนั้นทุกฝ่ายก็ดำเนินชีวิตอย่างสงบจนครบวาระอายุขัยแห่งตน

ในตอนท้ายเรื่องมีสโมธานหรือประชุมชาดกว่า พญามันธราชพ่อของเจ้าแสงเมือง คือพระเจ้าสุทโธทนะ นางสุมิรา พระมารดาของเจ้าแสงเมืองคือพระนางสิริมหามายา พญาขอมพระบิดาของนางเกียงฅำคือนางปชาบดีโคตมี ลูกเสฏฐีซึ่งไปยุงยงพญาจัมปาคือเทวทัตตเถร พญาจัมปานครคือพระญาอชาตศัตรู นางสรีปทุมมาคือนางเขมาภิกษุนี พระญาโพธิกาคือกาฬุทายีเถร โกสิยาเสนาคือสิมพลีเถร นางสุรินทะคือนางปฏาจารา ธรินทะคือพระโมคคัลลาน อุปราชาผู้บิดาของเจ้าสุริยาคือพระอานนท์ สุริราวังโสคือพระสารีบุตร นางรัมพรังสีคือนางวิสาขา พรานที่จับหงส์ทองได้คือพระฉันนเถร หงส์ทองตัวผู้คือพระราหุลเถร หงส์ทองตัวเมียคือนางอุบลวัณณาเถรี เหยี่ยวที่ทำร้ายหงส์ทองคือนางจิญจมาณวิกา เสือโคร่งที่กินหงส์คือพญาสุปปพุทธะ สุทธฤๅษีคือมหากัจจายนเถร พระอินทร์คือพระอนุรุทธเถร นางมะลิสังกาคือนางอุบลวัณณาเถรี นางสุวัณณะเกียงฅำคือนางยโสธราพิมพา เจ้าแสงเมืองคือพระพุทธเจ้า และเสนาอำมาตย์และผู้อื่นทั้งหลายคือบริษัททั้งสี่ของพระพุทธองค์


คัดจาก สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ เล่ม ๑๔ หน้า ๗๒๓๘-๗๒๔๒


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/13639661669731_c1.gif)
พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์ นำของวิเศษมามอบให้เจ้าแสงเมือง
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ  
วัดเวียงต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/48578099244170_c2.gif)
พิธีศพพญามันธราช พระบิดาของเจ้าแสงเมือง
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ  
วัดเวียงต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/46385350988970_c3.gif)
พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์บอกทางแก่เจ้าแสงเมือง
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
เวียงต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/65495866040388_c4.gif)
นางเกียงฅำและบริวารในอุทยาน
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
วัดต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/94498931285407_c5.gif)
นางเกียงฅำพบนกแขกเต้า
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
วัดต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่