[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 30 มีนาคม 2559 20:15:28



หัวข้อ: พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง จันทสิริ) วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 30 มีนาคม 2559 20:15:28

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/16766538470983_283148_1_.jpg)
พระญาณวิศิษฏ์
วัดอโศการาม ม.2 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 16 มี.ค. เวลา 04.10 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช วงการสงฆ์ได้สูญเสียพระเถระ เมื่อ "พระญาณวิศิษฏ์" หรือ "หลวงพ่อทอง จันทสิริ" เจ้าอาวาสวัดอโศการาม ม.2 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มรณภาพอย่างสงบ ด้วยอาการโรคมะเร็งในลำไส้สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง

พระญาณวิศิษฏ์วางตัวเรียบร้อยโดยจริตธรรม ฉันภัตตาหารมื้อเดียวเป็นอาจิณ กิริยาสงบนิ่งเยือกเย็น วาจาชัดถ้อยชัดคำเปี่ยมด้วยเมตตา พูดน้อยแต่หนักแน่น เทศนาปาฐกถาธรรมจับใจบรรดาญาติโยมผู้ศรัทธา เป็นที่เลื่องลือของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง
 
ภูมิหลังก่อนเข้าสู่ผ้ากาสาวพัสตร์ มีนามว่า ทอง นารีวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2475 พื้นเพเดิมครอบครัวเป็นชาวอุบลราชธานี ต่อมาอพยพย้ายถิ่นฐานมาปักหลัก ต.วังใหญ่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
 
วัยเด็กค่อนข้างลำบาก ด้วยฐานะทางบ้านยากจน ครอบครัวประกอบอาชีพกระดูกสันหลังของชาติ เรียบจบเพียงชั้น ป.4 ต้องหยุดเรียนมาช่วยทางบ้านทำนาหาเลี้ยงปากท้อง แต่ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้ แสวงหาหลักยึดเหนี่ยวชีวิต มีใจเอนเอียงทางธรรมะ ประกอบกับบิดามีความปรารถนาอันแรงกล้าให้บุตรชายได้บวชเรียนศึกษา ทั้งนี้ ผู้ที่คอยชี้ทางส่งเสริมให้ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน คือ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธมฺมธโร) หรือหลวงพ่อลี เทพธรรมแห่งชาวสมุทรปราการ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ นั่นเอง
 
จากการได้ออกติดตามหลวงพ่อลีไปทุกหนแห่ง เวลาออกธุดงค์และพำนักตามวัดต่างๆ ท่านต้องคอยปรนนิบัติรับใช้หลวงอาและต้องนอนอยู่หน้าโบสถ์ ความยากลำบากแทนที่จะกัดกร่อนจิตใจให้ท่านย่อท้อ แต่กลายเป็นความศรัทธาเลื่อมใสต่อวัตรปฏิบัติของหลวงอา ที่ดำรงตนด้วยความเรียบง่าย แต่เพียบพร้อมด้วยความวิริยะอุตสาห จึงตัดสินใจบรรพชาเป็นสามเณร ในปี พ.ศ.2494 เมื่ออายุครบ 19 ปี ณ วัดป่าคลองกุ้ม ต.บางกระจาด อ.เมือง จ.จันทบุรี  ผ่านไป 2 ปี ได้มาอุปสมบท ก่อนย้ายไปจำพรรษาที่วัดเขาแก้ว จ.จันทบุรี หลังจากนั้นได้หวนกลับมาอยู่วัดป่าคลองกุ้ม ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมเอก ความตั้งใจเดิมที่ต้องการบวช เรียนอุทิศบุญคุณให้แก่บิดา เพียง 1-2 พรรษา แล้วก็สึกออกมาใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป พลันแปรเปลี่ยนเมื่อท่านได้ลงลึกในรายละเอียด ศึกษาค้นคว้าหลักธรรม ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มทวีคูณ
 
พ.ศ.2499 มาจำพรรษาที่วัดอโศการาม กับหลวงพ่อลี ในพรรษาที่ 6 ได้ จากนั้นไปเรียนวิชาภาษาบาลีที่วัดบรมนิวาส จนมาถึงปี พ.ศ.2500 ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ บ้านสันกอเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 ปี กระทั่งหลวงพ่อลีมรณภาพ ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดอโศการาม
 
พ.ศ.2518 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ล่วงเข้าปี พ.ศ.2534 เลื่อนขั้นขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอโศการาม รุ่งขึ้นอีกปี เป็นมหามงคลในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบ 5 รอบ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระญาณวิศิษฏ์
 
ด้านหลักธรรมพระอาจารย์ทอง เน้นหนักด้านวิปัสสนากรรมฐาน ศึกษาพระปริยัติแต่พอประมาณ เน้นหนักการปฏิบัติเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องจิตตามหลักสากลทั่วไป สมถะอุบายให้สงบใจ วิปัสสนาอุบายให้เกิดปัญญา ถือเป็นหลักกรรมฐาน เป็นข้อวัตรปฏิบัติที่สำคัญอย่างยิ่ง
 
พระอาจารย์ทองเคยปรารภว่า สายหลวงปู่มั่น ท่านสอบเจริญบริกรรมพุทโธ ธัมโม สังโฆ หรือ พุทโธ ยึดพุทธเป็นหลัก ต่อมาหลวงพ่อลีจึงใช้ลมหายใจกำหนดลมหายใจเป็นหลัก ด้วยการมาใช้ลมหายใจเข้า "พุท" หายใจออก "โธ"
  
"จริงๆ แล้วตามหลักของการเจริญธรรมะ การสงบใจ ไม่มีอะไรมาก คนเรามันโลภมาก มันหิวกระหาย เพราะฉะนั้นพอไปเห็นอาหารการกินเข้า อำนาจความอยากมันล้น เพราะเรื่องของจิตใจจริงๆ ขอให้เราผูกจิตใจไว้อะไรจริงๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะเป็นมงคล ขอให้ใจมันยึดแน่ๆ ให้ถึงเถอะมันสำเร็จทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องพุทโธ ธัมโม สังโฆ หรอก พุทโธ ธัมโม สังโฆ มันเป็นหลักเท่านั้น ผูกจิตใจ อันฟุ้งซ่าน ด้วยอำนาจของกิเลส ให้มันเป็นใจที่มีหลักปัก ปักเพื่อจะไปสังหารกิเลส
 
มนุษย์โลกที่ไม่มีหลักเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวไม่มีจุดยืน จะไปใช้สติปัญญาสังหารกิเลสของตน การบำเพ็ญวิปัสสนา เพื่อให้รู้แจ้งชำระกิเลสได้ กว่าจะไปถึงขั้นนั้น ต้องทำจิตใจให้สงบลงก่อนให้จิตสว่าง อย่างบางคนบอกอะไรอนิจจัง อะไรไม่เที่ยง อะไรก็อยู่ไม่ได้ อะไรก็แตกดับ ทำไมไม่ถึงวิปัสสนาเพราะใจมันยังไม่มีสมถะ ใจมันไม่นิ่ง ใจมันส่ายไปมา พอใจหยุดนิ่ง สิ่งที่เห็นคือพระ สิ่งที่เห็นด้วยใจไม่ได้เห็นจากดวงตา สิ่งที่มันเกิดคือผู้รู้แท้ ถ้ารู้ใจเจ้าของคือผู้รู้ตน ใจก็อยู่ที่ใจ ไม่ใช่เอาใจไปไว้ที่หัวหรือบนผม รู้จักที่มาที่ไป ไม่ใช่ไปรู้ตามหนังสือที่เขียน แล้วก็หอบสังขารไป"
  
ในช่วงบั้นปลายชีวิต ยังคงเดินหน้าพัฒนาวัดและจิตใจของชาวบ้านอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นพระนักเทศน์ที่ติดรับกิจนิมนต์ตลอดเวลา

พระญาณวิศิษฏ์อาพาธด้วยโรคมะเร็งในลำไส้มานาน จนเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค.2559 จึงมรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุ 83 ปี พรรษา 63 ตั้งสวดพระอภิธรรมที่ศาลาทรงธรรม ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. เป็นระยะเวลา 100 วัน

มงคลข่าวสด