หัวข้อ: 28 คุณค่าของเพกา พืชพื้นบ้าน ที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก เป็นทั้งอาหารและยา เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 26 สิงหาคม 2559 10:11:31 (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-0-b8eaadc53068d1d3db413517d4f83ab1.jpg)
เพกา(ลิ้นฟ้า) มีสรรคุณเป็นยา ตามตำรายาสมุนไพรนั้นเราจะใช้ส่วนต่างๆของต้นเพกาตั้งแต่ ราก เปลือกต้น ฝัก ใบ รวมไปถึงเมล็ด ซึ่งจัดเป็นสมุนไพร “เพกาทั้ง 5” สรรพคุณของเพกา 1. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยชะลอการเสื่อมของเซล์ต่างๆในร่างกาย 2. ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยชะลอวัย 3. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา 4. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ 5. เป็นยาบำรุงธาตุ (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-2-ed5f754e0d53f54603b35fb1f7595ecc.jpg) 6. ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ราก,ใบ) 7. เป็นส่วนประกอบยาช่วยรักษาโรคเบาหวาน 8. การรับประทานฝักเพาหรือยอดอ่อนเพกาจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ 9. ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขับเลือดดับพิษในโลหิต 10. การกินฝักอ่อนของเพกาจะช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น แก้ร้อนใน เพกาฝัก (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-3-ed5f754e0d53f54603b35fb1f7595ecc.jpg) 11. ช่วยบรรเทาอาการปวดไข้ ด้วยการใช้ใบเพกาต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้เพื่อลม ช่วยแก้ละอองไข้ หรือโรคเยื่อเมือกในช่องจมูกอักเสบ 12. ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ ด้วยการใช้เมล็ดแก่เพกาประมาณครึ่งกำมือถึงหนึ่งกำมือ (1.5 – 3 กรัม) ใส่ในหม้อที่เติมน้ำ 300 มิลลิลิตร แล้วต้มไฟอ่อนๆ จนเดือดประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าอาการจะดีขึ้น (ฝัก อ่อน,เมล็ด) เพกาปิ้ง (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-4-50c9a7889f970d5f9a29367deefe56f9.jpg) 13. ช่วยขับเสมหะ ด้วยการใช้เมล็ดแก่เพกาประมาณครึ่งกำมือถึงหนึ่งกำมือ (1.5 – 3 กรัม) ใส่ในหม้อที่เติมน้ำ 300 มิลลิลิตร แล้วต้ม นำน้ำมาดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าอาการจะดีขึ้น 14. ช่วยแก้อาเจียนไม่หยุด ด้วยการใช้เปลือกต้นเพกาตำผสมกับน้ำส้มที่ได้จากรังมดแดงหรือเกลือสินเธาว์ 15. ช่วยเรียกน้ำย่อย (ราก) ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก 16. ช่วยบำรุงกระเพาะ ตับ และปอด เพกาจิ้มน้ำพริก (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-5-50c9a7889f970d5f9a29367deefe56f9.jpg) 17. ช่วยแก้อาการปวดท้อง ด้วยการใช้ใบเพกาต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการจุกเสียกแน่นท้อง (เปลือกต้น) ช่วยแก้โรคบิด (เปลือกต้น,ราก)ช่วยรักษาท้องร่วง 18. ช่วยขับลมในลำไส้ ใช้เป็นยาขับถ่าย ช่วยระบายท้อง ช่วยในการขับผายลม เพกายำ (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-6-50c9a7889f970d5f9a29367deefe56f9.jpg) 19. ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เปลือกต้นเพการวมกับสมุนไพรชนิดอื่น (เปลือกต้น) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย ทำให้น้ำเหลืองเป็นปกติ 20. ช่วยรักษาอาการฟกช้ำ ปวดบวม อักเสบ ด้วยการใช้เปลือกต้นหรือรากเพกากับน้ำปูนใสทาลดบริเวณที่เป็น ช่วยรักษาฝี ลดอาการปวดฝี ด้วยการใช้เปลือกต้นนำมาฝนแล้วทาบริเวณรอบๆบริเวณที่เป็นฝี ช่วยแก้อาการคัน ด้วยการใช้เปลือกต้นเพการวมกับสมุนไพรชนิดอื่น เพกาไข่ทอด (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-7-52cad6e895908aac8a4cb2e89caefbc3.jpg) 21. ใช้เป็นยาแก้พิษหมาบ้ากัด ด้วยการใช้เปลือกต้นเพกานำมาตำแล้วพอกบริเวณที่ถูกกัด 22. ช่วยแก้โรคงูสวัด ด้วยการใช้ เปลือกต้นเพกา เปลือกคูณ รากต้นหมูหนุน นำมาฝนใส่น้ำทาบริเวณที่เป็น จะช่วยให้หายเร็วขึ้น 23. เปลือกต้นมีสารสกัดฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อ 24. แก้โรคไส้เลื่อน ด้วยการใช้เปลือกต้นเพกา รากเขยตาย หญ้าตีนนก นำมาตำรวมกันให้ละเอียด แล้วนะไปละลายกับน้ำข้าวเช็ด ใช้ขนไก่ชุบพาด นำมาทาลูกอัณฑะ ให้ทาขึ้นอย่าทาลง แกงกะทิเพกา (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-8-52cad6e895908aac8a4cb2e89caefbc3.jpg) 25. ช่วยแก้โรคมานน้ำ หรือภาวะที่มีน้ำขังอยู่ในช่องท้องจำนวนมาก เปลือกต้นผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น 26. ช่วยขับน้ำคาวปลา ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น 27. ประโยชน์เพกาฝักอ่อนใช้รับประทานเป็นผัก 28. ประโยชน์ของเพกา เปลือกของลำต้นนำมาใช้ทำสีย้อมผ้า ซึ่งให้สีเขียวอ่อน เปลือกเพกา ย้อมสีผ้า (http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-9-52cad6e895908aac8a4cb2e89caefbc3.jpg) สิ่งที่ควรระวัง หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานฝักอ่อนของเพกา เพราะอาจทำให้แท้งบุตรได้ เนื่องจากฝักของเพกามีฤทธิ์ร้อนมาก ! สารเคมีที่พบในเพกา ราก มี D-Galatose, Baicalein, Sitosterols แก่น มี Prunetin, B- sitosterols ใบ มี Aloe emodin เปลือก มี Baicalein, Chrysin, 6-Methylbaicalein อ้างอิงจาก : โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี |