หัวข้อ: นักวิทย์ฯบุกวัดที่หิมาลัย พิสูจน์ชัด “ทำสมาธิ” ส่งผลดีต่อสมอง เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 07 กันยายน 2559 18:32:54 (https://scontent.fbkk2-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14192568_1118892684866661_3553520357449709497_n.jpg?oh=3b7389a506e0afebc32727f3c9e95b35&oe=583E56D2)
นักวิทย์ฯบุกวัดที่หิมาลัย พิสูจน์ชัด “ทำสมาธิ” ส่งผลดีต่อสมอง แคนาดา : เว็บไซต์ medicalxpress.com รายงานว่า เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ได้นำพระสงฆ์และบุคคลทั่วไปเข้าไปในห้องแล็บ เพื่อตรวจวัดคลื่นสมองขณะกำลังทำสมาธิ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เดินทางไปยังแถบเทือกเขาหิมาลัยในประเทศเนปาล เพื่อตรวจวัดคลื่นสมองของลามะทิเบตที่กำลังทำสมาธิภายในวัด งานวิจัยดังกล่าวทำขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2016 เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย (UVic) และมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย วิทยาเขตโอคานากัน (UBCO) นำโดยโอลาฟคริโกลสัน นักประสาทวิทยาแห่ง UVic และกอร์ดอน บินสเต็ด คณบดีคณะพัฒนาสุขภาพและสังคมแห่ง UBCO เป็นที่ทราบกันดีว่า การทำสมาธิหรือการเจริญสติช่วยให้เราเข้าถึงสภาวะสมองที่ก่อให้เกิดความสุข รู้จักไตร่ตรองและมีสมาธิ การทำสมาธิระดับลึกมีความสัมพันธ์กับความแตกต่างของคลื่นไฟฟ้าที่เซลล์ประสาทส่งออกมา แต่ยังไม่ทราบว่ามันทำงานอย่างไร ทีมวิจัยจึงได้นำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ที่ออกแบบเพื่องานวิจัยครั้งนี้ มาคาดศีรษะลามะ 27 รูป ซึ่งพำนักอยู่ภายในวัดนัมจิและวัดเต็งโบจิ ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นขณะทำสมาธิ (http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11639812/E11639812-11.jpg) ผลลัพธ์ที่ได้ สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้า โดยเบื้องต้นพบว่ามีคลื่นไฟฟ้าในสมองเพิ่มมากขึ้นขณะทำสมาธิ ซึ่งตรงข้ามกับความคิดเดิมที่ว่ามันจะหยุดพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นสมองระดับอัลฟา (เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลาย) คลื่นสมองระดับเบต้า (เกี่ยวข้องกับสมาธิ) และคลื่นสมองระดับแกมม่า (เกี่ยวข้องกับการประสานกลมกลืน) และสิ่งที่ค้นพบใหม่คือ ปฏิกิริยาที่เซลล์ประสาทมีต่อสิ่งเร้าที่มองเห็นได้ มีเพิ่มขึ้นหลังการทำสมาธิ บินสเต็ด กล่าวว่า “ผลวิจัยเบื้องต้นบอกเราว่า มีความเป็นไปได้ที่เทคนิคการฝึกสมอง เช่น การทำสมาธิ อาจส่งผลกระทบยาวนานต่อการทำงานของสมอง ซึ่งผลงานวิจัยนี้และในอนาคต อาจนำไปใช้ได้ในทุกๆเรื่อง จากกลยุทธ์ที่ครูใช้สอน ไปจนถึงการพัฒนาแอปฯทำสมาธิบนสมาร์ทโฟน” ขณะที่คริโกลสันกล่าวว่า “เราแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสมอง เรารู้เพียงเล็กน้อยในเรื่องการเรียนรู้และการตัดสินใจของคนเรา งานวิจัยชิ้นนี้ออกแบบมาเพื่อสร้างภาพการทำงานของสมองในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังมีหลายส่วนที่ขาดหายไป” (http://dhammapiwat.com/wp-content/uploads/2016/06/tibet-kailash-drolma-la-1.jpg) (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 189 กันยายน 2559 โดย เภตรา) จาก http://dhammapiwat.com/news-update/187030916/ (http://dhammapiwat.com/news-update/187030916/) http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=22105.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=22105.0) |