หัวข้อ: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 13:45:58 ช่วงนี้มีการพูดถึงโลกาวินาศ 2012 กันมาก
อาจจะเพราะภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องล่าสุด ที่มีบทบาททางการทำให้เกิดความรับรู้ส่วนหนึ่ง แต่ส่ิงที่มีบทบาทมากกว่านั้น น่าจะเป็นตัวของโลกเอง ที่สำแดงความแตกต่างให้คนในทุกประเทศรับทราบ และเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนว่าไม่ธรรมดา ไม่มีใครกล้าพูดอีกแล้วว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไร ถ้าอ่าน twitter@dungtrin อยู่คงเคยเห็นผมเขียนนะครับ เมื่อใดมีการตื่นข่าวโลกแตก คนส่วนใหญ่จะตื่นเต้นแต่ไม่เตรียมตัว ตระหนกแล้วไม่ตระหนัก เชื่อเพราะฟังข้างเดียว ไม่เชื่อเพราะคิดเองเออเอง หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 13:47:48 ลองมาเจาะรายละเอียดกันว่า
ความรู้เกี่ยวกับโลกแตกหรือโลกาวินาศ มาจากหลักแหล่งอันใดได้บ้าง ๑) เดา อันนี้เป็นหลักแหล่งข้อมูลที่แพร่หลายที่สุดในโลก เอามาเมาท์กันได้กระจายทุกหนทุกแห่งสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องออกแรงค้นคว้าหาข้อมูลใดๆทั้งสิ้น แค่พอใจจะให้มันเกิดหรือไม่เกิดก็พูดๆออกไป และไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นเรื่องคุยเล่นเหมือนพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 13:49:44 ผมสังเกตว่าแหล่งพวกเดาฝ่ายเชื่อ มักมาจากคนที่เพ่ิงล้มเหลวอะไรบางอย่าง หรือขี้เกียจรับผิดชอบภาระการงานตรงหน้าแล้ว ทำนองว่ารู้สึกอยากตายขึ้นมาตงิดๆอยู่ล่วงหน้า ส่วนพวกเดาฝ่ายไม่เชื่อนั้น ที่แท้อาจแปรพักตร์มาจากพวกเคยเชื่อ อาศัยฟังเสียงทำนาย เสียงเล่าลือ ทุ่มเทความสนใจมาเยอะ แต่ไม่เห็นมันจะเกิดอะไรขึ้นสักที กลายเป็นความรู้สึกชินชา ดูถูก และดื้อด้าน ปฏิเสธที่จะรับฟังคำทำนายใหม่ๆอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าคำทำนายนั้นจะมาจากโหราจารย์ คนมีญาณทางใน หรือนักวิทยาศาสตร์ขั้นเทพ หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 13:51:22 คุณจะรู้ตัวว่าเป็นนักเดาแบบมองโลกแง่ดีหรือร้าย ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเตรียมงานกีฬาโอลิมปิก 2016 ดู http://en.wikipedia.org/wiki/2016_Summer_Olympics (http://en.wikipedia.org/wiki/2016_Summer_Olympics) นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ทุกคนทำงาน วางแผน และเตรียมการกัน โดยยืนพื้นอยู่บนความไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น ถ้าเชื่อเรื่องโลกแตก 2012 นั่นคือการเตรียมงานเพื่อความสูญเปล่า แต่ถ้าไม่เชื่อเรื่องโลกแตก 2012 นั่นคือเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่องานอะไรบางอย่าง โดยมีสิทธิ์มั่นใจ ว่างานที่ทำจะต้องบังเกิดผลสำเร็จ หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 14:00:18 ๒) คำนวณ
อันนี้น่ารับฟัง แล้วก็เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ ให้คนในระดับรัฐบาลให้ความสนใจ สมัยนี้เวลารัฐบาลจะยอมทุ่มงบประมาณแผ่นดิน ก็ต้องอาศัยหลักเกณฑ์วิทยาศาสตร์ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่กษัตริย์จะเชื่อโหราจารย์ หรือไม่ก็ปุโรหิตที่นั่งทางในเก่ง ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวกับโลกแตกทางอ้อม ก็มีทั้งนักดาราศาสตร์ นักธรณีวิทยา และอื่นๆ โดยสรุปรวมแล้วพูดสั้นๆได้ว่า ทั่วโลกกำลังระดมคนมีความรู้ความสามารถ ติดตามความเคลื่อนไหวของแผ่นดิน แบบไม่ให้คลาดสายตากันทีเดียว เหมือนทุกที่ ทุกเวลา อาจเกิดแผ่นดินไหวได้ตลอด หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 14:04:07 ส่วนดาวหางชนโลกอะไรก็ห่างตัวไปหน่อย ทว่านักดาราศาสตร์ก็ไม่นิ่งนอนใจ เพราะแว่วๆว่ามีเฉียดๆมาใกล้โลกมากจริงๆ แถมเมื่อไม่นานมานี้ดาวพฤหัสก็เพิ่งโดนไป เรียกว่าถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวพฤหัส ป่านนี้ก็คงได้ชมภาพยนตร์โลกแตกกันจะจะไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่จะเป็นไปเมื่อไร ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ไหนตอบถูก ทุกวันนี้นาซ่ารับศึกหนักสุด เพราะแต่ละวันมีอีเมลเข้าไปถามกันเป็นพันเป็นหมื่น ว่าตกลงโลกจะแตกในปี 2012 ด้วยเหตุผลทางดาราศาสตร์หรือไม่ นาซ่าก็ตอบแบบเอือมระอาว่าไม่แตก ไม่ชน ไม่บึ้ม ไม่อะไรทั้งนั้น กรุณาอย่าถามอีกเลย ถ้าเฉพาะข้อมูลทางดาราศาสตร์ มันจะไม่มีอะไรขนาดในภาพยนตร์แน่ๆ[/ หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 14:05:45 ๓) ญาณ ญาณเป็นของมีจริง แต่เป็นเรื่องรู้เฉพาะตน และถ้าคนใกล้ชิดเคยสัมผัสว่าแม่นจริง รู้จริง ความโน้มเอียงที่จะเชื่อก็มีมาก แต่คนที่ขึ้นชื่อลือชาว่าญาณแม่นนักแม่นหนา ก็พลาดมานักต่อนัก เท่าที่ผมพบมา ยังไม่เคยเห็นใครพูดเรื่องอนาคต แบบถูกเผงๆชนิดทายร้อยแม่นร้อย มีแต่ว่าถูกเป็นส่วนใหญ่หรือใช่เป็นส่วนน้อย ยิ่งเรื่องระดับโลกด้วยแล้ว มันเป็นอะไรที่ลึกลับซับซ้อน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเดี่ยวๆเหมือนเรื่องของคนหนึ่งคน ถ้าคุณพบคนทายแม่นเรื่องคน ก็อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าจะทายแม่นเรื่องโลกเสมอไป หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 14:08:52 สำหรับชาวพุทธที่รู้ตัวว่าตนไม่รู้อนาคต
ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้วครับที่ไม่ต้องเป็นทุกข์ล่วงหน้า เรารู้จริงๆแค่ไหนก็เอาแค่นั้น อย่าไปสนับสนุน อย่าไปคัดค้าน ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ สบายใจอยู่ได้ ด้วยความรู้ ว่าตนรู้แค่ปัจจุบัน ผมว่าแค่นี้ก็เกินพอ เพราะพุทธศาสนาเรา ชี้ว่าบุคคลจะบรรลุประโยชน์สูงสุดได้ ก็เพราะการรู้ปัจจุบัน รู้ว่าไม่เที่ยง ดำรงอยู่ในสภาพหนึ่งเพียงครู่ก็เลือนหาย ไม่ใช่ไปรู้ว่าอนาคตจะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เพราะแค่อาการรอ ก็เอามาใช้ทำอะไรไม่ได้แล้ว มีแต่จะเหม่อ มีแต่จะฟุ้งซ่าน มีแต่จะขาด ความมั่นคงทางใจเปล่าๆ หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 14:13:10 ผมไม่เชื่อว่าถ้าโลกจะพัง น้ำจะท่วมทวีป
แล้วผู้คนจะไปเตรียมการอะไรล่วงหน้าได้ทัน มันต้องมีโครงการใหญ่เป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อยแล้ว ที่จะขนผู้คนอพยพออกไปนอกโลก ถ้ายังไม่มีป่านนี้ก็เรียกได้ว่าหมดเวลาแล้ว คำว่า "หมดเวลา" มีความสำคัญกับโลกทั้งใบแค่ไหน หรือเคยมีความหมายสำหรับใครอย่างไร มันจะปรากฏความหมายที่แท้จริงสำหรับ คนใกล้ตายเท่านั้นไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านั้น หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 21 ธันวาคม 2552 14:15:41 และทุกวันก็มีคนตายร่วมสองแสน ทำไมจะต้องรอหมดเวลาถึง ๓ ปีด้วยเล่า? มาเตรียมตัวว่าอาจเป็นหนึ่งในคนที่ต้อง ตายพรุ่งนี้กันดีกว่า เผื่อจะหมดเวลาเข้าจริง ๆ เฉพาะเรา ก็จะได้ชื่อว่าเตรียมตัวไว้หนึ่งวัน ทันแล้วสำหรับพรุ่งนี้ เตรียมอย่างพุทธ คือเตรียมอย่างมีสติ เตรียมอย่างใจเย็น เตรียมอย่างเป็นสมาธิผ่องแผ้ว ผู้เจริญสติเห็นความเสื่อมในกายใจ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท เตรียมพร้อมสําหรับโลกาวินาศเฉพาะตนอยู่ตลอดเวลา ดังตฤณ ธันวาคม ๕๒ หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 21 ธันวาคม 2552 22:32:15 สาธุป้า
ที่นำบทความของจารย์ดังตฤนมาลงให้ได้อ่านกัน จะได้สะกิดใจกันบ้าง เมื่อมองแบบกว้าง ๆ (an!) (an!) (an!) หัวข้อ: Re: ทางรอดจากโลกาวินาศ เริ่มหัวข้อโดย: PETER ที่ 26 ธันวาคม 2552 21:51:23 ไม่มีสิ่งมีชีวิต หรือ รูปธรรมใดๆ ในจักรวาล
ที่สามารถทำนายผลการทดสอบของมนุษยชาติได้ |