[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 เมษายน 2554 10:37:14



หัวข้อ: ถาม - ตอบ ปัญหา{ธรรม}หลังช่วงสงกรานต์
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 เมษายน 2554 10:37:14
(http://www.taklong.com/lomo/p/48020DSCF168P555.jpg)

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma



ถ่ายภาพประกอบบทความทางธรรมโดย Sometime สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมายภาพวังเวงดี



...................ต่อไปนี้เป็นคำถามจากผู้ที่ต้องการความรู้...............



ผู้คนพูดกันมาก พูดกันมานานว่าพอคนโน้น คนนี้ตายไปใหม่ ๆ คนที่เป็นลูกเป็นหลาน

หรือคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันมักจะได้กลิ่นธูปที่โน้นบ้างที่นี้บ้างตามที่ที่คนตายเคยอยู่

บ้าง หรือตามสถานที่ที่ลูกหลาน หรือคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันคนที่ได้กลิ่นธูปก็จะ

เข้าใจว่า คนตายมาหา คนตายจะกลับเข้าบ้านที่เคยอยู่บ้าง คนตายเป็นห่วงลูกหลาน

บ้าง ขอถามว่า.........................

1. กลิ่นธูปที่เกิดขึ้นกับคนที่เป็นลูกเป็นหลานหรือคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกับผู้ตายนั้น

เกิดขึ้นได้อย่างไร?

2. การที่ได้กลิ่นธูปนั้น แสดงว่าผู้ตายมาหาใช่ไหม ?



........................ต่อไปนี้เป็นคำตอบ............................




ตามความเป็นจริงแล้วแต่ละคนเกิดมาแล้วก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้นไม่มีใคร

รอดพ้นไปได้เลย เมื่อตายไปแล้วตราบใดที่ยังเป็นผู้มีกิเลสก็ยังต้องเกิดอีกขึ้นอยู่

กับว่าจะเกิดเป็นอะไรในภพใด ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำแล้วถ้าเป็นผลของ

{อกุศลกรรม} ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย หรือ เกิด

เป็นสัตว์ดิรัจฉานถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้เกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา  

การได้กลิ่นธูปก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้ที่ตายไปแล้วมาหาเพราะโดยปกติก็ได้กลิ่น

ธูปอยู่บ้างในชีวิตประจำวัน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาไปเกิด ณ.ที่ใดส่วนมาก

ก็เป็นเรื่องของความคิดของตนเองเท่านั้นว่าผู้ตายมาหาถึงแม้ว่าจะมาหรือไม่มาให้

เห็นแต่สิ่งที่ควรทำที่สุด คือ ทำบุญอุทิศไปให้ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ล่วงลับไป

แล้วถ้ากุศลจิตเกิดอนุโมทนาในกุศลที่เราได้กระทำและอีกประการหนึ่งที่ควร

พิจารณาจริง ๆ คือ ในที่สุดแล้วเราก็จะต้องตายเหมือนกับผู้ที่ตายไปแล้วนั่นแหละ  

ดังนั้น............กิจที่ควรทำก่อนที่วันนั้นจะมาถึง คือ ไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรมอบรม

เจริญปัญญาและไม่ประมาทในการเจริญกุศลสะสมเป็นเสบียงเดินทางต่อไปใน{สังสารวัฏฏ์}



.....................ลองอ่าน มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร จากลิงค์ต่อไปนี้.....................

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=2 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=2)



http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn)

http://twitter.com/soka45 (http://twitter.com/soka45)

http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/)



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

อานิสงส์ของความอดทน ๕ ประการนี้

๕ ประการ เป็นไฉน คือ ผู้อดทน..............

ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑

ย่อมเป็นผู้ไม่โหดร้าย ๑

ย่อมเป็นผู้ไม่เดือดร้อน ๑

ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑

เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย{อานิสงส์}ของความอดทน ๕ ประการนี้แล.......................



......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................