[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => ประสบการณ์ ผี ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 เมษายน 2554 15:30:58



หัวข้อ: ประสบการณ์จากทางบ้าน: โรงแรมแห่งหนึ่งในนครสวรรค์ (คนพื้นที่รู้จักกันดี)
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 เมษายน 2554 15:30:58

ประสบการณ์จากทางบ้าน: โรงแรมแห่งหนึ่งในนครสวรรค์


อืมม บอกไว้ก่อนเผื่อมีเพื่อน ๆ บางคนที่เคยฟังแล้ว เพราะว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เคยเล่าในรายการเดอะช็อคค่ะ.....

อ้อ... เหตุการณ์ในเรื่องนี้ บางคนอาจจะคิดว่า โอเวอร์ก็ได้ แต่อยากจะบอกว่า เรื่องนี้เรื่องจริง ๆ เจอกันหลายคนเลยล่ะ

ตอนนั้นฉันมีโอกาสได้แสดงภาพยนต์เรื่องนึง (แต่หนังไม่ดังหรอก เพราะช่วงนั้นหนังไทยไม่ทำเงินเหมือนช่วงนี้)

เราไปถ่ายทำกันที่จังหวัดนครสวรรค์ พอตกกลางคืน ทางทีมงานก็เปิดห้องพัก 2 ห้องให้ฉัน แม่ น้องชาย และพี่คนขับรถ

ได้พักผ่อนกัน ... ด้านล่างของโรงแรม ค่อนข้างสวยงามใช้ได้ แต่พอขึ้นลิฟท์ไปจนถึงห้องพักนี่สิบรรยากาศน่ากลัวสุด ๆ

เหมือนกับคนละโลกกันเลย

อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้ฉันมาถึงห้องพักน่ะ เป็นเวลาโพล้เพล้พอดี คือ ประมาณหกโมงเย็นกว่า ๆ แล้วล่ะ ทำให้พอมอง

บรรยากาศข้างนอกได้ค่อนข้างชัด ฉันมองผ่านหน้าต่างออกมา ก็เห็นว่า มีหลุมศพอยู่ 2 หลุมติดกันเลย ตอนนั้นใจน่ะ

อยากจะขอเปลี่ยนห้องแล้วล่ะ แต่ก็เกรงใจทางทีมงานอยู่ไม่น้อย กลัวว่าถ้าทำตัวเรื่องมาก ก็พาลจะถูกนินทาเอาได้

ก็เลยจำใจนอนห้องนี้ก็ได้ฟะ..... และอีกอย่างก็คิดว่า วิวห้องไหน มันก็คงจะเหมือน ๆ กันแหละ

แต่ตอนนั้น ยังไม่ทันได้สำรวจห้องอะไรมากมาย ก็ต้องรีบลงไปข้างล่างก่อน เพราะว่าเดี่ยวจะมีพี่ที่กองถ่ายจะต้องบอกคิวว่า

วันไหนจะต้องย้ายกองไปที่ไหน และพวกเราก็ลงไปเที่ยวในเมือง เพื่อหาอะไรอร่อย ๆ ทานด้วย

กว่าจะกลับมาที่ห้องอีกทีก็สัก 1 ทุ่มกว่า ๆ ก็เริ่ม ๆ ทำการสำรวจห้อง พบว่า......

- ห้องพักเก่ามากกกกกกกกกกก

- เตียงนอนก็เหม็นสุด ๆ มีคราบเหลือง ๆ แดง ๆ อะไรก็ไม่รู้ ปะปนกันมั่วไปหมด

- ส่วนผนังห้องก็มีสีแดง ๆ คล้ายคราบเลือดเลอะผนังห้องเต็มไปหมด

- ห้องน้ำ ก็มีไฟหลอดแดง ๆ ประมาณ 40 วัตต์ ห้อยโตงเตงอยู่ สลัว ๆ ได้อารมณ์สยิวกิ้วยิ่งนัก

- กระจกห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง เป็นคราบ ๆ เลอะ ๆ เต็มไปหมด เวลามองหน้าตัวเองในกระจก

  จะรู้สึกว่าตัวเองดูป่วย ๆ ดูโทรม ๆ ไปถนัดตา พูดง่าย ๆ ว่าดูแล้วน่ากลัวน่ะค่ะ

- อ่างอาบน้ำ และฝักบัว ก็เก่าแสนเก่า ในอ่างนี่ก็มีคราบเหลือง ๆ แดง ๆ ปะปนกัน มองยังไง

  ก็ไม่กล้าอาบน้ำในอ่างแน่ ๆ กลัวโดนผีจับกดน้ำ

- ห้องเหม็นอับมาก ๆ ขอบอก เหมือนกับไม่เคยมีการทำความสะอาดมาก่อน

หลังจากที่ฉัน สำรวจห้องพัก ทั้ง 2 ห้องเรียบร้อยแล้ว ฉันก็มีความคิดเจ้าเล่ห์นิด ๆ ก็คือ ฉันเลือกที่จะนอนในห้องที่มี TV

เพราะคิดเอาเองว่า อย่างน้อย ๆ ห้องนี้ก็น่าจะไม่มีผี เพราะว่า น่าจะมีคนมาพักบ่อย เพราะยังมี TV อยู่เลย

ส่วนห้องที่ไม่มี TV ฉันก็ยกให้น้องชาย กับพี่ที่มาขับรถให้ นอนแทน ดังนั้น ฉันกับแม่ก็เลือกที่จะนอนห้องนี้

พอเข้าห้องฉันก็เปิดทีวีดู อ้อ...ที่โรงแรมนี้ไม่มียูบีซีหรอกนะคะ ดังนั้นก็ต้องดูรายการปกติของสถานีแทน

ฉันก็กำลังปรับ ๆ ทีวีดู ส่วนแม่ฉันก็นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ขณะที่ฉันกำลังปรับทีวีอยู่นั้น ก็หันมาเห็นแม่

ทำหน้าแปลก ๆ พร้อมทำจมูกฟุดฟิด ๆ ฉันถามว่ามีอะไรเหรอ แม่ก็ไม่ตอบ พร้อมส่งซิก ว่าเหมือนกำลังมีอะไรบางอย่าง

ที่มองไม่เห็นอยู่ข้าง ๆ แม่ฉัน ฉันก็เลยถามว่า "มีอะไรเหรอ แม่" แม่ก็ตอบว่า "ได้กลิ่นอะไรมั้ย เหม็นมาก ๆ"

ฉันก็ตอบว่า "ไม่ได้กลิ่นค่ะ" สักพัก เหมือนสิ่งที่มองไม่เห็นจะได้ยิน แล้วเดินมาทางฉัน เพราะขณะที่ฉันปรับทีวีที่ไม่ชัดอยู่นั้น

อยู่ดี ๆ ก็ได้กลิ่นขึ้นมา เป็นกลิ่นเน่า เหมือนมีอะไรตาย มาอยู่ข้าง ๆ ฉัน เหม็นมากกกกกก

พอฉันได้กลิ่น ฉันก็หันไปมองหน้าแม่ พร้อมกับบอกแม่ว่า "ได้กลิ่นแล้ว ๆ"

ฉันถามว่า "แม่ยังได้กลิ่นอยู่หรือเปล่า" แม่บอก "ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้ว"

ฉันก็เลยตอบไปว่า "ตอนนี้เค้าคงมายืนข้าง ๆ ฉันแล้วล่ะ เพราะกลิ่นตรงนี้แรงมาก ๆ เมื่อกี้ยังไม่มีอยู่เลย"

พอพูดยังไม่ทันขาดคำ สิ่งที่มองไม่เห็นนั่น ก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาทันที......

คือ ทีวีที่ฉันกำลังปรับ เพื่อให้ภาพคมชัดนั้น ตอนนั้นกำลังจะดูข่าวหรือละครช่อง 7 นี่ละ จากภาพข่าว ก็กลายเป็น

ภาพข่าวอย่างเดียว แต่เสียงที่ควรจะรายงานข่าวน่ะ กลายเป็นเสียงสวดมนต์แบบแขก ๆ ฉันก็ลองเปลี่ยนเป็นช่องอื่น ๆ

แต่ว่าเสียงก็ยังเป็น เสียงสวดมนต์เหมือนเดิมทุกช่อง มันน่าแปลกมั้ยล่ะ?

สักพักมันเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เพราะว่าพอฉันปิดทีวี มันก็ยังมีเสียงสวดมนต์อยู่เลย นั่นทำให้ฉันกับแม่ ตัดสินใจวิ่ง

ลุกออกไปเปิดประตู เพื่อวิ่งไปยังห้องน้องชาย แต่ว่า ประตูมันเปิดไม่ออกค่ะ เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออกสักที

แต่โชคยังดีที่โทรศัพท์ใช้การได้ ฉันจึงโทรมาที่ห้องน้อง บอกให้น้องมานี่หน่อยไม่ต้องพูดอะไร ให้รีบ ๆ มาเดี๋ยวนี้เลย

น้องฉันก็เลยมาเคาะประตู พร้อมกับบิดประตูเข้ามาอย่างง่ายดาย ส่วนฉันกับแม่ พอเห็นน้องชายเข้ามาได้ ก็ค่อยโล่งอก

รีบวิ่งแจ้นออกนอกห้องกันแทบไม่ทัน

พอเข้ามาห้องน้องชายเรียบร้อยแล้ว แม่ก็บอกว่าลืมของในห้อง พี่คนที่ขับรถมาให้ก็เลยบอกว่า จะไปหยิบมาให้

พร้อมกับเรียกน้องชายของฉันให้ไปเป็นเพื่อน แต่ว่าเค้าไม่ได้หยิบแค่ของอย่างเดียว ยังหยิบอย่างอื่นเข้ามาด้วย นั่นก็คือ...

"ที่นอนค่ะ" นาทีนั้น ตอนที่ฉันเห็นที่นอน ฉันนะตกใจมาก ๆ เพราะว่ามันเหมือนกับการเอาของ ๆ ห้องที่มีผีเข้ามา

แบบนี้ผีมันก็ตามเข้ามาด้วยน่ะสิ คิดยังไม่ทันไร ตาก็เหลีอบไปเห็น เลือดค่ะ เลือดเลอะเต็มด้านหลังของที่นอนนั่นเลย

ไม่ใช่เลือดประจำเดือนแน่ ๆ เลือดมากขนาดนี้ สงสัยมีการฆ่ากันตาย บนเตียงนี้แน่ ๆ

คือ ตอนที่น้องฉันกับพี่คนขับรถ ไปหยิบที่นอนน่ะ เขาไม่เห็นเลือด แต่เห็นว่าพอหยิบที่นอนมาแล้วเจอยันต์ และหนังสือสวดมนต์

วางอยู่ใต้ที่นอน นั่นทำให้ฉันกับแม่ ร้องพร้อมกันว่า "เอาไปเก็บเดี่ยวนี้" น้องฉันกับพี่คนขับรถยังงงไม่หาย จนฉันต้องบอกต่อว่า

"เลือดเต็มไปหมด" นั่นทำให้น้องชายฉันถึงกับเข่าอ่อน ด้วยความตกใจ เพราะเกิดมา ไม่เคยเห็นที่นอน ที่มีเลือดเยอะขนาดนี้เลย

น้องชายฉันไม่กล้าไปที่ห้องนั่นเลย แต่ว่าแม่สั่งให้ช่วยพี่เค้า น้องชายฉันเลยต้องช่วยกัน แบกที่นอนไปเก็บด้วยความจำใจ.....

พี่คนขับรถให้ฉัน เป็นนักวิทยุฯ สมัครเล่นด้วย เค้าจะมี "วอ" (ที่เหมือนของตำรวจน่ะค่ะ ที่ใช้คุยกันน่ะค่ะ) ติดตัวตลอด

เพื่อใช้พูดคุยกัน ซึ่งเจ้าวิทยุ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "วอ" เนี่ย ก็จะสามารถพูดคุยกับคนในท้องถิ่นนั้นด้วย

ฉันก็ได้ยิน พี่จิ้น (ก็พี่คนที่ขับรถให้ฉันนั่นแหละ) พูดคุยกับคนในวอ แล้วคนในวอเค้าก็ถามว่า พักที่ไหน โรงแรมอะไร

พี่จิ้นก็ตอบ ๆ ไป สักพักเค้าก็ตอบกลับมาว่า (แล้วไม่ใช่ตอบคนเดียวนะ คือ ในวอเนี่ย มันจะคุยกันได้หลาย ๆ คนเลยล่ะ)

คนในวอ เค้าก็แทบจะพร้อมใจกัน ตอบออกมาว่า.. "หา อะไรนะ ทำไมมานอนโรงแรมนี้ล่ะ นี่มันโรงแรมผีสิงนะ ผีดุมาก

ผีแขกด้วย เป็นป่าช้าเก่า ให้พวกเรารีบย้ายออกมาโดยด่วน ไม่มีใครนอนโรงแรมนี้ได้พ้นคืนหรอก ต้องวิ่งป่าราบกันทุกคน

เพราะว่าในโรงแรมนี้น่ะ มีทั้งฆ่ายัดใต้เตียง ฆ่ากันในอ่างอาบน้ำ และที่สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ 3 วันที่แล้ว ยิงกันตายในลิฟท์"

โอ้ว พระเจ้าช่วยกล้อยทอด นี่มันอะไรกันฟะเนี่ยยย ฉันนั่งฟังตาปริบ ๆ น้องชายฉันก็นั่งทำหน้าเหวอ ๆ แม่ฉันก็อึ้ง ๆ

ส่วนพี่จิ้น ก็ยังคุยไม่เลิก ยิ่งพูดก็ยิ่งน่ากลัว ๆ เรื่อย ๆ

จริง ๆ ฉันบอกให้พี่จิ้นเลิกคุยได้แล้ว เพราะยิ่งคุยมันก็เหมือนกับ เราท้าทายเค้าน่ะค่ะ แต่พี่จิ้นเค้าไม่ยอมเลิกคุย

โดยให้เหตุผลว่า เราควรจะรู้ประวัติของโรงแรมนี้ให้มากที่สุด และอีกอย่างในนี้คนเยอะ เค้ารู้สึกว่ามันไม่น่ากลัว

เหมือนมีคนร่วมทุกข์ร่วมสุขเพียบ....

พูดง่าย ๆ ว่าพอเจออะไรไป พี่จิ้นก็รีบรายงานให้คนในวอฟังทันที ประหนึ่งตัวเองเป็นนักข่าวรายงานสดนอกสถานที่

ฉันนึกในใจว่า "รู้แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาฟะ รู้แล้วยิ่งกลัวเปล่า ๆ"

ยิ่งคนในวอ เล่าประสบการณ์สยองมากเท่าไหร่ เกี่ยวกับโรงแรมนี้ ต่างคนก็ต่างเล่ากันใหญ่ว่าเจออะไร

มันก็ยิ่งเป็นการท้าทาย ๆ คุณผีมากขึ้น ๆ เพราะว่าตอนนี้เค้าเริ่มจะแสดงอิทธิฤทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม เช่น.....

ห้องน้ำ มีเสียงกดชักโครกเอง น้ำไหลซู่ เหมือนมีคนเปิดน้ำทิ้งไว้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ และมีเสียงคนเดินในห้องน้ำ

หน้าต่าง ไม่มีระเบียง แต่มีคนเคาะหน้าต่างบ่อยมาก ๆ ก็คิดดูสิว่าใครเคาะล่ะ จะว่าต้นไม้ก็ไม่ใช่ เพราะตอนเย็นน่ะ

มองแล้วว่าไม่มีต้นไม้ใหญ่ มาเลาะหน้าต่างแน่นอน

ประตู มีคนมาเคาะประตูทั้งคืน ตอนแรกฉันนึกว่าทีมงานมาแกล้ง จึงส่องตาแมวไปดู ปรากฏว่า ไม่มีใครสักคน

สักพักก็ยังมีคนมาเคาะอีกหลายหน ฉันจึงตัดสินใจลุกไปกัน 3 คนเพื่อส่องตาแมวให้รู้ไปเลยว่าใครมาแกล้งฟะ

ปรากฏว่าขณะที่เสียงเคาะประตูกำลังดังอยู่นั้น ฉันส่องตาแมวพอดี ก็ไม่เห็นมีใครมาเคาะประตูเลย นั่นทำให้ฉันเหวอมาก ๆ

ส่วนลิฟท์ ก็มีเสียงคนขึ้นลงตลอดเวลา และที่สำคัญไม่ว่าลิฟท์จะขึ้นหรือลงยังไง ก็ต้องมาหยุดตรงชั้นห้องของฉัน

และต้องมีเสียงคนเดินมาหยุดหน้าห้องทุกที ซึ่งแน่นอนว่า พวกเราไปส่องตาแมวดูแล้วก็ไม่มีใครสักคน

สักพัก พี่จิ้นเริ่มทนไม่ไหว ขณะที่ประตูกำลังเคาะอยู่นั้น พี่จิ้นก็แสดงความกล้าหาญด้วยการเปิดประตูทันที

แล้วก็ออกไปมองข้างนอก ว่าใครวะ มาแกล้งป่านนี้ ซึ่งก็ไม่เจอใครสักคนเลยค่ะ และก็ไม่มีทางด้วยที่ใครจะมาแอบ

เพราะมันไม่มีมุมให้แอบได้เลย อ้อ ส่วนห้องข้าง ๆ คือ จะมีลิฟท์ก่อน และก็ห้องเก็บของ และก็ห้องฉัน นะคะ

ก็เคาะผนังตรงหัวเตียงฉันทั้งคืนเช่นกันค่ะ คุณลองคิดเล่น ๆ ดูสิ ว่าฉันกำลังนอนกลัวอยู่บนเตียง แต่หัวเตียงน่ะ

มีเสียงคนเคาะดังมาก ๆ เลย เคาะป๊อก ป๊อก ป๊อก แถมลากของทั้งคืน เสียงเหมือนลากตู้ ลากเตียง เอี๊ยด อ๊าดทั้งคืน

สักพัก น้องชายของฉันก็กลัวจนหลับไป คือ นอนทั้งน้ำตาน่ะค่ะ ขณะที่น้องฉันกำลังหลับอยู่นั้น อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมา

ทำท่าทางเหมือนคนแขก และก็พูดภาษาแขก ๆ ว่า อะบิดาบา อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่ว่าน่ากลัวมาก ๆ

เพราะว่าปกติน้องชายฉันไม่เคยนอนละเมอเลย แต่นี่ลุกขึ้นมาดื้อ ๆ อย่างนั้น มันน่ากลัวมาก ๆ ค่ะ จนแม่

ต้องให้พระคล้องคอน้องใส่ น้องถึงนอนลงได้

อ้อ...ลืมบอกไปว่า ตอนที่เข้าห้องนี้แล้ว ช่วงที่เกิดเหตุการณ์แรก ๆ ขึ้นคือ มีคนเคาะประตูนี่ ฉันกับคุณแม่ก็สวดมนต์

พระคาถา ชินบัญชรด้วยนะคะ ลองคิดดูสิว่าขนาดสวดมนต์ก็แล้ว แผ่ส่วนบุญส่วนกุศล บอกเจ้าที่เจ้าทางก็แล้ว

ยังโดนขนาดนี้ ถ้าไม่ทำจะโดนขนาดไหนเนี่ย

(อ้อ ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ ตี 4 กว่าพอดี หมาแถวบ้านหอนกันสนั่นเลย ได้อารมณ์จริง ๆ )

ตอนแรก ๆ แม่เริ่มถอดใจ หลังจากน้องชายโดนผีเข้า แม่กะว่า เราออกไปหาโรงแรมอื่น นอนกันเถอะลูก แต่เรากลับคิดว่า

นอนที่นี่ต่อไปดีกว่า..... เพราะว่า

- กลัวผีในลิฟท์อีก เกิดเข้าลิฟท์ดี ๆ แล้วลิฟท์ค้างกะทันหัน ไฟดับจะทำอย่างไร ไม่ตายกันในลิฟท์เหรอ ป่านนี้แล้วใครจะมาช่วย

- ตอนนั้นมันก็ดึกมาก ๆ แล้ว ตีอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน เพราะไม่เคยมาจังหวัดนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าที่อื่นมันจะดุกว่านี้หรือเปล่า

สรุปคืนนั้น เรียกได้ว่าแทบไม่ได้นอน เจอผีกันทั้งคืน เจอจนจากกลัวเป็นโกรธ ฉันโกรธจริง ๆ นะ เข้าใจเลยว่า คนที่กลัวอะไรสุด ๆ

สามารถเปลี่ยนความกลัว เป็นความโกรธได้ คือ ช่วงหลัง ๆ เริ่มจะชินแล้ว อยากหลอกก็หลอกล่ะกัน เพราะอย่างน้อย

เค้าก็ยังใจดีที่ไม่มาให้เห็นกันจะ ๆ ไม่งั้นคงช็อกตายคาที หรือไม่ก็วิ่งป่าราบเหมือนคนอื่น ๆ

ฉันกับแม่เผลอหลับไปในตอนเช้า ส่วนพี่จิ้นก็หลับคาวอนั่นแหละ ตื่นมาอีกทีก็ 9 โมงกว่า รีบเผ่นจากห้องกันแทบไม่ทัน

ระหว่างออกจากห้อง ก็ต้องเดินผ่านห้องเก็บของข้าง ๆ ที่เมื่อคืนลากอะไรกันไม่รู้ทั้งคืน ฉันเหลือบไปเห็น ที่นอน (อีกแล้ว)

แต่คราวนี้เป็นที่นอนที่มีเลือดเกือบจะสด ๆ เลอะเต็มที่นอน และไหลเป็นคราบมากองที่พื้นอีกด้วย

อ้อ...พอดีมีคนทำความสะอาด 2 คนเดินมาพอดี ฉันเลยถามเลยว่า พี่คะ ห้องนี้เมื่อคืนมีใครเข้ามาลากอะไรหรือเปล่าคะ

พี่คนทำความสะอาดทำหน้าตาเหวอ ๆ บอกกลับมาว่า ห้องนี้ไม่มีคนหรอกค่ะ พอตกเย็นพนักงานก็รีบกลับบ้านกันหมดแล้ว

ไม่มีใครกล้าทำงานตอนกลางคืนหรอก เพราะโรงแรมนี้ผีดุจะตาย ดูสิ ขนาดกลางวันแสกๆ เค้ายังไม่กล้าทำงานคนเดียวเลย

ต้องขึ้นมาเป็นเพื่อนกัน 2 คน แล้วที่นอนที่เห็นนี่ ก็เพิ่งฆ่ากันตายมาไม่กี่วัน เลือดยังนองอยู่ ไม่มีใครกล้าเช็ด

พอทราบความดังนั้น พวกเราก็ขอบคุณพร้อมกับรีบลงจากลิฟท์ ลิฟท์ก็น่ากลั๊ว น่ากลัว นี่ขนาดตอนเช้านะเนี่ย

พอลงมาก็เจอเจ้าของโรงแรม เดินมาทักทายใหญ่เชียว ว่าเมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ?

โห.....ฉันนะ รีบบอกใหญ่เลยล่ะ ว่าเมื่อคืนเจออะไร

เจ้าของโรงแรมรีบบอกกลับทันที่ว่า "ที่คุณเจอน่ะ มันยังเล็กน้อย ผมเจอยิ่งกว่านี้อีก และอีกอย่าง วันนี้ผมจะทุบ

โรงแรมนี้ทิ้งพอดี เพราะว่าเปิดต่อไป ก็ไม่มีใครมาพักเลย เนื่องจากผมก็ยอมรับว่าโรงแรมผมผีดุจริง ๆ

เมื่อคืนเป็นคืนสุดท้าย ผีเค้าเลยมาทักทายซะหน่อย"

ฉัน แม่ น้อง พี่จิ้น ยืนฟังตาเหลือก

เรานึกในใจว่า "อะไรฟะ ผีดุแบบนี้กล้าให้พวกเรามานอนได้ไงฟะเนี่ย"

เราถามเกี่ยวกับทีมงานคนอื่น ๆ ก็ได้ความว่า ไม่มีใครพักที่นี่เลยค่ะ (พูดง่าย ๆ ว่าทั้งโรงแรมมีฉันอยู่ห้องเดียว)

คือ ดาราคนอื่น เค้ารู้กันหมดแล้วว่าที่นี่ผีดุ ไม่มีใครกล้าพัก ส่วนเราเพิ่งเล่นเรื่องแรก ยังไม่รู้อะไร ไม่มีใครบอก

เลยได้พักไป ซวยไป

อีก 2 วันต่อมาก็มีคิวถ่ายต่อ แหม...ทีมงานถามกันใหญ่เลย ว่าเจออะไรบ้าง หึหึ สนุกกันเข้าไป

นี่ละหนา ที่เค้าว่าคนในวงการบันเทิง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูจริง ก็ดูสิ ไม่มีใครบอกฉันสักคน...........




จาก: หนามเตย