[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 17 กันยายน 2560 19:25:24



หัวข้อ: สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทโว)
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 17 กันยายน 2560 19:25:24
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/75633988901972_view_resizing_images_1_.jpg)

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทโว)
ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8

พระองค์ได้รับการยกย่องเป็นพระคณาจารย์ที่โด่งดังในการสร้าง "พระกริ่ง" ของเมืองไทย

พระนามเดิม "แพ" ประสูติเมื่อวันพุธที่ 12 พ.ย.2399 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในครอบครัวเป็นชาวสวนบางลำพูล่าง อำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี

พ.ศ.2411 ปีมะโรง บรรพชาที่วัดราชบูรณะ ศึกษาเล่าเรียนที่วัดทองนพคุณ

ต่อมาเมื่ออายุ 16 ปี ตามสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) มาอยู่วัดพระเชตุพนฯ ครั้นสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) อาพาธใกล้ถึงมรณภาพ แนะนำให้พระองค์ไปฝากตัวเป็นศิษย์พระเทพกวี (แดง) วัดสุทัศน์ (ภายหลังพระเทพกวีได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต)

เมื่อปีเถาะ พ.ศ.2422 อุปสมบทที่วัดเศวตฉัตร มีพระเทพกวี (แดง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ชุ่ม วัดทองนพคุณ และพระอาจารย์โพ วัดเศวตฉัตร เป็นคู่พระกรรมวาจาจารย์ กลับมาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมกับพระอุปัชฌาย์ที่วัดสุทัศน์ และยังได้ศึกษากับสมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์

ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรม 3 ครั้ง ได้เปรียญธรรม 5 ประโยค

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2432 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระศรีสมโพธิ และได้เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นเทพในพระราชทินนามเดิม เมื่อพ.ศ.2439 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

พ.ศ.2441 ทรงเลื่อนเป็นพระราชาคณะที่พระเทพโมลี พ.ศ.2433 ทรงเลื่อนเป็นพระธรรมโกศาจารย์

พ.ศ.2455 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานหิรัญบัฏ เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพรหมมุนี

พ.ศ.2466 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพุฒาจารย์

พ.ศ.2472 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต

ครั้นเมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ 11 วัดราชบพิทธฯ เสด็จสวรรคต จึงได้มีการประกาศสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2481 โดยประกาศสถาปนาสมเด็จพระวันรัตขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 8

ในปีถัดมาในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 วันที่ 19 ก.ย.2482 ได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุพรรณบัฏสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ว่า "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณฯ"

ทรงปกครองคณะสงฆ์ให้เจริญเรียบร้อยก้าวหน้ามาโดยลำดับ ตั้งแต่เริ่มจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์

ด้านการศึกษาส่วนพระปริยัติธรรม ท่านรับหน้าที่เป็นแม่กองสนามหลวงฝ่ายบาลี สอบความรู้พระปริยัติธรรมพระภิกษุ-สามเณร ในพระราชอาณาจักร ตั้งแต่พ.ศ.2471-2474

แม้จะทรงพระชราภาพแต่ยังความเจริญร่มเย็นเป็นสุขให้บังเกิดแก่สังฆมณฑล มิได้ถือเอาความชราภาพเป็นสิ่งกีดขวาง โดยที่ทรงพระปรีชาญาณ และทรงเห็นว่าจะไม่สามารถปกครองสังฆมณฑลให้สัมฤทธิผลได้ดังพระราชประสงค์ จึงทรงพระกรุณาตั้งคณะบัญชาการแทนพระองค์ขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อดำเนินศาสนกิจให้ลุล่วง

จวบจนวันที่ 14 ต.ค.2484 รัฐบาลได้ ประกาศพ.ร.บ.คณะสงฆ์ออกใช้เป็นกฎหมาย เพื่อประสานนโยบายฝ่ายพุทธจักรกับอาณาจักร จึงมีพระบัญชาให้เปิดประชุมสมัยสามัญแห่งสังฆสภาขึ้น และเสด็จเปิดเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2485

ทรงแต่งตั้งพระมหาเถรานุเถระในสังฆสภา ให้ดำรงตำแหน่งตามบทแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 โดยครบถ้วนเพื่อบริหารศาสนกิจ

ในบั้นปลายพระองค์ก็ทรงประชวรด้วยพระโรคชรา ถึงวันที่ 1 พ.ย.2487 คณะแพทย์ถวายการรักษาจนสุดความสามารถ พระอาการได้ทรุดหนัก จนถึงวันที่ 26 พ.ย.2487 สิ้นพระชนม์ที่ตำหนักวัดสุทัศนเทพวราราม สิริพระชนมายุ 89 ปี พรรษา 66

ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช 7 พรรษา

คอลัมน์ อริยะโลกที่6
ข่าวสดออนไลน์