[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 18:19:42



หัวข้อ: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 18:19:42
 
(http://www.q1133.com/images/30_0.jpg)
(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSWRoyjb9jsnfSDgYCwgP_e-1KJhX7CMypptbYFPSFM6mo-Zyc&t=1&usg=__XT5sitn5PaDV6OSN_YtTT0t1w9k=)

การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน

ที่มาของการกินเจนั้นก็มีต่างๆกันไปตามแต่ข้อมูลที่จะหากันได้แต่สำหรับพุทธศาสนามหายานนั้นมีเหตุผลที่เดียวที่สั้นๆและง่ายๆว่า “มหากรุณาไม่อาจกินเนื้อสรรพชีวิต”  ถ้าคุณมีมหากรุณาแล้วคุณจะรู้เองว่าเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ควรกินหรือไม่  ด้วยเหตุผลทางอนามัยศาสตร์และระบาดวิทยามนุษย์จะไม่บริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายเองตามธรรมชาติเพราะไม่มั่นใจว่าสัตว์ที่ตายนั้นตายด้วยโรคหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เนื้อสัตว์ทั้งหมดที่บริโภคนั้นมาจากการฆ่าทั้งสิ้น  จากสถิติในปัจจุบัน (ภายใน 5 ปีที่ผ่านมานี้) ประเทศไทยมีจำนวนไก่ที่เลี้ยงไม่น้อยกว่า 200 ล้านตัวต่อปีซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้ไม่ใช่การเลี้ยงเพื่อดูเล่นหากแต่เป็นการเลี้ยงเพื่อการฆ่ามาเป็นอาหารของมนุษย์  นี่นับเพียงเฉพาะไก่อย่างเดียวเท่านั้นยังมากมายถึงขนาดนี้ถ้ารวมสัตว์ชนิดอื่นจะมีมากมายขนาดไหน  เนื้อสัตว์แต่ละคำที่มนุษย์กินเข้าไปนั้นสำหรับคนที่ทานอาจเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับสัตว์นั้นมันต้องแลกมาด้วยความกลัว, เสียงกรีดร้อง, หยาดน้ำตา, เลือด และชีวิต นี่คือสิ่งที่คุณจะพบเห็นได้ที่โรงฆ่าสัตว์ขณะเดียวกันก็คือสิ่งที่มนุษย์ที่มักกล่าวอ้างตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐยัดเยียดให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นเพื่อนร่วมโลก     

(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTldjUkMRPO-bQ__4LX3bT0T28eNV5fSJW8ILxqaNGlqwv9pgI&t=1&usg=___FWwxutJFTw46Sz4MZyT02JQUbI=)

คำว่า “เจ” 《斋》 ตรงกับภาษาจีนกลางว่า “ไจ” มีความหมายถึงศีล 8 ขึ้นไป (ศีล 8 ของมหายานกับเถรวาทตรงกัน) ซึ่งไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ แม้จะเป็นการเข้าใจผิดในการใช้ภาษาแต่นั้นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะด้วยเหตุที่ว่าในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะคนจีนนั้นเข้าใจตรงกันว่าการกินเจคือการงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ (ซึ่งจะกล่าวว่าผิดก็ไม่ถูกนักเพราะแม้จะไม่กล่าวถึงโดยตรงแต่ก็มีความสัมพันธ์โดยอ้อมกับศีลข้อ 1 คือละเว้นการฆ่า)  คนจีนนั้นแม้จะมีประเพณีเทศกาลกินเจในทุกๆปีแต่ในขณะที่เทศกาลอื่นกลับเต็มไปด้วยการฆ่าเป็ดไก่และสัตว์ชนิดอื่นๆเพื่อนำมาเซ่นไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ (ในข้อนี้ไม่ได้ตำหนิชาวจีนนะครับเพราะผมเองก็เป็นคนจีน) ตลอดจนถึงวันเกิดของเทพเจ้าองค์ต่างๆ แม้แต่ในตะวันตกในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Easter day) มีการฆ่าไก่งวงในวันเดียวมากกว่า 1 ล้านตัว  ซึ่งถ้าสัตว์เหล่านั้นได้คงบอกว่า “วันฉลองของเขาคือวันตายของเรา”   


หัวข้อ: Re: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 18:25:01

                     (http://e-thailander.com/images/J6.jpg)

หลายคนอาจไม่กินเจด้วยให้เหตุผลว่าตนไม่ได้สั่งให้เขาฆ่าต่อให้ตนไม่กินเขาก็ต้องฆ่าอยู่ดี  ประหนึ่งว่าถ้าคนอื่นไม่ทำดีก็ไม่มีเหตุผลที่ตนเองจะต้องทำ (คล้ายๆกับการถกเถียงระหว่างผู้สูบบุหรี่กับโรงงานยาสูบว่าใครจะเลิกก่อนกัน) ซึ่งถ้าสัตว์ที่คุณกินเหล่านั้นเป็นบิดรมารดาหรือคนที่คุณรักคุณจะไม่มีทางพูดเช่นนี้แน่นอน  ซึ่งอยากจะบอกว่าความจริงก็เป็นเช่นนั้น  มนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ไม่ว่านับถือศาสนาใดมากกว่าร้อยละ 99 ไม่มีศีล 5 เป็นอย่างน้อยและผลของการไม่มีศีล 5 นั้นเมื่อตายลงย่อมไม่มีโอกาสที่จะเกิดเป็นคนได้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงขึ้นสวรรค์  ถึงแม้บางท่านอาจแย้งว่ามีการบำเพ็ญกุศลอุทิศให้ผู้วายชนม์ขอนี้เรียนว่าผู้ที่จะรับส่วนกุศลจากการอุทิศได้นั้นต้องเป็นเปรตสถานเดียวเท่านั้น  ลุ่มหลงในกองกรรมคือทางสู่อบายซึ่งส่วนหนึ่งก็ปรากฏเป็นสัตว์ที่มนุษย์ฆ่านั้นเอง คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเนื้อสัตว์ที่คุณทานนั้นไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องของคุณ ( ทั้งในปัจจุบันและอดีตชาติ )

เพราะสรรพชีวิตทั่วทั้งวัฏฏะสงสารที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันนั้นไม่มี และถ้าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วคุณอยากจะฆ่าหรือจะกินเนื้อของคนอื่นและสัตว์อื่นขอเรียนว่าคุณไม่มีความสามารถขนาดนั้น ในขณะเดียวกันถ้าคุณโลภโกรธหลงและไม่มีศีลต่อไปคุณก็ต้องลงสู่อบายและ 1 ในนั้นคือเกิดเป็นสัตว์ให้เขาฆ่า การเกิดเป็นสัตว์นั้นกล่าวกันถึงขนาดว่าพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปมาตรัสรู้ที่เกิดเป็นไก่ก็ยังเกิดเป็นไก่ต่อไปอยู่ดีหมุนเวียนว่ายวนนับไม่ถ้วน ในเรื่องนี้พุทธศาสนาแสดงเอาไว้มากโดยเฉพาะสมัยพุทธกาลเกี่ยวกับคนที่กลับชาติมาเกิดมาเป็นสัตว์  เวลาที่ผ่านไปเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นความก้าวหน้าของการขยายพันธุ์, เลี้ยงและการฆ่าก็ยิ่งมีมากขึ้น  กรรมแห่งปาณาติบาตของมนุษยชาติใหญ่หลวงนักถึงตอนนั้นภัยมาจากทิศทั้ง 10 ใคร่ขอเรียนถามว่ามนุษย์จะหนีไปทางไหน ?


หัวข้อ: Re: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 19:29:03

(http://www.lottery-thai.com/images/1191902114/1191903149.JPG)


เจตนานั้นเป็นตัวกรรมนี่เป็นคำสอนที่สำคัญของพระพุทธศาสนา  ว่าถ้าวันนี้คุณกินเจเพราะอยากให้ตนและคนที่เกี่ยวข้องกับคุณ (มีพ่อแม่, ลูกหลาน, เพื่อนฝูงเป็นต้น) ได้บุญ, ร่ำรวย, หายป่วย,  มีสุขภาพแข็งแรง, ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน ฯลฯ แล้ว  ขอเรียนว่ายังห่างไกลกับพุทธศาสนามหายานมาก  มหากรุณาจิตไพศาลโดยไม่แบ่งแยกว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครเป็นคนหรือเป็นสัตว์หรือไม่  การกินเจหรือการทำกุศลทั้งปวงหากทำเพื่อประโยชน์แห่งสรรพชีวิตผลานิสงส์ย่อมพ้นประมาณ แต่ถ้าทำด้วยความโลภกุศลนั้นจะเป็นเพียงแค่ “เปลือก” นี่เป็นเหตุผลว่าคนที่เห็นแก่ตัวทำบุญมากแต่ได้ผลน้อยขณะที่พระโพธิสัตว์แม้ทำกุศลน้อยแต่ได้อานิสงส์มาก

ด้วยเหตุนี้พระโพธิสัตว์ในแต่ละชาติที่ผ่านไปจึงพัฒนาขึ้นมากไม่ว่าจะด้านใดๆก็ตาม และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระโพธิสัตว์มีไม่ใช่เพื่อตนและพวกพ้องแห่งตนหากแต่เพื่อสรรพชีวิตโดยไม่จำกัดว่าสรรพชีวิตดังกล่าวนั้นจะเป็นอย่างไรมีนิสัยและความประพฤติอย่างไร  หลายคนอาจจะปรารถนาพระโพธิญาณแต่ต้องถามว่าเพื่ออะไรถ้าเพื่อสรรพชีวิตนั้นย่อมประเสริฐ  แต่ถ้าเพื่อตนจะได้มีสถานะที่สูงส่งหรือมีอิทธิฤทธิ์หรือเพราะแค่ความ “อยาก” จะเป็นแล้วความปรารถนานั้นย่อมไม่มีวันสำเร็จไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม การเข้าถึงพระพุทธศาสนามหายาหาใช่อยู่ที่เครื่องแบบภายนอกแบบบรรพชิตจีน, หาใช่อยู่ที่การกราบไหว้พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์สัตว์ทั้งหลายตลอดจนถึงหาใช่การสวดสาธยายมนต์และธารณีต่างๆ เพราะถ้าคุณไม่มีมหากรุณาจิตแล้วย่อมไม่มีประโยชน์ 

                                (http://img412.imageshack.us/img412/4936/14195707.jpg) 

พระพุทธศาสนามหายานถึงพร้อมด้วยเหตุ 3 ประการคือ ศรัทธา, มหากรุณาและปัญญา  หลายคนชำนาญพระสูตรมหายานมาก, หลักธรรมเช่นไร?, โพธิสัตว์จริยาเป็นเช่นไร? แต่ถ้าในชีวิตประจำวันยังสาละวนอยู่กับว่าตนอยากได้ไม่อยากได้อะไร, ชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยลืมความต้องการและความทุกข์ยากของคนอื่น,ของสังคมและของสรรพชีวิตนั่นก็แปลว่ายังห่างไกลจากมหายานมาก  พระพุทธศาสนามหายานนั้นไม่ได้สอนว่าให้คุณปฏิบัติตนเพื่อวันข้างหน้าคุณจะเข้าถึงความเป็นพระโพธิสัตว์  แต่สอนว่าถ้าวันนี้คุณมีปณิธานและตั้งใจทำจริงๆวันนี้และเดี๋ยวนี้คุณก็คือพระโพธิสัตว์โดยไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้หรือวันไหนๆ  และในพระสูตรมหายานยังกล่าวว่า “ไม่เรียนเถรวาทแล้วค่อยเรียนมหายานไม่ใช่ศิษย์ตถาคต” เพราะด้วยเหตุที่ว่าถ้าจับหลักไม่ได้แล้วพระพุทธเจ้าศาสนามหายานก็จะกลายเป็นเทวนิยมไป  ด้วยเหตุนี้ในการศึกษาพุทธศาสนามหายานจึงมีการเทียบเคียงตลอดเวลาว่า หลักธรรมข้อนี้หมวดนี้เถรวาทแสดงไว้ว่าอย่างไรและมหายานแสดงไว้ว่าอย่างไรซึ่งพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆของเถรวาทนั้นได้แปลไปเป็นภาษาจีนนานมากแล้ว   


แน่นอนการกินเจนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่หมายความว่าคนที่ไม่กินเจเป็นคนที่เลว  พระพุทธศาสนามหายานแสดงว่าสรรพชีวิตทั้งปวงเสมอภาค สุนัข, นักโทษ, พระพุทธเจ้า ล้วนมีพุทธภาวะไม่แตกต่างกัน, ไม่เพิ่มและไม่ลด, ไม่มากและไม่น้อยกว่ากัน คนที่ยังไม่กินเจนั้นเพียงเพราะว่าเหตุปัจจัยยังไม่ถึงพร้อมเมื่อใดถึงที่เหตุถึงพร้อมผลย่อมเกิดอย่างไม่ต้องสงสัย  ในทางกลับคนที่ทานเนื้อสัตว์แล้วสำนึกบุญคุณของสัตว์ที่มาเป็นอาหารแก่ตนเพียงครั้งเดียวย่อมประเสริฐกว่าคนที่กินเจด้วยความโลภตลอดชีวิต ที่สำคัญคุณสามารถกินเจเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อสะดวกและมีศรัทธา (ตลอดชีวิตได้ยิ่งดี) หรือไม่จำเป็นต้องทานทั้ง 3 มื้อใน 1 วัน  อาจเป็นมื้อใดมื้อหนึ่งก็ได้   


และที่กล่าวมาข้างต้นนี้คือสารัตถะแห่งมหายานและการกินเจโดยสังเขป (เท่าที่สติปัญญาของผมจะพอมี) และถ้าจะพอมีบุญกุศลอยู่บ้างก็ขออุทิศแก่สรรพชีวิตทั้งปวงจะเป็นผู้นิรทุกข์เข้าถึงความสุขในทุกสถานในการทุกเมื่อเข้าถึงพระอมตะธรรมคือพระนิพพานอันได้แก่สาวกญาณ,ปัจเจกญาณ และสัมมาสัมโพธิญาณตามแต่ปรารถนาด้วยกันทุกท่านเทอญ......... 



(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:6bx5Z5HLdz93LM:http://gotoknow.org/file/phongphan/07.1.jpg)

ขอบพระคุณที่ทั้งหมดมากมายค่ะ
q112233@windowslive.com

http://www.q1133.com/index.php/dharma-/79-vegetarian (http://www.q1133.com/index.php/dharma-/79-vegetarian)


หัวข้อ: Re: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 21:18:27
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/october/10.jpg)



การทาน เจ นอกจากจะไม่เบียนเบียนชีวิตสัตว์แล้วยังทำให้อายุยืนยาวขึ้นโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 ปี


(http://img412.imageshack.us/img412/4936/14195707.jpg)


ประโยชน์ของการกิน เจ คือทำให้ร่างกายได้ปรับสมดุลย์ตามธรรมชาติและอีกประการหนึ่งความจริงแล้วเนื้อสัตว์นั้นมีใช่อาหารที่แท้

จริงของมนุษย ถ้ามนุษย์บริโภคแต่เนื้อสัตว์จะทำให้ร่างขาดการต่อต้าอนุมูลอิสระและอาหารของมนุษย์จริงแท้แล้วก็คือธัญพืชนั่นเอง ถ้าลองทำหรือ

ปฏิบัติดู

สักระยะหนึ่ง(งดบริโภคเนื้อสัตว์)ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นโรคภัยที่เคยเป็นก็ทุเลาขึ้น ถ้ามองกลับด้านกันหากมี แม่ไก่ หรือ แม่สุกรอยากกินเนื้อของเรา

แล้ว เราจะยอมให้เขากินมั๊ย ? หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เราไปปล้นชีวิตเขามาเพื่อความอยู่รอดของเรา ถ้ามองในทัศนส่วนตัวแล้วข้าพเจ้า

(บางครั้ง)เห็นว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับสัตว์ แม้แต่มด - ปลวกก็ยังรักชีวิตของมันนับประสาอะไรกับสัตว์ใหญ่เช่น โค กระบือ สุกร

หรือสัตว์ใหญอื่นที่มี พระคุณต่อคน โลกทุกวันนี้มีภัยพิบัติเกิดขึ้นก็ด้วยการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง เช่นภาวะโรคร้อน โรคใหม่ ๆ ที่อุบัติขึ้น เช่น

ไข้หวัด 2009 ภัยธรรมชาติเริ่มมีถี่ขึ้นในระยะ 10 กว่าปีผ่านมนี้มีแผ่นดินไหว ถี่มาก นั่นแสดงว่าธรรมชาติเริ่มจะเอาคืนจากมนุษย์แล้ว

ในส่วนนี้ยังขยายประเด็นได้อีกยาวเลยทีเดียว ถ้าจะให้สรุปด้าน วิทยาศาสตร์ก็สอดคล้องกับหลักทางศาสนาตัวอย่างเช่นโรคภัยจากสัตว์ที่

ระบาดมามถึงมนุษย์มีอีกหลายสายพันธุ์ แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อ


หัวข้อ: Re: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 21:36:47


Chinese Buddhist Evening Ceremony Amitabha Sutra 佛教 晚課 阿彌陀經2 (http://www.youtube.com/watch?v=YRnua3cU_ew&feature=related#)

อนุโมทนาค่ะ น้อง"บางครั้ง"    (http://www.dhammajak.net/images/stories/pic/lotus1_80.jpg)

ฝันดีนะคะ   (:SL:)


หัวข้อ: Re: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 22:13:10
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/october/10.jpg)



.....................................ทาน เจ แล้วดีอย่างไร เรามาดูคำตอบกัน...............................


ผู้น้อยได้รับวิถีธรรมตั้งแต่เด็ก......... เพราะตอนนั้นชอบที่จะค้นหาเรียนรู้
ตอนที่คณะอาวุโสธรรม ได้มาบุกเบิกใหม่ ๆ  อาวุโสเหล่านั้นก็มีการสอนภาษาจีนกันด้วย
เด็ก ๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่สนุกกับการเรียนภาษาจีนในยามเย็น
ผู้น้อยจะเรียกว่า โชคดี  หรือว่าโชคร้ายกันหล่ะครับ
ตอนเด็กนั้นผู้น้อยมีนิสัย เอาแต่ใจตัวเอง  อารมณ์ร้อน
คุณพ่อคุณแม่ทำอาชีพเชือดไก่ขายส่งตลาด (ก่อนผู้น้อยจะเกิด) ตอนเช้ามืดก็จะมีแม่ค้ามารับเอาไปขายต่ออีกทีหนึ่ง
หรือบางเจ้าก็เอาไปส่งที่ตลาดทำอย่างนี้มาหลายปี
ตอนนั้นผู้น้อยเองก็ยังไม่รู้ ว่าการทำสิ่งเหล่านี้  ล้วนเป็นการสร้างวิบากกรรม หนี้กรรม
เวลาผ่านไปธุรกิจนี้ก็ต้องเจ้งทุกคนคงทราบดีว่าเพราะอะไร.......
คุณพ่อคุณแม่เป็นหนี้อยู่หลายปี ส่วนแม่ค้าบางคนก็ไม่ยอมจ่ายเงิน
ส่วนตัว ผู้น้อยเองก็ได้เป็นโรคผิวหนัง  ตั้งแต่เริ่มจำความได้  รักษายังไงก็ไม่หาย  ไปหาหมอตั้งหลายที่ก็ไม่หายซักที
ทั้งยาสมุนไพรก็ดี ยาคลีนิกแพง ๆ ก็ดี  ก็ยังไม่หาย
ตุ่มคันจะขึ้นตามข้อพับ แขน ขา คอ หลัง ตอนเย็นจะคันมาก จึงทำให้ผู้น้อยเป็นคนขี้อายและไม่กล้าคบเพื่อนๆ  ช่วงวัยเด็กจึงไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท
ตอนอยู่ชั้นประถมผู้น้อยก็มักจะเจ็บ ปวดทรมานกับการเป็นฝี หายจากที่หนึ่งก็ไปเป็นอีกที่หนึ่ง อยู่อย่างนี้ทั้งปีซึ่งเป็นฝีเม็ดใหญ่มาก
โชคดีที่เบื้องบนเมตตา จึงเป็นคนค่อนข้างหัวดี คูณครูมักชอบเอ็นดูให้การช่วยเหลืออยู่เสมอ
และมีอยู่หลายครั้งต่อหลายครั้งเช่นกันที่ ตุ่มคันกลายเป็นหนองพุพอง ทำให้เจ็บทรมานยิ่งนัก เมื่ออาการดีขึ้นดูเหมือนจะหาย อีก 2-3 วัน อาการคันก็กลับมาอีกเป็นอยู่อย่างนี้จนขึ้นชั้นมัธยมในช่วงวัยนั้น อาการคันรุนแรงมากขึ้น ผู้น้อยจะเกาจนเลือดไหลก็ยังไม่หายคัน
บางครั้งนึกน้อยใจตัวเอง ตอนนั้นคันมากจึงได้เอา แอลกอฮอล มาราดที่แผล มันแสบและทรมานมาก เหมือนไก่ที่ถูกเชือดแล้วทิ้งลงน้ำร้อน
อะไรประมาณนั้น และยังมีบางครั้งที่ผู้น้อยเกา ๆ ๆ ๆ แล้วเอามะนาวและเกลือมาทา แสบผิวหนังและชาไปสักพักก็คันขึ้นมาอีก
ผู้น้อยเกาจนเลือดไหลไม่รู้ตัวบางครั้งก็เกาจนทั้งแขนทั้งขา แดงด้วยผื่นคันเต็มไปหมดเวรกรรมอะไรนะ.........ให้ฉันมาเจออย่างนี้
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีสิ่งดี ๆ มาด้วยอยู่เสมอ แม้ผู้น้อยจะเป็นอย่างนี้ผู้คนรอบข้างมากมายที่ให้การช่วยเหลือทำให้เรามองเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปจากคนอื่นที่มากขึ้นเข้าใจชีวิตมากขึ้นเข้าใจผู้อื่นที่ยังด้อยกว่าเรามากขึ้นจนกระทั่งถึง ม.3 เรื่องราวการบำเพ็ญได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ตั้งแต่เป็นเด็กเมื่อรับธรรมแล้วผู้น้อยชอบและอยากไปสถานธรรมมากแต่ก็มี อุปสรรค ทำให้ไปไม่ได้สักที
ผู้น้อยเริ่มเข้ามาศึกษาฝึกฝนทาน เจ ช่วยงานธรรมหลายครั้งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้โอวาทเมตตาให้กำลังใจชี้แนะหลายครั้งต่อหลายครั้งที่มีโอกาสไปช่วยงาน ธรรมต่างจังหวัดจึงทำให้ตัวผู้น้อยเองได้ประจักษ์ในคุณานุคุณของ ธรรมะ บุญญาธิการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยหนุนนำงานธรรม
อาการโรค ผิวหนังดีขึ้นเรื่อย ๆ ๆ ๆ จนเหลือแต่รอยด่างดำ

ทาน เจแล้วดี  ผิวพรรณผ่องใส

ทาน เจแล้วดี  โรคภัยไกลห่าง

ทาน เจแล้วดี  พุทธจิตธรรมญาณสว่างไสว

ทาน เจแล้วดี  พระพุทธะชี้แนะไม่ห่าง

ทาน เจแล้วดี  ธรรมกระจ่างเกิดปัญญา

พระอาจารย์กล่าวเมตตากับผู้น้อยในยาม ที่ผู้น้อยทุกข์ใจว่า
พระอาจารย์มีศิษย์ตั้งมากมาย ศิษย์แต่ละคนต่างล้วนก็ทุกข์ ขอให้อาจารย์ช่วยอาจารย์ก็ยังไม่ทุกข์เลยแล้วศิษย์เป็นแค่นี้จิ๊บจ๊อยไม่ต้องกลัวผู้น้อยไม่ใช่คนที่ว่าดีอะไรมากนักหนา แต่อยากแบ่งปันประสบการณ์ทาน เจ แล้วดีนั้นจริงแท้ขอให้สหายธรรมมั่นในธรรมเจริญรอยตามพระพุทธา


(:LOVE:).................นะโม อมิตาพุทธ.................... (:LOVE:)


 
(:LOVE:).....................................นะโม พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์............................ (:LOVE:)



 (:LOVE:)..................................นะโม พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์................................. (:LOVE:)



Chinese Buddhist Morning Ceremony 佛教 早課 (5) (http://www.youtube.com/watch?v=bOAnPYAP1xA#)


หัวข้อ: Re: การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 เมษายน 2553 00:24:03

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/716/34716/images/zenbreakfast.jpg)

สัจธรรมแห่งการกินเจ
โดย
ท่านพุทธทาส


คลิ๊กค่ะ : http://www.sookjai.com/index.php?topic=1057.msg3339#msg3339 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=1057.msg3339#msg3339)