[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด => ข้อความที่เริ่มโดย: ไอย ที่ 27 เมษายน 2553 18:35:36



หัวข้อ: "สมิทธิ"เผยจุดจบโลกใกล้มาถึง หลังเผชิญสารพัดภัยพิบัติ โอกาสล่มสลายเร็วกว่าคาด
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 เมษายน 2553 18:35:36

"สมิทธิ"เผยจุดจบโลกใกล้มาถึง หลังเผชิญสารพัดภัยพิบัติ
โอกาสล่มสลายเร็วกว่าคาด เตือนไทยสึนามิเข้าอีก


ที่โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 
นายวิทยา กามนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน
เปิดการสัมมนาโครงการ "เติมน้ำ ต้านแล้ง" ที่จัดขึ้นโดยหอการค้า
จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนักธุรกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้ประกอบการและประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 200 คน
เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้  โดยทางหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา
ได้เชิญ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ,
อาจารย์ปราโมทย์ ไม้กลัด กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา และ ดร.ทองเปลว กองจันทร์
ผู้อำนวยการส่วนอุทกวิทยากรมชลประทาน มาเป็นผู้บรรยายให้ความรู้
เกี่ยวกับปัญหาและสาเหตุของการเกิดภัยแล้งในประเทศ รวยมถึงแนวทาง
ในการรับมือและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ดร.สมิทธ  เปิดเผยว่า

จากสภาพภมิอากาศขณะนี้ สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก   เพราะใน
บางจังหวัดโดยเฉพาะทางภาคเหนือของประเทศไทย อย่างเช่นที่จังหวัดลำปาง
อุณภูมิสูงถึง 43 องศาเซลเชียส เมื่อ 2 - 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา  ซึ่งถือเป็น
อุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยเผชิญมา  แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์
ภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในอนาคตว่า สภาพอากาศต่อจากนี้ไป
ของประเทศจะมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง   
เพราะการที่อุณภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไปนั้น
ตามหลักวิชาการจะทำให้เกิดคลื่นความร้อน หรือที่เรียกว่า ฮีทเวฟ
ซึ่งคลื่นความร้อนดังกล่าวสามารถทำให้คนที่ได้รับคลื่นความร้อนนี้
ถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก  ซึ่งที่ผ่านมา
ก็พบว่า มีผู้เสียชีวิตบ้างแล้ว 


ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวต่อว่า
 
หากสภาพอากาศยังมีลักษณะเช่นนี้ยาวไปถึงปีหน้า ก็จะยิ่งส่งผลกระทบ
ต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นผลมาจากการที่พลเมืองโลกและการเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม
มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปในชั้นบรรยาการศมากเกินไป ไม่เฉพาะ
ในประเทศไทยแต่เป็นอย่างนี้ทั่วโลกส่งผลให้อุณหภูมิที่ห่อหุ้มโลกสูงขึ้น 
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อันดับแรกทุกคนจะต้องช่วยกัน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมาให้ได้มากที่สุด และช่วยกันปลูกต้นไม้
ให้มากขึ้นเพื่อใช้เป็นตัวดูดทรัพย์ก๊าซเรือนกระจกเหล่านั้น  หากทุกคนยัง
ไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้แนวโน้มความรุนแรงของสภาพอากาศจะยิ่งสูงขึ้นอีก
ในปีต่อๆไป โดยเฉพาะในปี 2554 ที่กำลังจะมาถึงจะมีปรากฏการเอลนินโญ่
เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก ก็ยิ่งจะทำให้สภาพอากาศเลวร้ายและประชาชน
จะต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งและเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรงมากขึ้นอีก
นอกจากนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายประเทศที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แม้จะไม่ได้
มีสาเหตุมาจากสภาวะโลกร้อน แต่ก็มีแนวโน้มที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับ
ปัญหานี้เช่นกัน เนื่องจากมีการพยากรณ์ว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้จะเกิดการ
เคลื่อนตัวของเปลือกโลกในมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน ซึ่งหาก
เกิดขึ้นจริงก็อาจจะเกิดคลื่นสึนามิในบริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามันของไทยขึ้นได้
ดังนั้นการจัดทำระบบเตือนภัยต่างๆจึงต้องมีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดีและ
ประชาชนเองก็ต้องมีความตื่นตัวที่จะเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจะเกิดขึ้น


ดร.สมิทธฯ กล่าวอีกว่า
 
เหตุการที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดในหลายประเทศนั้น แสดงให้เห็น
ว่าจุดจบของโลกใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที ซึ่งมีสถาบันต่างๆจากหลายประเทศ
คาดการณ์ว่าโอกาสที่จะเกิดการล่มสลายของโลกจะเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ 
นอกจากนี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งหากเกิดขึ้น
ใกล้กับประเทศไทยอาจจะทำให้รอยเลื่อนที่มีอยู่ในไทยจำนวน 13 แห่ง
โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดรอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเคยมีการเคลื่อนตัวจนทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในอดีต ก็อาจจะได้รับ
ผลกระทบและเกิดขึ้นซ้ำอีกได้
 
 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน 27/4/53