หัวข้อ: ท่าปอม คลองสองน้ำ จ.กระบี่ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 ธันวาคม 2560 15:33:18
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/19645293553670_1.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/99773179243008_2.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/88995484138528_3.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/18117438546485_3.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92561125962270_4.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/69418375235464_1.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/56825089454650_2.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/88889550707406_5.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/91262284583515_6.JPG) ท่าปอม คลองสองน้ำ ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ขอขอบคุณข้อมูล ท่าปอม คลองสองน้ำ / วินิจ รังผึ้ง - เว็บไซท์ผู้จัดการออนไลน์ “ท่าปอม” เป็นชื่อคลองสายสั้นๆ ที่เกิดจากธารน้ำใสผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ก่อนจะไหลลงสู่ท้องทะเลอันดามัน คลองท่าปอมอยู่ในพื้นที่ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ แม้นจะเป็นธารน้ำสายสั้นๆ แต่บริเวณจุดบรรจบแห่งธารน้ำสายนี้กับท้องทะเลอันดามันก็กลายเป็นพื้นที่มหัศจรรย์ ที่มีลักษณะเฉพาะทางนิเวศวิทยา ยากจะหาพื้นที่ใดเสมอเหมือน ด้วยเป็นคลองที่มีทั้งอิทธิพลของน้ำจืดและน้ำเค็มไหลสลับสับเปลี่ยนเวียนผันตามช่วงเวลา บริเวณปากคลองสายนี้จึงได้ฉายาว่าเป็น “คลองสองน้ำ” พื้นที่ป่าราว ๓๐๐ ไร่ในบริเวณที่น้ำจืดและน้ำทะเลบรรจบกัน ได้กลายเป็นพื้นที่เฉพาะที่มีผืนป่า ๓ ลักษณะผสมผสานอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว ชายขอบด้านบนที่โอบล้อมด้วยขุนเขาเป็นบริเวณของป่าดงดิบ ทอดเชื่อมต่อมายังบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำตอนใน บริเวณนี้จะมีสภาพเป็นป่าพรุน้ำจืดที่มีพืชตระกูลปาล์ม หวาย ชมพู่น้ำ และไม้ยืนต้นในป่าพรุขึ้นอยู่มากมาย ในขณะที่ลึกลงไปใกล้ปากคลองกลายเป็นพื้นที่ของป่าชายเลนที่มีพันธุ์ไม้ป่าชายเลนขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ไม่มีเส้นแบ่งเขตที่แน่นอนของป่าทั้งสามแบบ ด้วยอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้พืชพรรณบริเวณคลองสองน้ำ จำเป็นต้องปรับตัวให้ยืนยงอยู่ได้กับทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ลึกลงไปใต้ผืนน้ำใสเย็น เมื่อน้ำทะเลเอ่อหนุนท่วมท้นขึ้นมา ฝูงปลาน้ำเค็มจากท้องทะเลอย่างปลาตะกรับ ปลากระบอก ก็จะเข้ามาหาอาหารในลำคลอง กระทั่งได้เวลาน้ำลง น้ำทะเลบริเวณปากคลองลดระดับ น้ำจืดที่ใสเย็นจากธารน้ำพุใต้ดินก็จะไหลผลักดันให้น้ำบริเวณป่าพรุและในลำคลองกลายเป็นธารน้ำใสและจืดสนิท พืชพรรณที่จมอยู่ใต้น้ำก็ได้มีโอกาสโผล่ขึ้นมารับแสงแดดอีกครั้ง การปรับตัวให้สามารถอยู่รอดได้ของสรรพชีวิตที่คลองสองน้ำ นับเป็นความมหัศจรรย์ของชีวิตและระบบนิเวศที่น่าเข้าไปศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตผืนป่าพรุท่าปอมและเทือกเขาที่ห้อมล้อมอยู่ใกล้เคียงแถบนี้ยังมีสภาพที่ถูกปกคลุมด้วยผืนป่ารกทึบ และด้วยสภาพที่เป็นป่าพรุมีน้ำท่วมขังอยู่ทั่วไป ผืนป่าที่น้ำท่วมขังก็มีปุ่มปมรากไม้พูพอน ผุดโผล่ขึ้นมาทำให้ดูคล้ายกับเป็นดินแดนที่น่าพิศวงยากแก่การเดินป่าฝ่าฟันเข้ามาถึง อีกทั้งยังมีน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ผืนพิภพ หลั่งไหลออกมาเป็นสระน้ำสีมรกต ใสเย็นกลายเป็นสายธารน้ำใสเย็นจัด ทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อว่าบริเวณนี้เป็นผืนป่าที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์ และไม่ค่อยจะมีใครกล้าจะย่างกรายเข้ามา กระทั่งเมื่อราว ๑๓๐ ปีเศษมาแล้วจึงมีโต๊ะครูปอม เข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นครอบครัวแรกแล้วเรียกชื่อบริเวณนี้ว่าพรุท่าปอม จากนั้นก็เริ่มจะมีชาวบ้านเข้ามาถากถางที่ทำกินทำสวนจนกลายเป็นชุมชนบ้านหนองจิก ตำบลเขาครามในปัจจุบัน เมื่อท่าปอม คลองสองน้ำแห่งนี้เริ่มจะเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ทาง อบต.เขาคราม จึงร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) ทำการศึกษาเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์พื้นที่อย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายป่าทำลายพื้นที่ และเพื่อจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เกิดความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยวชม โดยไม่เข้าไปลุยเหยียบย่ำทำลายธรรมชาติ จึงมีการออกแบบเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางยาวราว ๗๐๐ เมตร โดยทำเป็นสะพานไม้ยกพื้นเป็นทางเดินเหนือผืนป่าราว ๒ เมตร เลียบขนานไปกับลำคลองท่าปอมอันใสสะอาด และประกาศเป็น ๑ ในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ (Unseen Thailand) ทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาศึกษาธรรมชาติอันงดงามมหัศจรรย์บริเวณนี้กันมากขึ้น โดยทาง อบต.เขาครามได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติ โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยวชมจะต้องซื้อบัตรบำรุงสถานที่คนละ ๒๐ บาท ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเข้าเดินทางมาเที่ยวชมมิได้ขาด โดยเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์นั้น นักท่องเที่ยวจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่เดิมในอดีตนั้นนักท่องเที่ยวใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ จะสามารถลงไปเล่นน้ำใสสะอาดในคลองท่าปอมได้ ซึ่งการอนุญาตให้ลงไปเล่นน้ำในลำคลองได้ทำให้สภาพธรรมชาติเสื่อมโทรมลงไป เพราะว่านักท่องเที่ยวจะลงไปเหยียบย่ำตามรากไม้ที่แตกแขนงอยู่มากมายใต้ผืนน้ำจนรากที่แผ่ออกมาเพื่อยึดโยงให้ลำต้นหยัดยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงในสายน้ำที่ไหลขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้รากไม้แตกหักขาดความสวยงาม และบางคนก็เอาสบู่แชมพูลงไปสระผม อาบน้ำ ทำให้สารเคมีเพิ่มลงไปในลำคลองก่อให้เกิดมลภาวะ ซึ่งต่อมาจึงได้มีการประกาศห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปอาบน้ำเล่นน้ำในบริเวณลำคลองตอนต้นน้ำอย่างเด็ดขาด นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินชมความงามได้เฉพาะบนสะพานไม้ในเส้นทางที่จัดให้ไว้เท่านั้น ปัจจุบันนอกจากนักท่องเที่ยวคนไทยแล้วก็ยังมีชาวต่างประเทศมาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย บนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาตินี้ยกระดับขึ้นมาราว ๒ เมตรจากพื้นดิน ทำให้เป็นระดับที่สามารถมองเห็นสภาพผืนป่าที่แตกต่างกันเริ่มตั้งแต่ผืนป่าดงดิบบริเวณปากทางเข้าที่ติดกับชายเขา ซึ่งจะมองเห็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อันร่มครึ้มของผืนป่าดงดิบได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ลึกเข้าไปตามทางเดินบนสะพานไม้จะเป็นพื้นที่ของป่าพรุ ซึ่งเป็นพรุน้ำจืดที่มีไม้เด่นๆ ที่สามารถพบเห็นได้อย่างชมพู่น้ำ เสม็ด ตังหน และพืชวงศ์ปาล์มอย่าง หวาย หมาก ระกำ หลุมพี หลาวชะโอน เป็นต้น ในขณะที่เมื่อเดินลึกลงไปอีกก็จะเห็นสภาพของผืนป่าชายเลนที่ยืนต้นแช่อยู่ในผืนน้ำกร่อยโดยมีโกงกางเป็นพืชที่โดดเด่นในป่าชายเลน มองเห็นรากค้ำยันระเกะระกะ บางช่วงสามารถมองเห็นระดับเรือนยอดของป่าโกงกางได้เป็นอย่างดี ป่าทั้งสองประเภททั้งที่ขึ้นอยู่ในป่าพรุและป่าโกงกางต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด เพราะต้องทนทานให้หยัดยืนอยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและในน้ำเค็มที่ผลัดเปลี่ยนขึ้นลงอยู่ทุกวันๆ ละสองครั้ง สภาพภูมิประเทศที่มีลักษณะเฉพาะเช่นนี้ ไม่เฉพาะพืชพรรณในป่าพรุและป่าชายเลนเท่านั้นที่ต้องปรับตัว แม้นแต่ฝูงปลาในคลองสองน้ำก็ยังต้องมีวิถีชีวิตที่ปรับตัวให้อยู่รอดกับสภาพแวดล้อมที่มีความเฉพาะเช่นนี้ได้ เช่นฝูงปลากระบอก ฝูงปลาตะกรับและปลาทะเลอีกหลายชนิด ที่ว่ายเข้ามาหากินตามผืนป่าโกงกาง และว่ายลึกเข้ามาในตอนต้นน้ำยามน้ำทะเลหนุน มันจะหากินอยู่ได้จนถึงช่วงที่น้ำลง เพราะเมื่อน้ำเริ่มลงไปเรื่อยๆ น้ำในคลองเริ่มใสขึ้นมาอย่างผิดตา ด้วยเป็นเพราะอิทธิพลของสายธารน้ำจืดจากคลองท่าปอม ไหลดันน้ำเค็มลงไป ปลาทะเลเหล่านี้ก็จะว่ายกลับทะเลออกไปยังป่าชายเลนด้านนอกด้วย ในขณะที่ปลาน้ำจืดจากตอนบนลำคลอง ก็จะว่ายหากินต่ำลงมาเช่นกันเป็นการสลับเวลาหากินตามช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงด้วย ซึ่งน้ำในคลองสายเดียวกันที่เดียวกัน แต่บางช่วงกลายเป็นน้ำจืดสนิท บางช่วงเวลาที่ไม่นานนักกลับกลายเป็นน้ำกร่อย น้ำเค็ม ทั้งปลาน้ำจืดในคลองลึกด้านบน กับปลาทะเลน้ำเค็มที่ว่ายตามน้ำกร่อยเข้ามา ก็ต้องเลือกจัดสรรเวลาให้ดี หากมัวหลงระเริงว่ายเล่นจนเพลิน ปลาทะเลอาจจะต้องกลายเป็นปลาน้ำจืด ปลาน้ำจืดอาจจะต้องกลายเป็นปลาเค็มไปก็ได้ ท่านผู้อ่านที่มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวกระบี่เมืองงามริมฝั่งอันดามัน หากมีเวลาว่างสักครึ่งวันก็อย่าพลาดที่จะลองแวะไปเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของท่าปอมคลองสองน้ำดู บางทีกลับมาแล้วเราอาจจะได้แง่คิดดีๆ มาปรับตัวปรับใจปรับชีวิตให้สามารถใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้ในยุคสมัยที่สังคมสับสนวุ่นวายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นทุกวันนี้ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/12154186475607_8.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/17904882298575__MG_3694.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/38904224998421_DSC_0653.JPG) หอยแครง ขนาดใหญ่ (ลองเทียบขนาดกับหอยแครงทั่วไป) มีมากที่ป่าชายเลน ท่าปอม คลองสองน้ำ หอยขนาดใหญ่นี้ เจริญเติบโตโดยอาศัยระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ต่อการดำรงชีวิตของสัตว์หน้าดิน เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา 650-28 |