หัวข้อ: พระเจ้าห้าพระองค์ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 มกราคม 2561 15:37:37 (http://fb1-fd.lnwfile.com/9idcqb.jpg) พระเจ้าห้าพระองค์ ในจักรวาลทางพุทธศาสนา “พระพุทธเจ้า” เป็นนามแห่งภาวะการตรัสรู้ มิได้เป็นชื่อเฉพาะตัว จึงมีอยู่มากมายเหลือคณานับ ทั้งพระพุทธเจ้าบรรดาที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองแต่มิได้สั่งสอนผู้ใด ที่เรียกกันว่า “พระปัจเจกพุทธเจ้า” หรือ “พระปัจเจกโพธิ์” กับพระพุทธเจ้าที่สั่งสอนประกาศหลักธรรมที่พระองค์ค้นพบแก่ผู้ศรัทธา แบบเดียวกับ “พระพุทธเจ้า” องค์ที่เรากราบไหว้กันอยู่ ซึ่งมีชื่อเฉพาะตัวว่า “พระศากยมุนี” หรือ “พระศากยโคดม” นับเพียงใน “กัป” หรือช่วงเวลา “ยุคปัจจุบัน” ตามคัมภีร์ระบุว่ามีพระพุทธเจ้าจำนวนถึงห้าพระองค์ที่มาตรัสรู้ อย่างที่ในคำไทยเก่าๆ เรียกกันว่า “พระเจ้าห้าพระองค์” ในจำนวนนี้ ที่ตรัสรู้ไปแล้วมีสี่องค์ ได้แก่ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ (หรือกกุสันโธ) พระพุทธเจ้าโกนาคมน์ (หรือโกนาคมโน) พระพุทธเจ้ากัสสปะ ซึ่งทั้งสามองค์ถือเป็นพระอดีตพุทธเจ้า พระศากยโคดม พุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน กับอีกองค์ที่จะมาตรัสรู้ในภายภาคหน้า คือพระศรีอาริยเมตไตรย์ “พระอนาคตพระพุทธเจ้า” เรื่องราวพระพุทธเจ้าห้าพระองค์นี้มีเล่าไว้ในตำนานพื้นบ้านที่แพร่หลายทั่วประเทศไทยมาแต่โบราณ ว่ากาลครั้งหนึ่ง มีแม่กาเผือกออกไข่มาห้าใบ วันหนึ่งเกิดพายุพัดรังกาแตกกระจัดกระจายไป แม่กาบินกลับมาไม่พบรัง จึงตรอมใจตาย แล้วไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหม ส่วนไข่ห้าใบนั้นหล่นลงน้ำ แล้วมีแม่สัตว์ห้าชนิด คือ ไก่ นาค เต่า โค และสิงห์ นำไปฟูมฟักดูแลจนออกมาเป็นทารกห้าคน ผู้จะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จึงมีนามเนื่องด้วยแม่สัตว์ชนิดนั้นๆ คือพระกกุสันธะ (กุกกุฏ-ไก่) พระกัสสปะ (กัจฉปะ-เต่า) พระโกนาคม (นาค) พระศากยโคคม (โค) และพระศรีอาริยเมตไตรย์ (สีห์/สิงห์) ตำนานเรื่องนี้คงเป็นนิทานชาวบ้านที่พยายามผูกโยงชื่อพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ ให้มีที่มา และ “ฟังรู้เรื่อง” เข้าใจได้ง่าย พระเกจิอาจารย์หลายรูปก็สร้างวัตถุมงคล “พระเจ้าห้าพระองค์” เป็นพุทธรูปประกอบกับรูปสัตว์ต่างๆ ดังกล่าวมานี้ หรือราวปลายสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการสั่งพิมพ์ภาพพิมพ์สีจากเมืองนอกเข้ามาขาย ทำเป็นรูปพุทธประวัติบ้าง พุทธรูปสำคัญบ้าง ก็มีผู้วาดภาพ “พระเจ้าห้าพระองค์” ส่งไปทำแบบให้พิมพ์เป็นโปสเตอร์เข้ามาขาย ยังมีใส่กรอบกระจกติดตามวัดเก่าๆ จนเดี๋ยวนี้ ตำนานเล่าต่อไว้ด้วยว่าเมื่อทารกทั้งห้าเติบโตขึ้น ได้ออกบวชเป็นพระฤๅษี แล้ววันหนึ่งพระฤๅษีทั้งหมดมาพบกันโดยบังเอิญ เกิดไต่ถามได้ความว่าแท้จริงล้วนเป็นพี่น้อง จึงชวนกันน้อมรำลึกถึงบุญคุณของแม่กาเผือก ท้าวพกาพรหมจึงลงมาแนะให้เอาฝ้ายไปทำเป็น “ตีนกา” ใส้ตะเกียงบูชาพระ บุญกุศลนั้นจะส่งไปถึงแม่กาเผือกได้ ชาวบ้านในหลายถิ่นที่จึงมีประเพณีฟั่นด้าย ทำเป็นกากบาท (ตีนกา) ใส่ในผางประทีป หรือถ้วยดินเผาเล็กๆ ใส่น้ำมันเพื่อจุดบูชาพระในเทศกาล Share from - sarakadee.com หัวข้อ: Re: พระเจ้าห้าพระองค์ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 มกราคม 2561 16:37:17 (https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/phrasriarn01.jpg) พระศรีอาริย์ ในราวปลายสมัยรัชกาลที่ 5 มีการสั่งพิมพ์ภาพพิมพ์สอดสีจากเมืองนอกเข้ามาขาย ทำเป็นรูปพุทธประวัติบ้าง พุทธรูปสำคัญบ้าง รวมถึงภาพ “พระเจ้าห้าพระองค์” ซึ่งก็ยังพบว่ามีใส่กรอบกระจกติดไว้ตามวัดเก่าๆ หลายแห่ง “พระเจ้าห้าพระองค์” หมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ที่อุบัติมาตรัสรู้ในภัทรกัป คือยุคปัจจุบัน ได้แก่พระกกุสันธะ พระโกนาคมน์ พระกัสสปะ พระศากยโคดม และพระศรีอาริยเมตไตรย์ โดยในที่นี้ เราอาจระบุพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ได้ว่าเป็นองค์ใด ด้วยภาพสัตว์ห้าชนิดตามเรื่องราวใน ตำนานพระเจ้าห้าพระองค์ ได้แก่พระกกุสันธะ (ไก่) พระกัสสปะ (เต่า) พระโกนาคม (นาค) พระศากยโคคม (โค) และพระศรีอาริยเมตไตรย์ (ราชสีห์/สิงห์) ในบรรดารูปพระเจ้าห้าพระองค์นี้ จะสังเกตเห็นว่า มีองค์หนึ่งที่มิได้อยู่ในเพศนักบวช คือไม่ได้ครองจีวร แต่ทรงเครื่องเหมือนเทวดา นั่นคือพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในภายภาคหน้า มีนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย์ หรือคนไทยแต่โบราณมักเรียกกันว่า “พระศรีอาริย์” (ออกเสียงว่า พระ-สี-อาน) ตามคัมภีร์อธิบายว่า ณ ปัจจุบัน พระศรีอาริยเมตไตรย์ ยังมีเพศเป็นเทวบุตร สถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิต รอเวลาที่ศาสนาของพระสมณโคดม คือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันจะจบสิ้นลงในปีพุทธศักราช 5000 จากนั้นก็จะถึง “ศาสนาพระศรีอาริย์” ในสมัยโบราณ ความเชื่อถือศรัทธาในพระอนาคตพุทธเจ้าคือพระศรีอาริย์ฯ มีแพร่หลายอย่างกว้างขวางมาก เพราะสำหรับชาวบ้านทั่วไป กาลเวลายุคสมัยของพระพุทธเจ้าสมณโคดมนั้นผ่านมาและกำลังจะจบลงในอนาคต คนจำนวนมากจึงมุ่งหวังที่จะได้ไปเกิดทันในยุคพระศรีอาริย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเวลา “ขาขึ้น” เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะวิเศษสมบูรณ์พร้อม คำอธิษฐานที่หลงเหลืออยู่ตามถาวรวัตถุและศิลาจารึกมากมายที่พบตั้งแต่เมื่อเกือบพันปีมาแล้ว เต็มไปด้วยการตั้งความปรารถนาจะได้ไปเกิดในยุคของพระศรีอาริย์ ลงมาจนถึงคัมภีร์ (ฉบับพิมพ์ลงบนกระดาษแต่ทำให้หน้าตาเหมือนสมุดข่อยสมุดไทย) ของห้าง ส.ธรรมภักดี รุ่นราวปี 2500 ก็ยังนำเสนอโลกของพระศรีอาริย์ฯ ในลักษณะเมืองแห่งอนาคต ถนนกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยตึกสูงตระหง่านสองฟาก (ดูๆ ไปก็นึกถึงถนนสีลม หรือรัชดาภิเษก) นอกจากนั้น ยังมีการสร้างรูปประติมากรรมของพระศรีอาริย์ฯ ขึ้นกราบไหว้บูชา โดยจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับพุทธรูป แต่จะไม่มีเกตุมาลา (ส่วนกะโหลกศีรษะที่โป่งนูนขึ้นกลางเศียร) และไม่มีรัศมีเหนือศีรษะ พบทั่วไปในเขตภาคกลาง และองค์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่พระศรีอาริย์ ที่วัดไลย์ จังหวัดลพบุรี หน้าบันซุ้มประตูทางเข้าวิหารพระศรีอาริย์ ซึ่งเป็นงานสร้างใหม่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ยังเก็บรักษาคติดั้งเดิมที่ผูกพระศรีอาริย์ เข้าไว้กับราชสีห์/สิงห์ ตามนามในท้องเรื่อง “พระเจ้าห้าพระองค์” (https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/phrasriarn02.jpg) Share from-sarakadee.com |