หัวข้อ: ธรรม 10 ประการ{อิฏฐสูตร} เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 23 พฤษภาคม 2554 10:33:54 (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=20265.0;attach=1180;image) (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=19987.0;attach=1169;image) (http://uyfz9q.bay.livefilestore.com/y1puwwLyY1hQGevKbPEFyCjgBoQn3NSNeo-y8gjotl_lxJ--glH5i3PgMx-t56j5hxrXEdhp0j_jvxReSFv7ti_moNX3z_jaCAr/hyooneunhye.gif?psid=1) (http://album.taklong.com/addons/albums/images/160241427.jpg) (http://album.taklong.com/addons/albums/images/662909904.jpg) (http://album.taklong.com/addons/albums/images/111351304.jpg) ถาม--------->>>>ผมเคยได้อ่านเเละที่มูลนิธิก็เคยนำมาสาธยายเเล้วเเต่จำไม่ได้ครับว่าอยู่ในส่วนของ พระสูตรใดครับ ? มีเนื้อหาบางส่วนกล่าวถึงสิ่งที่เป็นมูลเหตุเเห่งความเสียมิตรที่เป็นมลทินของความเป็นมิตรครับรบกวนผู้มีความรู้ครับ ตอบ--------->ข้อความที่คุณสามารถกล่าวถึงคือ การแกล้งกล่าวให้คลาดเคลื่อนจากความจริง เป็นธรรมที่กระทำอันตรายแก่มิตรการไม่แกล้งกล่าวให้คลาดเคลื่อนจากความเป็น จริงเป็นเหตุนำมาซึ่งมิตรปรากฏในพระสุตตันตปิฎก{อังคุตตรนิกายทสกนิบาตอิฎฐสูตร} ข้อความที่ว่าการไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริงเป็นอาหารของมิตร ทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับมิตร คือ{กัลยาณมิตร}ซึ่งแต่ละบุคคลจะ ขาดไม่ได้เลย ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ก็จะต้องมีมิตร จะต้องมีเพื่อนแต่ก็ควรที่จะได้ทราบ ด้วยว่าผู้ที่เป็นมิตรนั้นควรจะกระทำประการใดควรอย่างยิ่งที่จะกล่าวเฉพาะคำจริง ไม่ควรพูดให้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงแม้แต่ในความเป็นกัลยาณมิตรในธรรม คือ การไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริงธรรมเป็นอย่างไรมีเหตุ - มีผลอย่างไร ก็ไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริงนั้นแต่ถ้าพูดเท็จไม่พูดตามความเป็นจริง ย่อมไม่ใครเชื่อถือไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วยเพราะบางนัยแสดงว่าความเป็น ผู้ทุศีลเป็นเหตุแตกจากมิตรและบางนัยแสดงว่าเพราะเคยได้พูดส่อเสียดมุ่งให้ผู้ อื่นแตกกัน{ปิสุณวาจา}ผลของกรรมดังกล่าวเป็นเหตุให้เป็นผู้แตกจากมิตร จะเห็นได้ว่าในชีวิตประจำวันการแกล้งกล่าวให้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ได้ทำลายประโยชน์ของผู้อื่นมากมายทีเดียวควรที่จะได้พิจารณาว่าตามความเป็น จริงแล้วคำจริงหรือความจริง น่าจะพูดได้ง่ายกว่าคำเท็จแต่บุคคลผู้สะสมมาอย่าง นี้กลับไม่พูดความจริงพูดแต่คำเท็จ คนพูดเท็จจึงน่ากลัวมากเพราะเขาสามารถ ทำความชั่วได้ทุกอย่างเป็นอันตรายทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่นโดยแท้ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นเครื่องเตือนที่ดีสำหรับทุกชีวิต เพราะธรรมดาของปุถุชน มักไหลไปตามอำนาจของกิเลสเมื่อมีเหตุปัจจัยย่อมล่วง ศีลได้ทำอกุศลกรรมประการต่าง ๆ ได้ซึ่งจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลยจริง ๆ ดังนั้นอกุศลแม้เล็กน้อยก็พึงเห็นว่าเป็นโทษเป็นภัยควรที่จะมีความละอายมี ความเกรงกลัวต่ออกุศลและถอยกลับจากอกุศลให้เร็วที่สุดแม้แต่การแกล้งกล่าว ให้คลาดเคลื่อนจากความจริงก็เช่นเดียวกันถึงแม้ว่าจะไม่เป็นไปเพื่อทำลาย ประโยชน์ของผู้อื่นก็ไม่ควรทำ{เพราะเป็นการสะสมอุปนิสัยที่ไม่ดี}และถ้าถึงขั้นที่ ทำลายหรือหักรานประโยชน์ของผู้อื่นแล้วยิ่งไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง อิฏฐสูตรว่าด้วยธรรม ๑๐ ประการที่น่าปรารถนาหาได้ยากในโลก พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม 5 --- >หน้าที่ 232 (:LOVE:)๓.อิฏฐสูตร (:LOVE:) ว่าด้วยธรรม ๑๐ ประการที่น่าปรารถนาหาได้ยากในโลก {๗๓}ดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นธรรมอันน่า ปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจหาได้ยากในโลก ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ........................ โภคสมบัติ ๑ วรรณะ ๑ ความไม่มีโรค ๑ ศีล ๑ พรหมจรรย์ ๑ มิตร ๑ ความเป็นพหูสูต ๑ ปัญญา ๑ ธรรม ๑ สัตว์ทั้งหลาย ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้แลเป็น ธรรมอันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจหาได้ยากในโลก ดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการเป็นอันตรายแก่ธรรม ๑๐ ประการนี้แลซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจหาได้ ยากในโลกคือความเกียจคร้านความไม่ขยันหมั่นเพียรเป็น อันตรายแก่โภคสมบัติการไม่ประดับตกแต่งเป็นอันตรายแก่วรรณะ การกระทำสิ่งที่ไม่เป็นที่สบาย เป็นอันตรายแก่ความไม่มีโรคความ เป็นผู้มีมิตรชั่วเป็นอันตรายแก่ศีลการไม่สำรวมอินทรีย์เป็น อันตรายแก่พรหมจรรย์การแกล้งกล่าวให้คลาดเคลื่อนจากความจริง เป็นอันตรายแก่มิตรการไม่ทำการสาธยายเป็นอันตรายแก่ความ เป็นพหูสูตการไม่ฟังด้วยดีไม่สอบถามเป็นอันตรายแก่ปัญญา การไม่ประกอบความเพียรการไม่พิจารณาเป็นอันตรายแก่ธรรมทั้ง หลายการปฏิบัติผิดเป็นอันตรายแก่สัตว์ทั้งหลายดูก่อนภิกษุ ทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นอันตรายแก่ธรรม ๑๐ ประการนี้ แลซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจหาได้ยากใน โลกดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการเป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แลซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก คือ ความไม่เกียจคร้านความขยันหมั่นเพียรเป็น อาหารของโภคสมบัติ ๑ การประดับการตกแต่งร่างกายเป็นอาหารของวรรณะ ๑ การทำสิ่งเป็นที่สบายเป็นอาหารของความไม่มีโรค ๑ ความเป็นผู้มีมิตรดีเป็นอาหารของศีลทั้งหลาย ๑ การสำรวมอินทรีย์เป็นอาหารของพรหมจรรย์ ๑ การไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริงป็นอาหารของมิตรทั้งหลาย ๑ การกระทำการสาธยายเป็นอาหารของความเป็นพหูสูต ๑ การฟังด้วยดีการสอบถามเป็นอาหารของปัญญา ๑ การประกอบความเพียรการพิจารณาเป็นอาหารของธรรมทั้งหลาย ๑ การปฏิบัติชอบเป็นอาหารของสัตว์ทั้งหลาย ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แลซึ่งเป็นธรรมอัน น่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจหาได้ยากในโลก จบอิฏฐสูตรที่ ๓ ข้อมูลจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดยท่าน อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร เลขที่ ๑๗๔ / ๑ ซอยเจริญนคร ๗๘ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐ โทรศัพท์หมายเลข ๐๒ - ๔๖๘ ๐๒๓๙ สมาชิกของ สุขใจ ท่านใดมีความประสงค์จะศึกษา พระธรรมเรียนเชิญติดต่อตามที่และเบอร์โทรศัพท์อยู่ดังที่เห็นอยู่นี้ http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn) http://twitter.com/soka45 (http://twitter.com/soka45) http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/) ......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน......................... ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ............................ (http://static.panoramio.com/photos/original/52707050.jpg) http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/03.%20Track%203.wma |