[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 25 พฤษภาคม 2554 18:57:06



หัวข้อ: ชีวิตเลือกเกิดได้
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 25 พฤษภาคม 2554 18:57:06
(http://static.panoramio.com/photos/original/52707050.jpg)

(http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=19987.0;attach=1169;image)

(http://uyfz9q.bay.livefilestore.com/y1puwwLyY1hQGevKbPEFyCjgBoQn3NSNeo-y8gjotl_lxJ--glH5i3PgMx-t56j5hxrXEdhp0j_jvxReSFv7ti_moNX3z_jaCAr/hyooneunhye.gif?psid=1)

ตอนเป็นเด็กฉันเคยถามแม่ว่า หนูเกิดมาได้อย่างไร ? แม่มักจะตอบอ้อมแอ้มว่าออกมาทางรักแร้บ้าง โผล่มาทางสะดือบ้าง
หรือบางทีก็บอกว่า เก็บมาจากถังขยะโน่นแน่ะ ฉันเลยคิดว่ายังไงซะ ก็คงไม่ได้คำตอบที่ถูกต้อง จึงไม่อยากรบเร้าหาความจริงจากแม่อีก

พอโตขึ้นมาหน่อยก็เกิดสงสัยว่า ทำไมคนเราถึงต้องเกิดมาด้วย ?คราวนี้จะถามใครดีล่ะ ? ก็มีบางคนบอกว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรมฉันฟัง
แล้วก็งง ๆ ไม่รู้เรื่อง แต่ต้องทำเป็นว่าเข้าใจเพราะกลัวเสียเซลฟ์เสียฟอร์มแม้คำถามแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นมาหสายสิบปีแล้ว แต่เชื่อขนมครก
กินได้เลยว่า ทุกวันนี้ก็ยังมีเด็กที่ชอบถามพ่อแม่และคุณครูแบบเดียวกันนี้แหละซึ่งก็คงจะได้คำตอบที่จริงบ้างหลอกบ้าง แตกต่างกันไป

แล้วมีใครเคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมคนเราถึงเกิดมาไม่เหมือนกัน ? ทำไมทารกบางคนก็มีหน้าตาผิวพรรณดี ได้เป็นลูกคนรวย คลอดในโรงพยาบาล
ชั้นหนึ่ง พ่อแม่ประคมประหงมทะนุถนอมดูแลอย่างดี อยากได้อะไรก็ได้ในขณะที่อีกหลายคนกลับดูขี้ริ้วขี้เหร่ ฐานะทางบ้านยังยากจนข้นแค้น
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่เกิดมาก็ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไม่เป็นที่ปรารถนา พิการไม่สมประกอบ ฯลฯ อะไรเล่าที่เป็นสาเหตุทำให้คนเรา
ต่างกันตั้งแต่เกิดได้มากถึงเพียงนี้ ?

1. มีอายุสั้น เพราะฆ่าสัตว์ มีอายุยืน เพราะไม่ฆ่าสัตว์

2. มีโรคมาก เพราะเบียดเบียนสัตว์ มีโรคน้อย เพราะไม่เบียดเบียนสัตว์

3. มีผิวพรรณทราม เพราะขี้โกรธ มีผิวพรรณดี เพราะไม่ขี้โกรธ

4. มีศักดา (อำนาจ) น้อย เพราะมักริษยา มีศักดามากเพราะไม่มักริษยา

5. มีโภคทรัพย์น้อย เพราะไม่ให้ทาน มีโภคทรัพย์มาก เพราะให้ทาน

6. เกิดในตระกูลต่ำ เพราะกระด้างถือตัวไม่อ่อนน้อม เกิดในตระกูลสูง เพราะไม่กระด้างถือตัว แต่รู้จักอ่อนน้อม

7. มีปัญญาทราม เพราะไม่เข้าไปหาสมณพราหมณ์ ไม่ถามเรื่องกุศล อกุศล เป็นต้น มีปัญญาดี เพราะเข้าไปหาสมณพราหมณ์ ไต่ถามเรื่องกุศล

อกุศล เป็นต้น



ถ้าใครเกิดมาส่องกระจกชะโงกดูหน้าตัวเอง แล้วรู้สึกอารมณ์บ่จอยเพราะไม่โดนใจเรื่องโหงวเฮ้ง ไม่เฮงทั้งรูปร่างหน้าตาผิวพรรณ เพศผิดเพี้ยนสมองไม่ปราดเปรื่อง หัวใจอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ อายุก็สั้นจุ๊ดจู๋ ฐานะครอบครัวยังต้องกัดก้อนเกลือกิน ตกระกำลำบาก ไม่เป็นที่รักใคร่ของใคร ๆก็อย่าได้โยนความผิดให้พ่อแม่หรือผู้ใดเลย เพราะทุกสิ่งที่ติดตัวมาหรือได้รับตั้งแต่เกิดนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องพลาดพลั้งบังเอิญ ความลำเอียงของ
เทวดาฟ้าดิน หรือใครยัดเยียดให้สักนิด แต่มาจากเหตุปัจจัยที่ตัวเองเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น เพราะพฤติกรรมที่หนักไปทางใด ย่อมนำชีวิตไปสู่ความ
เป็นสิ่งนั้นเช่นเดียวกับการปรุงรสอาหาร แบบว่าถ้าใส่พริกเยอะก็ย่อมนำไปสู่ความแซ่บ เติมน้ำตาลแยะรสชาติก็ต้องออกหวาน ทำน้ำปลาหกก็หนีไม่พ้น

เค็มปิ๊ดปี๋ บีบมะนาวเพลินก็ต้องเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดหรือว่าถ้ามีพฤติกรรมกินเผ็ดไม่บันยะบันยังกระเพาะก็อาจพังได้ หากกินเค็มซ้ำซากก็มีโอกาสความดัน
โลหิตสูง หนักหวานเจี๊ยบบ่อย ๆ ก็มีหวังเบาหวานรับประทานได้ เป็นต้นถ้าเราอยากให้ผลออกมาแฮปปี้ดีพร้อมได้ระดับน่าพอใจ ก็ต้องสร้าง
เหตุที่ดีให้สมน้ำสมเนื้อกันด้วย เช่นถ้าเด็กคนไหนอยากเก่ง ก็ต้องตั้งใจเรียนขยันอ่านหนังสือ หมั่นทำการบ้าน ไม่ใช่เอาแต่เล่นเกม เสพละครเม้าท์
มาราธอน นอนไม่เลิก ฯลฯ หรือถ้าใครอยากรวยเหลือล้น ก็ต้องมุ่งมั่นทำงานที่ได้เงินมากและสุจริตใช้สอยประหยัด เก็บหอมรอมริบให้เยอะเข้าไว้



ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม ได้ตรัสแสดงธรรมว่า การที่ภิกษุประกอบด้วยศรัทธา(ความเชื่อ) ศีล (การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย)สุตะ (การสดับตรับฟัง) จาคะ (การสละ) และปัญญา หากตั้งจิตจะไปเกิดในที่ดี ๆ อย่างไร เมื่ออบรมความคิดหรือเจตนากับ
ธรรมะ (ศรัทธาถึงปัญญา) เป็นเครื่องอยู่ให้มากแล้ว ก็จะเกิดในฐานะนั้น ๆ ได้ตามปรารถนา ตั้งแต่ความเป็นกษัตริย์มหาสาล พราหมณมหาสาล
(พราหมณ์ผู้มั่งคั่ง) จนถึงเทพ พรหม ทั้งรูปพรหมและอรูปพรหม และในที่สุดก็ถึงทำอาสวะให้สิ้นได้ คือ นิพพาน ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว
นั่นเองการเลือกเกิดได้ตามปรารถนานี้ไม่ได้มีการล็อคเสป็ก เฉพาะพระภิกษุเท่านั้น มนุษย์ทุกคนที่ยังมีลมหายใจอย่างเธอและฉัน ก็ล้วนมีสิทธิ์

เท่าเทียมกัน แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การเลือกเกิดได้ กับการได้เกิดอย่างที่เลือกนั้น เป็นคนละเรื่องกันเลย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะประสพผลสำเร็จ
เหมือนกันหมดนะเธอ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังได้กล่าวมาแล้วฉะนั้น การที่คนส่วนใหญ่ชอบพูดว่าชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ จึงเป็นการพูดโดยไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง แต่เป็นเรื่องที่พูดกันจนชิน ได้ยินกันจนเชื่อ เสียมากกว่าในชีวิตประจำวัน คนเราตั้งแต่แบเบาะจนถึงวัยไม้ใกล้ฝั่งก็ต้องเลือก



กันตลอดเวลาอยู่แล้ว เช่น เลือกที่จะกินหรือไม่กินอะไร กินเพื่อประโยชน์หรือเพื่อความอร่อย เลือกทำหรือไม่ทำอะไร เลือกแต่งตัวอย่างไรเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของตัวเองเลือกจะใช้จ่ายแบบประหยัดหรือฟุ่มเฟือย เลือกเรียนสาขาใด ทำงานด้านไหน ในประเทศใดจะคบเพื่อน

แบบไหนดี(พวกรวยแต่งก หรือ ประเภททำงานงก ๆ แต่ไม่รวยสักที) จะมีเหย้ามีเรือนหรืออยู่คานทองนิเวศน์ดีหว่า ? เมื่อยามเจ็บป่วย ก็ต้องเลือกวิธีการรักษาว่าจะซื้อยามากินเองหรือไปพบแพทย์ดีนะ ?ถึงเวลาสิ้นลมหายใจ ญาติพี่น้องก็ยังต้องเลือกพิธีการให้อีกว่าจะเป็นแบบไหนวัดใดกี่วัน จึงจะเหมาะสม เป็นต้นแม้แต่การสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยในสมัยก่อน นักเรียนก็สามารถเลือกคณะที่ต้องการจะเรียนได้ถึง 6 ลำดับ ถ้าใครทำคะแนนได้ถึงเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ก็จะได้เรียนในคณะที่ตัวเองเลือก ส่วนใครที่ได้คะแนนไม่ถึง ก็ต้องไปสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดแทนในเมื่อ

ระหว่างมีชีวิตอยู่ เรายังเลือกได้ถึงร้อยแปดพันเก้าหมื่นสิบแล้วมีเหตุผลใดล่ะที่จะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ละคนที่มีสภาพเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ล้วนมีเหตุมาจากสิ่งที่ตัวเองเลือกและกระทำในอดีตทั้งนั้น ด้วยหลักเดียวกันที่ว่า ผลที่เกิดในวันหน้าขึ้นอยู่กับการกระทำในวันนี้ ฉะนั้น เราจะเกิดเป็นอะไรและอย่างไรในชาติหน้า ก็ย่อมขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในชาตินี้ เช่นกันพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ว่าการเกิดของสิ่งมีชีวิต มีอยู่ 4 หนทางจะ
เรียกว่า กำเนิด 4 หรือ โยนิ 4 ก็ได้ คือ....................................



1. ชลาพุชะ สัตว์เกิดในครรภ์ คือ คลอดออกมาเป็นตัว เช่น คนโค สุนัข แมว เป็นต้น

2. อัณฑชะ สัตว์เกิดในไข่ คือ ออกไข่เป็นฟองก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว เช่น นก เป็ด ไก่ เป็นต้น

3. สังเสทชะ สัตว์เกิดในไคล คือ เกิดในของชื้นแฉะหมักหมมเน่าเปื่อย ขยายแพร่ออกไปเอง เช่น หนอน เป็นต้น

4. โอปปาติกะ สัตว์เกิดผุดขึ้น คือ เกิดผุดเต็มตัวในทันใด เช่นเทวดา สัตว์นรก เปรต เป็นต้นและกรรมยังจำแนกสัตว์ให้ไปเกิดในที่ต่าง ๆ ได้ถึง 31 ภพภูมิซึ่งมีทั้งแดนที่ดี (สุคติภูมิ) ได้แก่ อรูปพรหม 4 ชั้น รูปพรหม 16 ชั้นเทวดา 6 ชั้นมนุษย์ และแดนที่ไม่ดี (ทุคติภูมิ)ได้แก่ เดรัจฉาน เปรตอสูรกาย สัตว์นรกประเด็นต่อไปนี้ก็สำคัญ กาดอกจันไว้ได้เลย คือ เรื่องของกรรมขณะใกล้ตาย(อาสันนกรรม) นั้นต้องพึงระวังให้ดี เพราะถ้าลมหายใจ

สุดท้าย มีความโลภเป็นใหญ่ ก็อาจได้ไปเกิดเป็นเปรต ถ้าโกรธมาแรงก็มีหวังได้แซงเป็นสัตว์นรก หรือถ้าหลงในกาย ใจ สมบัติ ว่าเป็นตัวเรา
ของเรา ก็ได้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ชัวร์ป๊าบ ! หลายคนอาจบอกว่า ฉันไม่เชื่อเรื่องภพโน้นชาติหน้าหรอก อย่ามาหลอกเสียให้ยากเลยเฮ้อ ! แล้วถ้าสิ่งที่เธอไม่เชื่อเกิดมีจริงขึ้นมาล่ะ



เธออยากจะเสี่ยงเป็นผู้รันทดขัดสนตั้งแต่ร้องอุแว้ ๆ มั้ย ? แล้วมันคุ้มกันหรือเปล่ากับความดื้อตาใส ประมาทไม่เข้าเรื่อง หากต้องเกิดมาพร้อมกับโรคประจำตัว ร่างกายพิกลพิการน่ะ ? แบบนี้ก็ไม่ต่างจากคนตาบอดที่บอกว่าไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรอกนะ ! จักรวาลนี้มีสิ่งลึกลับซับซ้อนมากมายที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้หากเราจะมัวแต่จำกัดขอบเขตความเชื่อเฉพาะสิ่งที่มองเห็น ได้ยินได้กลิ่นลิ้มรส กายสัมผัส หรือใช้เครื่องมือวัดค่าเป็นตัวเลขได้ โดยไม่ใส่ใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็นับว่าเสียโอกาสพลาดสิ่งดี ๆ ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดายไหน ๆ เราส่วนใหญ่ก็ต้องกลับมา

เกิดกันอีกเป็นแน่แท้ จึงพึงควรหมายใจไว้สักภพภูมิหนึ่ง แล้วศึกษาคุณสมบัติที่จะไปอุบัติในแดนนั้นให้ถ่องแท้ เร่งสั่งสมพฤติกรรมให้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะถ้าเผลอตัวมัวประมาท ไม่เตรียมตุนบุญบารมีไว้ขณะยังมีโอกาส ถึงเวลาซี้แหงแก๋ ก็ต้องถูกวิบากส่งไปในแดนเดือดร้อนแน่นอน
ยังไงก็ขอแนะนำว่าควรเลือกภพภูมิที่สูงไว้ก่อนดีกว่า แล้วพากเพียรพยายามไปให้ถึงที่สุด เผื่อผิดพลาดทำคะแนนไม่ถึงเกณฑ์จะได้ไม่ต้องตกลำดับไประกำลำบากในแดนทุคติภูมิงัย !



คพฺภเมเก อุปปชฺชนฺติ สัตว์บางพวกกลับมาเกิดอีก

นิรยํ ปาปกมฺมิโน พวกที่ทำบาป ไปนรก

สคฺคํ สุคติโน ยนฺติ พวกที่ทำดี ไปสวรรค์

ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา ฯ พวกที่หมดอาสวกิเลส ปรินิพพาน



คัดส่วนหนึ่งมาจากหนังสือ ธรรมดี๊ดี บางทีคิดไม่ถึง{ผู้เขียน ปันยา}



http://facebook.com/itsariyathanakorn (http://facebook.com/itsariyathanakorn)

http://twitter.com/soka45 (http://twitter.com/soka45)

http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/)



......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ..................................

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma