[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 31 พฤษภาคม 2554 08:50:30



หัวข้อ: สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ 8 ปัญจภิกษุศตวยากรณปริวรรต การพยากรณ์ภิกษุห้าร้อย
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 พฤษภาคม 2554 08:50:30


(http://gallery.palungjit.com/data/557/medium/m115406.jpg)
พระสูตรสัทธรรมปุณฑรีกะ
วัดโพธิ์แมนคุณาราม
นายชะเอม แก้วคล้าย แปลจากต้นฉบับสันสกฤต
บทที่ 8
ปัญจภิกษุศตวยากรณปริวรรต
ว่าด้วยการพยากรณ์ภิกษุห้าร้อยรูป


       ครั้งนั้นแล ท่านพระปูรณไมตรายณีบุตร ได้สดับการชี้แจงทีตรัสสรุปญาณทัศนะในอุปายโกศล เห็นปานนี้ อย่างใกล้ชิดจากพระผู้มีพระภาค และได้ฟังการพยากรณ์มหาสาวกเหล่านั้น พร้อมทั้งเรื่องราวที่เป็นไปในอดีต ตลอดจนความยิ่งใหญ่ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ถึงความอัศจรรย์ใจ ประหลาดใจมีจิตผ่องใสยินดี ปรีดาปราโมทย์ ท่านพระปูรณไมตรายณีบุตรมีจิต ปรีดาปราโมทย์ เป็นอย่างมาก มีความเคารพยิ่งในพระธรรม ลุกขึ้นจากที่นั่ง ถวายอภิวาทพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระสุคต น่าอัศจรรย์

พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงกระทำสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง คือทรงทำให้โลก ที่ประกอบด้วยธาตุต่างๆนี้หมุนไป และทรงแสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงญาณที่เป็นอุบายโกศลต่างๆ ทรงปลดเปลื้องสัตว์ที่ข้องติดในเรื่องต่างๆ ด้วยอุบายโกศล ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหล่าข้าพระองค์ ควรกระทำอะไรในที่นี้ พระตถาคตเท่านั้น ทรงทราบความประสงค์และข้อปฏิบัติในกาลก่อนของเหล่าข้าพระองค์ ท่านปูรณไมตรายณีบุตร ได้อภิวาทพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาค ด้วยเศียรเกล้าแล้วนมัสการ ยืนเพ่งมองพระผู้มีพระภาค ด้วยนัยน์ตาทั้งสองอย่างไม่กระพริบ ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง

        ครั้นนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบความประสงค์แห่งจิต ของท่านพระปูรณไมตรายณีบุตร ได้ตรัสกับภิกษุทั้งปวงว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงดูปูรณไมตรายณีบุตรผู้นี้ เป็นผู้ที่เรายกย่องว่าเป็นเลิศทางแสดงธรรม ในหมู่ภิกษุ เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณความดีทั้งหลาย เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรมในศาสนาของเรา โดยหลากหลายประการปูรณตรายณีบุตร เป็นผู้ที่ทำให้บริษัท 4 หรรษา ตื่นเต้น เบิกบาน รื่นเริง เป็นผู้ไม่เหนื่อยอ่อน สามารถแสดงธรรม กล่าวธรรมและปฏิบัติ ร่วมกับสหธรรมจารีทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นอกจากตถาคตแล้ว ไม่มีใครอื่นเว้นปูรณไมตรายณีบุตรเพียงผู้เดียว ที่สามารถในการบรรยายธรรมได้ ทั้งโดยอรรถและโดยพยัญชนะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเข้าใจว่าปูรณไมตรายณีบุตร เป็นผู้ทรงจำพระสัทธรรมของเรา อย่างเดียวหรือ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายไม่ควรเข้าใจเช่นนั้น เคยทรงจำพระสัทธรรมในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเก้าสิบเก้าโกฏิพระองค์ เรื่อง ในอดีตกาลนั้นเป็นอย่างไร บัดนี้ ในศาสนาของเราก็เป็นเช่นนั้น ปูรณไมตรายณีบุตร เป็นผู้เลิศทางแสดงธรรมทุกสมัย เป็นผู้เข้าใจเรื่องศูนยตาทุกสมัย เป็นผู้ได้ปฏิบัติปฏิสัมภิทาญาณทุกสมัย  เข้าใจถึงอภิญญาแห่งพระโพธิสัตว์ทุกสมัย เป็นผู้แสดงธรรมที่เข้าใจยิ่งดีแล้ว เป็นผู้แสดงธรรมที่ปราศจากข้อสงสัย เป็นผู้แสดงธรรมที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเหล่านั้น ปูรณไมตรายณีบุตร  ได้ประพฤติพรหมจรรย์ตลอดชีพและได้นามว่า "ศราวก" ทุกสมัย ปูรณไมตรายณีบุตร ได้ทำประโยชน์แก่สัตว์ ทั้งหลายหมื่นโกฏิ ซึ่งไม่สามารถประมาณและนับจำนวนได้ ด้วยอุบายนี้ ได้อบรมสัตว์จำนวนมาก ที่ไม่อาจประมาณและนับจำนวนได้ ไว้ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อนึ่งปูรณไมตรายณีบุตร  ได้ช่วยสัตว์ทั้งหลายด้วยพุทธกิจ ทั้งได้ชำระพุทธเกษตรของตนให้หมดจดทุกสมัย เป็นผู้อบรมสัตว์ทั้งหลายให้มี (อุปนิสัย) แก่กล้าในธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปูรณไมตรายณีบุตรนี้นั้นแล ที่เป็นเลิศทางแสดงของพระตถาคตทั้ง 8 พระองค์ มีพระวิปัศยีเป็นต้น และเราคือตถาคตองค์ที่ 7

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอนาคตกาล ในภัทรกัลป์นี้ จักมีพระพุทธเจ้า 996 พระองค์ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น ปูรณไมตรายณีบุตรผู้นี้ จักเป็นเลิศในบรรดาผู้แสดงธรรม ผู้รักษาพระสัทธรรม และจักทรงจำพระสัทธรรมของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่มีจำนวนนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ในอนาคต จักกระทำประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลายแก่สัตว์ทั้งหลาย มีจำนวนที่นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ จักอบรมสัตว์ทั้งหลาย มีจำนวนนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ไว้ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นผู้ประกอบกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่ออบรมสัตว์ ในพุทธเกษตรอันบริสุทธิ์ของตน เพื่อให้สัตว์มีอุปนิสัยแก่กล้า ปูรณไมตรายณีบุตรนั้น เมื่อปฏิบัติจริยวัตรของโพธิสัตว์เห็นปานนี้สมบูรณ์แล้ว จักบรรลุอนุตตรสัมมาโพธิญาณ ในกัลป์ทั้งหลาย อันนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ จักเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "ธรรมประภาส" ในโลก เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว ผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษ ที่ไม่มีใครเปรียบได้ เป็นคุรุของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานและเป็นผู้จำแนกธรรม จักอุบัติขึ้นในพุทธเกษตรนี้

          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โดยสมัยนั้นแล พุทธเกษตรหนึ่งเป็นราวกะว่ามีจำนวนสามพันน้อยใหญ่โลกธาตุ (ตรีสหัสรมหาสหัสรโลกธาตุ) ประมาณเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ที่ราบเรียบดุจฝ่ามือ ตกแต่งด้วยรัตนะ 7 ประการไม่มีภูเขา เต็มไปด้วยกูฏาคาร(เรือนยอด) ที่สร้างด้วยรัตนะ 7 ประการ มีเทพวิมานสถิตอยู่บนอากาศ เทวดาและมนุษย์ ต่างก็มองเห็นซึ่งกันและกัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้นแล พุทธเกษตรนี้ ไม่มีสิ่งชั่วช้าและปราศจากสตรี สัตว์ทั้งปวงเป็นโอปปาติกะ (คือสิ่งที่ผุดขึ้น) เป็นพรหมจารี(ผู้ประพฤติพรหมจรรย์) มีร่างกายเป็นทิพย์ มีประทีปในตัวเอง มีฤทธิ์ เคลื่อนไหวไปมาในอากาศ มีความกล้า มีสติ มีปัญญา มีร่างกายเป็นสีทอง มีรูปที่เพียบพร้อมด้วยมหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้นแล สัตว์ทั้งหลาย ในพุทธเกษตรนั้นมีอาหาร 2 ชนิด อาหาร 3 ชนิดคืออะไรบ้าง

อาหาร 2 ชนิด ได้แก่ ธรรมปรีตยาหาร(อาหารคือความเอิบอิ่มในพระธรรม) และธยานปรีตยาหาร(อาหารคือความเอิบอิ่มในสมาธิ) จะมีพระโพธิสัตว์หลายหมื่นแสนโกฏิ ประมาณไม่ได้ นับไม่ได้ ที่ได้อภิญญาและปฏิสัมภิทา เป็นผู้ฉลาดในการสอนสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้าธรรมประภาสนั้น มีสาวกมากมายเหลือคณานับ ที่มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก มีจิตมั่นคงอยู่ในวิโมกษ์ 8 พุทธเกษตรนั้น เพียบพร้อมไปด้วยคุณงามความดีเห็นปานนี้ และกัลป์ก็จะมีชื่อว่า "รัตนาวภาสกัลป์" ส่วนโลกธาตุนั้นมีชื่อว่า "สุวิศุทธะ" อายุของพระองค์(พระธรรมประภาสพุทธเจ้า) นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ว่ากี่กัลป์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าธรรมประภาสนั้น ปรินิพพานแล้วพระสัทธรรมของพระองค์ก็จักตั้งอยู่ อย่างมั่งคงยั่งยืน โลกธาตุนั้นจะดารดาษไปด้วยพระสถูป ที่สร้างขึ้นด้วนรัตนะทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายพุทธเกษตรของพระผู้มีพระภาค (ธรรมประภาส) นั้น จะเพียบพร้อมไปด้วยคุณความดีที่เป็นอจินไตรยอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอย่างนี้ พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสดังนี้แล้วได้ตรัสให้ขึ้นไปอีกว่า

1       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังข้อความนี้ของเรา ที่ว่าบุตรของเราได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างไร เขาได้ศึกษาอุบายโกศลดีแล้ว ได้ประพฤติปฏิบัติเพื่อพระโพธิญาณอย่างไร

2       พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นพระสาวก ทราบว่า สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ ประพฤติต่ำทราม และสับสนในยานอันวิเศษ แล้วจักแสดงปัจเจกโพธิญาณ

3      พระพุทธทั้งหลาย จักอบรมพระโพธิสัตว์จำนวนมาก ให้มีอุปนิสัยแก่กล้าด้วยกุศโลบายหลายร้อยอย่าง และประกาศอย่างนี้ว่า  พวกเราเป็นสาวกพวกเรายังห่างไกลจากพระโพธิญาณที่ประเสริฐสูงสุดยิ่งนัก

4      สัตว์จำนวนหลายโกฏิ ทีมีความประพฤติต่ำทราม และมีความเกียจคร้านในกาลก่อน ได้ศึกษาข้อประพฤตินี้จากพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จนมีอุปนิสัยแก่กล้าพวกเข้าทั้งหมด จักเป็นพระพุทธเจ้าได้ในกาลภายหลัง

5     สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ผู้ขาดความรู้ ประพฤติตนอย่างโง่เขลา ด้วยคิดว่าพวกเรา เป็นสาวก มีประโยชน์น้อย (มีกิจที่ควรทำเพียงเล็กน้อย) แต่ชำระสถานที่เกษตรของตนๆให้สะอาด.ในการจุติปละเกิดทุกครั้ง

6       พวกเขา ย่อมปรากฏว่า คนเองยังมีราคะ โทสะ และโมหะอยู่ เมื่อเห็นสัตว์ทั้งหลาย ที่ยึดมั่นอยู่ในทิฏฐิ จึงคล้อยตามทิฏฐิของสัตว์เหล่านั้นไปด้วย

7       สาวกจำนวนมากของเรา (ตถาคต) เมื่อประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ ช่วยให้สัตว์ทั้งหลายหลุดพ้น (จากกิเลส) ด้วยอุบาย ส่วนชนทั้งหลายที่โง่เขลาเบาปัญญาอาจจะเป็นบ้าได้ หากสอนให้เขารับรู้ข้อปฏิบัติทั้งหมด

8        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระปูรณ(ไมตรยาณีบุตร)  สาวกของเรานี้ได้ประพฤติธรรมอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าหลายพันโกฏิพระองค์ แสวงหาโพธิญาณนี้อยู่ ได้รับพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้ว

9       สาวกผู้ประเสริฐรูปนี้ (พระปูรณไตรยาณีบุตร)เป็นพหูสูต กล่าวกถาได้อย่างวิจิตร เป็นผู้กล้า ในที่ทั้งปวง ร่าเริง หมดกิเลส ได้ยึดมั่นในพุทธกิจ เป็นนิจ

10    เธอ (พระปูรณไมตรยาณีบุตร) ได้บรรลุอภิญญาอันยิ่งใหญ่ ได้บรรลุปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ทั้งรู้อารมณ์ในอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย จึงแสดงธรรมที่บริสุทธิ์ทุกเมื่อ

11    เธอ (พระปูรณไมตรยาณีบุตร) ได้ประกาศพระสัทธรรมอันประเสริฐสุด เป็นผู้อบรมสัตว์หลายพันโกฏิให้มีอุปนิสัยแก่กล้า ในยานอันประเสริฐสุดนี้ ทั้งได้ชำระเกษตรของตนให้สะอาดยิ่งนักอีกด้วย

12     ในอนาคตกาล เธอ (พระปูรณไมตรยาณีบุตร) จักบูชาสักการะพระพุทธเจ้าหลายพันโกฏิพระองค์เหมือนวันนี้ และจักได้รับพระสัทธรรมอันประเสริฐสุด พร้อมกับจักชำระเกษตรของตนให้สะอาดด้วย

13     เธอ (พระปูรณไมตรยาณีบุตร) เป็นผู้ฉลาดหลักแหลม แสดงธรรมด้วยอุบายที่ลาดหลายพันโกฏิวิธีเสมอๆ จักอบรมสัตว์ทั้งหลายจำนวนมากให้มีอุปนิสัยแก่กล้า ในสรรวัชญาชญาณที่ไม่มีอาสวะทั้งปวง

14     เธอ (พระปูรณไมตรยานีบุตร) นั้น หลังจากได้บูชาสักการะพระพุทธเจ้าทั้งหลายและทรงจำพระสัทธรรม อันประเสริฐ ไว้ได้ทุกเมื่อแล้ว จักเป็นพระสยัมภูพุทธเจ้าในโลก มีพระนามปรากฏในทุกทิศว่า "พระสัทธรรมประภาส"

15     ก็แล (พุทธ) เกษตรของ พระธรรมประภาส นั้น จักสะอาด หมดจด งดงาม ด้วยรัตนะ 8 ประการตลอดเวลา กัลป์ของพระองค์มีชื่อว่า "รัตนาวภาส" และโลกธาตุจะมีชื่อวา "สุวิศุทธะ"

16     โลกธาตุที่ชื่อว่า สุวิศุทธะ เพราะมีพระโพธิสัตว์จำนวนมากหลายพันโกฏิที่เป็นผู้แตกฉานในอภิญญา เป็นผู้บริสุทธิ์และมีฤทธิ์มาก

17     ครั้งนั้น พระผู้นำ (พระพุทธเจ้าธรรมประภาส) มีสาวกจำนวนมากหลายพันโกฏิ ซึ่งมีฤทธิ์มาก ได้วิโมกข์8 และได้บรรลุปฏิสัมภิทาทั้งหลาย

18     สัตว์ทั้งปวงในพุทธเกษตรนั้น เป็นโอปปาติกะ (เกิดผุดขึ้นมาเอง) มีผิวกายสีทองสมบูรณ์ด้วยรูปลักษณะ 32 ประการ เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจด และประพฤติพรหมจรรย์ทุกคน

19     ณ ที่นั้น (พุทธเกษตรนั้น) ไม่มีการเรียนรู้เรื่องอาหาร มีแต่ความยินดีในธรรม ความปีติในฌาน ไม่มีมาตุคาม ไม่มีภัยจากทุกข์คติในอบาย

20     (พุทธ)เกษตร ที่ประเสริฐเช่นนี้ ของปูรณไมตรยาณีบุตร (พระพุทธเจ้าธรรมประภาส ผู้มีพระคุณอันไพบูลย์ ย่อมดารดาษไปด้วยสัตว์ผู้เจริญ ดังได้กล่าวมาแล้ว




หัวข้อ: Re: สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ 8 ปัญจภิกษุศตวยากรณปริวรรต การพยากรณ์ภิกษุห้าร้อย
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 พฤษภาคม 2554 09:19:38


(http://farm3.static.flickr.com/2153/2232440086_8e2cb124da.jpg)

ครั้นนั้นแล พระอรหันต์ 1200 รูปเหล่านั้น ได้เกิดความคิดขึ้นว่า พวกเราอัศจรรย์และประหลาดใจว่า พระผู้มีพระภาคตถาคตของเรา จะแยกพยากรณ์พวกเรา เหมือนกับทรงพยากรณ์มหาสาวกทั้งหลายเหล่าอื่นหรือไม่หนอ ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบข้อปริวิตกแห่งจิตของมหาสาวกทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยพระทัยของพระองค์ จึงได้ตรัสกับท่านมหากาศยปะ ว่า ดูก่อนกาศยปะ เราจะพยากรณ์อรหันต์ 1200 รูปนี้ ซึ่งพร้อมหน้ากันนี้ ณ ที่นี้ ดูก่อนกาศยปะ หลังจากพระพุทธเจ้า 62 หมื่นแสนโกฏิล่วงไป ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหมดนั้น พระมหาสาวกภิกษุเกาณฑินยะ จักเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลก ทรงพระนามว่า "สมันตประภาส"

พระองค์ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก  เป็นสารถีฝึกบุรุษที่หาผู้เปรียบมิได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ดูก่อนกาศยปะ ในบรรดาพระตถาคตเหล่านั้น พระตถาคคต 500 รูป จักมีนามอย่างเดียวกัน หลังจากนั้น พระมหาสาวกทั้งหมด อีกจำนวน 500 รูป ก็จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณต่อไป พระตถาคตทั้งหมดจักมีพระนามว่า สมันตประภาส เหมือนกัน พระอรหันต์ 500 รูป ที่เป็นประมุขคือ พระคยากาศปะ พระนทีกศปะ พระอุรุวิลกาศยปะ พระกาละ พระกาโลทายี พระอนิรุทธะ พระเรวตะ พระกัปผิณะ พระพักกุละ พระจุนทะ และสวาคตะ

        ก็ในเวลานั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

21     พระสาวกของเรา ซึ่งเป็นกาณฑินยโคตร    จักเป็นพระตถาคต เป็นที่พึ่งของชาวโลก ในอนาคตกาล ยุคอนันตกัลป์ จักได้สั่งสอนสัตว์จำนวนหลายพันโกฏิ

22     ในอนาคตกาล ยุคอนันตกัลป์ หลังจากเขา (เกาณทินยะ) ได้เฝ้าพระพุทธเจ้าจำนวนมากแล้ว จำได้เป็นพระชินเจ้าทรงพระนามว่า "สมันประภาส" และพุทธเกษตรของพระองค์บริสุทธิ์ยิ่งนัก

23     พระองค์(สมันตประภาส) นั้นมีเดช ประกอบด้วยพลังแห่งพุทธะ มีพระสุรเสียงก้องกังวาน ไปทั่วทั้งสิบทิศ มีหมู่สัตว์หลายพันโกฏิแวดล้อมติดตาม จักแสดงพระโพธิญาณอันประเสริฐสูงสุด

24    ณ ที่นั้น จะมีพระโพธิสัตว์มากมาย ที่เป็นผู้ประเสริฐ มีศีลบริสุทธิ์ มีอาจาระอันดีงาม ขึ้นนั่งบนวิมานที่ประเสริฐ แล้วพิจารณาข้อธรรมอยู่

25    (พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย) เหล่านั้น ครั้นได้ฟังธรรมของพระตถาคตผู้ประเสริฐกว่า หมู่มนุษย์แล้ว จักไปสู่เกษตรอื่นอยู่เสมอ พระโพธิสัตว์เหล่านั้น เป็นผู้กราบไหว้ พระพุทธเจ้าจำนวนหลายพัน ได้ทำการบูชาอย่างกว้างขวางต่อพระพุทธเจ้าเหล่านั้น

26     พระโพธิสัตว์เหล่านั้น จะกลับมายังพุทธเกษตรของพระตถาคตสมันตประภาส ซึ่งเป็นผู้นำนั้น เพียงชั่วขณะหนึ่ง อำนาจจริยาวัตรของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะปฏิบัติเช่นนั้น

27     พระสุคต (พระสมันตประภาส) พระองค์นั้น จำมีพระชนมายุหกหมื่นกัลป์บริบูรณ์ หลังจากปรินิพพานแล้ว พระสัทธรรมของพระองค์จะตั้งมั่นอยู่ในโลกนี้เป็นเวลาทวีคูณ

28     สัทธรรมปฏิรูปของพระองค์ จะดำรงอยู่ต่อไปอีกสมัยหนึ่ง เป็นเวลานานถึงสามเท่า หลังจากพระสัทธรรมของพระองค์ได้เสื่อมไปแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักเดือดร้อน

29     ต่อจากนั้น จะมีพระชินเจ้า ผู้นำที่สูงสุดในหมู่มนุษย์ อีก 500 องค์ มีพระนามอย่างเดียวกันคือ "สมันตประภาส" พระชินเจ้าเหล่านั้น จักมีต่อเนื่อง สืบต่อกันไป

30     กระบวนการเช่นนี้ จักเป็นพลังแห่งฤทธิ์ ของพระชินเจ้าทั้งหมด แม้พุทธเกษตรคณะ และพระสัทธรรมก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เพราะพระสัทธรรมของทุกพระองค์จะทัดเทียมกัน

31     สิ่งของทั้งปวง ที่เป็นของพระสมันตประภาส ผู้สูงสุดแห่งมนุษย์นั้น จะมีชื่ออย่างเดียวกัน ทั้งในโลกนี้และเทวโลก ดังที่เราได้พรรณนาไว้แล้วในตอนต้น

32     พระชินเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ผู้อนุเคราะห์ประโยชน์เกื้อกูล จักพยากรณ์ซึ่งกันและสืบต่อกันไปว่า ผู้อยู่ใกล้ชิดเรา ในวันนี้ จะสั่งสอนชาวโลกทั้งปวงต่อไปเหมือนเรา

33     ดูก่อนกาศยปะ ณ ที่นี้ ในวันนี้ เธอจงจำไว้ว่า พระอรหันต์ 500 รูป นี้และสาวกอื่นๆ ของเราเป็นอย่างนี้ และเธอจงบอกเรื่องนี้แก่สาวกรูปอื่นๆด้วย

         ครั้นได้ฟังคำพยากรณ์ (อนาคต) ของตน จากพระตถาคตแล้ว พระอรหันต์ทั้ง 500 องค์นั้น ก็มีความยินดี พอใจ เบิกบาน เกิดปรีดีใสมนัสสูงสุด  พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ได้น้อมกายถวายอภิวาทพระบาทของพระผู้มีพระภาคแล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พวกข้าพระองค์ ที่แสดงธรรมอย่างนี้ เพราะเข้าใจผิดว่า จิตที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ คือพระนิพพานของข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์สิ้ทุกข์แล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค นี่คือสิ่งที่พวกข้าพระองค์ เป็นคนโง่ ไม่ฉลาด ไม่รู้ระเบียบวิธี เพราะเหตุอะไรเล่า ข้าแตะพระผู้มีพระภาค พวกข้าพระองค์ เป็นผู้ยินดีด้วยความรู้ที่มีอย่างนี้

เป็นเหตุให้พวกข้าพระองค์ สละความรู้ของพระตถาคต ที่ทุกคนพึงรู้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหมือนบุรุษบางคน ที่เข้าไปสู่บ้านของมิตรแล้วเมาหรือหลับไป มิตรคนนั้น ได้ผูกรัตนมณีมีค่าไว้ที่ชายผ้าของเรา ด้วยคิดว่า มณีรัตนะนี้เป็นของเขา ข้าแต่พระผู้มีพระภาคบุรุษนั้น ได้ลุกจากอาสนะแล้วเดินทางต่อไป เมื่อเขาเดินทางมาถึงชนบทและเมืองอื่นๆ เข้าต้องประสบกับความลำบายในเมืองนั้นๆ เขาต้องประสบกับความลำบาก เพราะต้องแสวงหาอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เข้าได้รับอาหารเพียงเล็กน้อย โดยใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ก็ใครเล่าจะยินดีปรีดาด้วยอาหารของตนเพียงเท่านั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ครั้งนั้น

บุรุษผู้เป็นมิตรเก่าที่เคยผูกรัตนะอันมีค่าไว้ที่ชายผ้าของเขา ได้พบเขาอีกครั้งหนึ่ง จึงกล่าวว่า ดูก่อนบุรุษผู้เจริญทำไมท่านต้องลำบาก เพราะเหตุแห่งการแสวงหาอาหารและเครื่องนุ่งห่มอีกเล่า ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ เราได้ผูกมณีรัตนะอันมีค่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ด้วยการอยู่อย่างมีความสุข จะบันดาลความปรารถนาทั้งปวงให้ได้ ไว้ที่ชายผ้าของท่าน ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ มณีรัตนะนี้ ข้าพเจ้าให้แก่ท่าน ดูก่อนบุรุษผู้เจริญท่านไม่เห็นหรือว่า เพราะเหตุไรและทำไม ข้าพเจ้าจึงผู้มณีรัตนะไว้ และอะไรเป็นปฐมเหตุให้ผูกมณีรัตนะนี้ไว้ ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ ท่านที่ยินดีแสวงหาอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ด้วยความยากลำบากนั้น ควรจะเป็นผู้โง่เขลา ดูก่อนบุรุษผู้เจริญท่านจงไป จงถือเอามณีรัตนะนี้ ไปสู่มหานคร แล้วขายมัน ท่านจงใช้ทรัพย์นั้น ลงทุนกระทำกิจการทั้งปวง

        ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ในกาลก่อน ครั้งเมื่อพระตถาคต ประพฤติวัตรปฏิบัติของพระโพธิสัตว์อยู่นั้น ได้ยังจิตที่หยั่งรู้ญาณทั้งปวงให้เกิดขึ้น แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แต่พวกข้าพระองค์ทั้งหลายไม่รู้ ไม่เข้าใจญาณเหล่านั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์เหล่านั้น เข้าใจว่า พระอรหันต์คือความสุขสูงสุดในโลกนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลาย จึงอยู่ด้วยความลำบาก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ย่อมถึงความยินดีด้วยญาณที่สละทิ้งไป แต่ประณิธานในพระโพธิญาณชั้นสูงสุดทั้งปวง ยังไม่หายไป ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้ที่พระตถาคต ทรงแนะนำว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าคิดว่าพระนิพพานเป็นอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุศลมูลที่เราอบรมให้ในกาลก่อน ย่อมีอยู่ในอุปนิสัยของเธอทั้งหลาย ขณะนี้ ท่านทั้งหลาย ย่อมเข้าใจ กุศโลบายของเราว่า นี่เป็นพระนิพพาน ด้วยคำว่า ธรรมเทศนา ครั้นพระผู้มีพระภาคอบรมให้รู้แจ้งแล้ว จึงได้พยากรณ์พวกข้าพระองค์ในเรื่องอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

         ได้ยินว่า ในครั้งนั้น พระสาวกจำนวน 500 รูปซึ่งมีพระอัชญาตเกาณฑินยะ เป็นประมุข ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ในเวลานั้นว่า

34     พวกข้าพระองค์ปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ทราบถึงความสำเร็จอันสูงสุดเช่นนี้ ที่พวกข้าพระองค์ได้กระทำ เพื่อพระโพธิญาณอันประเสริฐยิ่ง ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระองค์ ข้าแต่พระตถาคตผู้ประเสริฐ พระองค์เป็นผู้มีจักษุอันหาที่สุดมิได้(อย่างแท้จริง)

35      ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอแสดงความผิด ณ ที่ใกล้ชิดต่อพระองค์ เพราะพวกข้าพระองค์ยังโง่เขลา ไม่ฉลาด ยินดีกับความสุขทั่วไปในศาสนาของพระสุคต

36      เหมือนบุรุษบางคนในโลกนี้ ได้ไปสู่บ้านของมิตร ซึ่งมิตรของเขาเป็นผู้มีทรัพย์และมั่งคั่ง มิตรคนนั้นได้ให้ขาทนียะและโภชนียะจำนวนมากแก่เขา

37     ครั้นเลี้ยงดูด้วยโภชนะแล้ว มิตรคนนั้นรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ได้มอบรัตนะอันมีค่ามาก โดยใช้ชายผ้าผู้เป็นปมห่อหุ้มไว้ให้แก่บุรุษนั้น

38     บุรุษนั้น เป็นคนโง่ ครั้นลุกขึ้นแล้วก็เที่ยวเดินทางไปสู่เมืองอื่น เขาประสบกับความทุกข์ยาก กลายเป็นคนตกต่ำ เที่ยวขออาหาร(ผู้อื่น)ด้วยความยากลกลำบากยิ่ง

39    เขาพอใจในอาหารที่ขอมาได้ โดยไม่ได้คิดถึงอาหารอื่นที่ดีกว่า แม้รัตนะ(ที่ได้รับ)เขาก็ลืมสนิท ไม่ได้ระลึกถึงรัตนะในห่อผ้านั้นเลย

40     ขณะนั้น เขาได้พบกับมิตรเก่าที่เคยให้รัตนะแก่เขา ที่บ้านของตน มิตรผู้ประเสริฐได้เตือนเขาพร้อมกับชี้ให้ดูรัตนะในห่อผ้านั้น

41     เมื่อเห็นดั้งนั้น เขาจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง อานุภาพของรัตนะเป็นอย่างนี้เอง คือ เขาเป็นผู้มีทรัพย์มาก มีรัตนะและถึงพร้อมด้วยกามคุณทั้ง5

42     ข้าแต่พระผู้มีพระภาค อย่างนี้นั่นเอง พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ไม่ทราบรูปอย่างนี้ ที่เป็นประณิธานในกาลก่อน ที่พระตถาคตประทานแก่พวกข้าพระองค์สิ้นราตรีนานในกาลก่อน

43     ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พวกข้าพระองค์เป็นผู้มีความรู้น้อย ในโลกนี้ ไม่ทราบหลักคำสอนของพระสุคต เพราะพวกข้าพระองค์ยินดีด้วยคำว่า พระนิพพาน ซึ่งเป็นที่น่าปรารถนาและน่ายินดีสูงสุด

44     พวกข้าพระองค์ เป็นผู้ที่พระองค์ผู้เป็นภราดรของชาวโลก ได้อบรมแล้วว่าอย่างนี้ มิใช่ความสุขที่แท้จริง ความรู้อันประณีตของบุรุษผู้สูงสุดเท่านั้น ที่ควรเรียกว่า เป็นความรู้สูงสุด

45     เมื่อได้ฟังคำพยากรณ์ที่ดี มีความสมบูรณ์หลายอย่าง หาที่เปรียบมิได้เช่นนี้ พวกข้าพระองค์จึงเกิดปีติ ที่สมบูรณ์สูงสุด เพื่อพยากรณ์กันและกันสืบไป

บทที่ 8 ปัญจภิกษุศตวยากรณปริวรรต
ว่าด้วยการพยากรณ์ภิกษุ 500 รูป
ในธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร อันประเสริฐ
มีเพียงเท่านี้


(http://farm4.static.flickr.com/3063/2559467926_8b89d1a818_m.jpg)

:http://www.mahayana.in.th/tmayana สัทธรรมปุณทรีกะบท8-9-10.htm
 : http://www.tairomdham.net/index.php/topic,3670.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,3670.0.html)
สุขใจดอทคอม : อกาลิโกโฮม
Pics by : Google
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ