[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 05 ตุลาคม 2561 12:57:25



หัวข้อ: หลวงปู่อำคา ถาวโร วัดประชานิมิต อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 ตุลาคม 2561 12:57:25
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40330822517474_view_resizing_images_6_.jpg)

หลวงปู่อำคา ถาวโร
 วัดประชานิมิต อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์]

"หลวงปู่อำคา ถาวโร" หรือ "พระครูอดุลพัชราภรณ์" เจ้าอาวาสวัดประชานิมิต อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอวิเชียรบุรี เป็นพระนักพัฒนาที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย

ปัจจุบัน สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71

เดิมชื่อ อำคา หอมมาลา เกิดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2470 ตรงกับวันเสาร์ แรม 9 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ บ้านเลขที่ 97 หมู่ 8 ต.หนองพลวง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา

อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2490 ที่วัดหันห้วยทราย ต.หันห้วยทราย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูวิโรจนคุณ วัดหันห้วยทราย ต.หันห้วยทราย เป็นพระอุปัชณาย์ ได้รับฉายาว่า ถาวโร

หลังอุปสมบทมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักศาสนศึกษาวัดสวัสดี สำนักเรียนคณะจังหวัดขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ.2494

หลังจากนั้นเดินทางกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง และเมื่อวัดหนองค่าย ต.หนองค่าย อ.ประทาย ไม่มีพระอยู่จำพรรษา ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ให้ท่านมาจำพรรษา และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสพร้อมกับได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล เขต 2 อ.ประทาย

พ.ศ.2502 ออกเดินธุดงค์ผ่านดงพญาเย็น มายัง อ.วิเชียรบุรี และอยู่จำพรรษาที่วัดหนองสองห้อง (ชื่อเดิมของวัดประชานิมิต)

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2507 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ.2518 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประชานิมิต

พ.ศ.2518 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอวิเชียรบุรี

พ.ศ.2550 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอวิเชียรบุรี

พระครูอดุลพัชราภรณ์ เป็นพระเถระผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล

งานการศึกษา ท่านให้ความสำคัญกับการศึกษาของพระภิกษุสามเณรเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากมโนปณิธานของท่านว่า ท่านไม่ได้เรียนสูง จบเพียงนักธรรมชั้นเอก แต่ขอให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เล่าเรียนอย่างเต็มความสามารถที่จะเรียนได้ จึงได้เปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม บาลี และแผนกสามัญศึกษา และส่งเสริมสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โท เอก อย่างต่อเนื่อง

งานปกครอง ท่านเป็นพระเถระผู้มีเมตตาสูงยิ่ง ได้ใช้กุศโลบายในการปกครองพระภิกษุ-สามเณร คือ การปกครองโดยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ปกครองแบบพ่อปกครองลูก ท่านดำรงตนอยู่ในพรหมวิหารธรรมทั้ง 4 ประการ และประพฤติตนตามหลักของครูที่ดี ข้อวัตรปฏิบัติของท่านนั้นเป็นที่เคารพเลื่อมใสของพระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนผู้พบเห็น จนได้รับการถวายปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในปีพ.ศ.2554

การทุ่มเททำงานของท่านตลอดระยะ เวลา 66 พรรษา ของท่านที่ดำรงเพศบรรพชิต ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา พระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนผู้เคารพศรัทธาในตัวของท่าน

หลวงปู่มักจะสอนลูกศิษย์เสมอว่า "ความเป็นสิริมงคล คุณงามความดีต่างๆ นั้น ต้องเกิดจากตัวเราเองก่อน ถ้าหากเราทำดีแล้ว พระก็จะอยู่กับตัวเรา ความดีก็จะเกิดกับตัวเรา แล้วเราจะได้รับผลของการทำดีนั้น แต่ถ้าหากเราทำชั่ว พระก็จะไม่อยู่กับเรา ความไม่ดีก็จะเกิดกับตัวเรา เราก็จะต้องได้รับผลของความชั่วนั้น ไม่ช้าก็เร็ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"


อริยะโลกที่ 6