[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 11 ธันวาคม 2561 15:25:55



หัวข้อ: หลวงพ่อประโยชน์ สุทธิวังโส วัดนาลับแลง ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 11 ธันวาคม 2561 15:25:55


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86627456049124_1_1024x768_.jpg)

หลวงพ่อประโยชน์ สุทธิวังโส (พระครูสุทธิธรรมวงศ์)
วัดนาลับแลง ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์

เอ่ยถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวไทยจะต้องรู้จักพระแท่นศิลาอาสน์ พระยาพิชัยดาบหัก พระบรมธาตุทุ่งยั้ง เมืองลับแล เมืองแห่งผลไม้ ต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อำเภอน้ำปาด เขื่อนสิริกิติ์ ชลประทานที่ชุบชีวิตชาวอุตรดิตถ์

ณ ดินแดนแห่งนี้ในอดีตจวบจนปัจจุบันมีพระนักปฏิบัติ พระนักพัฒนา และพระเกจิอาจารย์เกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นตำนานที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์หลายต่อหลายรูป

รวมไปถึงพระเกจิรูปนี้ "หลวงพ่อประโยชน์ สุทธิวังโส" หรือ "พระครูสุทธิธรรมวงศ์"

เป็นพระเกจิดังเรืองวิทยาคม และเป็นพระพัฒนาที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก

ความเมตตาโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ และมีบุคลิกเงียบขรึมเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะงานทางด้านการปกครองสงฆ์ เป็นที่ประจักษ์กับบุคคลทั่วไป ได้รับรู้อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากจะเป็นเจ้าอาวาสวัดนาลับแลง ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอทองแสนขัน อีกด้วย

มีนามเดิมว่า ประโยชน์ เกตุแก้ว เกิดเมื่อวันที่ 17 มี.ค.2477 ต.คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

เคยรับราชการกองทัพเรือ มียศ "เรือตรี" อุปสมบทเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2504 ที่วัดบางยาง มีพระเทพสาครมุนี (หลวงพ่อแก้ว) วัดสุทธิวาตราราม (วัดช่องลม) เป็นพระอุปัชฌาย์

ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสำเร็จนักธรรมชั้นเอก และศึกษาวิทยาคมควบคู่ไปด้วย ในความจริงแล้วเรื่องวิทยาคม เคยศึกษามาตั้งแต่เด็ก ด้วยความชอบและรักศาสตร์ทางด้านนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นหลานหลวงพ่อพล วัดเทียนดัด

ศึกษาความรู้ในเรื่องการอธิษฐานจิตปลุกเสก วัตถุมงคลจากหลวงพ่อแก้ว และได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ศึกษาวิทยาคมอยู่นานถึง 12 ปีเต็ม จากนั้นจึงธุดงค์จาริกไปทั่วประเทศ เพื่อศึกษาไสยเวทวิทยาคมจากคณาจารย์ต่างๆ

พ.ศ.2514 มาพักอยู่ที่วัดนาลับแลง ซึ่งเป็นวัดร้าง พัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ และด้วยมีความรู้ทางด้านการแพทย์แผนโบราณ จึงรับรักษาชาวบ้านที่เป็นโรคต่างๆ โดยไม่คิดหรือเรียกร้องค่าใช้จ่าย

โรคต่างๆ ที่ท่านรับรักษาก็มี ต่อกระดูก แขนหัก ขาหัก โรคอัมพาต โรคสันนิบาตปากเบี้ยว โรคท้องโต และอีกหลายๆ โรค โดยไม่มีความรังเกียจแต่อย่างใด

ด้านการศึกษา สนับสนุนด้วยการเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม และเป็นศูนย์กลางในการสอนนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ประจำอำเภอทองแสนขัน นอกจากนี้ ยังเปิดโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สอนเยาวชน ส่งเสริมให้เรียนรู้การพึ่งตนเองและปฏิบัติตนให้ห่างไกลยาเสพติดด้วย

เพิ่มพูนความรู้ในเรื่องพระพุทธศาสนาปลูกฝังคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมให้แก่นักเรียน นำไปใช้ในชีวิตประจำวันและนำความรู้ที่ได้รับไปศึกษาต่อ ซึ่งท่านมองว่าพระพุทธศาสนาและการศึกษา สามารถที่จะพัฒนาคนให้เป็นคนดี

การที่จะเป็นคนดีและเพียบพร้อมในทุกๆ ด้านก่อนอื่นต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมที่ดีงามก่อน จึงจะทำให้เป็นคนที่มีศักยภาพ มีคุณภาพ เป็นบุคคลที่มีประโยชน์ เป็นที่พึงประสงค์ของสังคม

เป็นคนรักธรรมชาติต้นไม้ นำพระภิกษุ-สามเณร ปลูกไม้ยืนต้นเพิ่มเติมรวมทั้งรักษาต้นไม้เดิมเอาไว้ พร้อมประกาศห้ามตัดฟันหรือทำอันตรายใดๆ ต่อต้นไม้ภายในเขตวัดเด็ดขาด

รวมทั้งร่วมมือกับชุมชนปลูกต้นไม้ไว้ตามสถานที่ราชการและที่สาธารณประโยชน์ ในวันสำคัญทุกปี

ด้วยผลงานด้านการพัฒนา และส่งเสริมการศึกษาอย่างโดดเด่นเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไพศาลต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ เพื่อดูแลและปกครองการคณะสงฆ์อำเภอทองแสนขัน

กระทั่ง ในการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2557 พระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชา เสนอแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดนาลับแลง และเจ้าคณะอำเภอทองแสนขัน ให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอทองแสนขัน



ที่มา ข่าวสดออนไลน์