[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 31 สิงหาคม 2562 12:18:01



หัวข้อ: "ไม่มีอะไรเป็นของเรา" พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 31 สิงหาคม 2562 12:18:01

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/43136631573239_69242580_230980774533486_24819.jpg)

ไม่มีอะไรเป็นของเรา

เมื่อร่างกายตายไป สิ่งที่เราได้ผ่านทางร่างกายก็ไม่สามารถเอาติดไปกับเราได้ พอเราตายไป สามีภรรยาของเราก็เอาไปไม่ได้ ต่อไปสามีของเราภรรยาของเราอาจจะไปเป็นของคนอื่นต่อไปก็ได้ เพราะถ้าเขาไม่มีเราแล้วเขาก็ต้องหาคนอื่นมาแทนเรานั่นเอง นี่คือความจริงให้หัดคิดอยู่เรื่อยๆ ว่าไม่มีอะไรเป็นตัวเรา ไม่มีอะไรเป็นของเรา ให้หัดอยู่กับการไม่มีอะไรดีกว่า อยู่กับความว่าง ถ้าเราอยู่กับความว่างได้เราจะไม่มีวันเสียใจ เราจะไม่ต้องหวงไม่ต้องห่วง เพราะเรารู้ว่าไม่มีใครมาแย่งความว่างจากเราไปได้ อย่างเป็นขอทานนี่สบายกว่าคนมี ขอทานมันไม่มีอะไรต้องหวงต้องห่วง ไม่มีบ้านต้องห่วง ไม่ต้องมีสมบัติต้องห่วงต้องหวง นอนที่ไหนก็นอนได้หลับสบายนอนใต้สะพาน นอนข้างถนนนอนที่ไหนมันก็นอนได้

นี่แหละคือความสุขความทุกข์ ความทุกข์เกิดจากการไปถือว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นเราเป็นของเรา เอ้า ลองสังเกตดูเปรียบเทียบดู ลูกเรากับลูกคนอื่นนี้เราทุกข์กับใคร เราทุกข์กับลูกคนอื่นหรือว่าเราทุกข์กับลูกของเรา ภรรยาของเราสามีของเรากับภรรยาของคนอื่นสามีของคนอื่น เราทุกข์กับใคร ทุกข์กับของเราทั้งนั้นแหละ บ้านเรากับบ้านของคนอื่นเราทุกข์กับบ้านคนอื่นเขาหรือเปล่า เมื่อวานนี้น้ำท่วมพัทยาเราทุกข์หรือเปล่า เราอยู่ที่นี่เราไม่ทุกข์เพราะว่ามันไม่ใช่บ้านของเรา แต่ถ้ามีบ้านของเราอยู่ที่พัทยา ตอนนี้ทุกข์ไหม ทุกข์

นี่แหละความทุกข์เกิดจากการไปถือไปยึดไปติดว่าเป็นของเรา ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนแล้วว่า “ไม่มีอะไรเป็นของเรา” เราบ้ากันไปเอง เราหลงกันไปเอง หลงไปคิดว่าเป็นของเรา หลงไปคิดว่าเป็นตัวเรา พออะไรมันเป็นเราเป็นของเรานี้มันทำให้เราต้องทุกข์ขึ้นมาทันที แต่พอเราเปลี่ยนความคิดได้ไม่ถือว่าอะไรเป็นของเรา เราจะหายทุกข์ ทีนี้เราไม่ยอมเปลี่ยนกัน พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้วก็ยังไม่ยอมเชื่อ เชื่อก็ทำไม่ได้ ทำใจไม่ได้ เชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา ก็ทำใจไม่ได้ยังถือว่าเป็นของเราอยู่ ยังไม่ยอมเลิกถือว่าเป็นของเรา ก็เพราะว่าเรายังต้องใช้มันอยู่นั่นเอง เรายังต้องอาศัยเขาให้ความสุขกับเรา ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าเขาไม่ได้เป็นของเรา ทั้งๆที่เรารู้ว่าเขาจะต้องจากเราไป หรือไม่จากเราไปเราก็ต้องจากเขาไป แต่เมื่อยังไม่ถึงวันนั้นเราก็ขอเป็นของเราไปก่อน ขออยู่กับเขาไปก่อน เพราะเวลามีเขาแล้วมีความสุขนั่นเอง เราอาศัยสิ่งต่างๆ อาศัยบุคคลต่างๆ นี้มาให้ความสุขกับเรา เพราะว่าเราไม่สามารถหาความสุขจากความว่างได้ เราไม่รู้จักวิธีหาความสุขจากความว่างกัน เรารู้แต่วิธีหาความสุขจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ จากบุคคลนั้นบุคคลนี้ เราก็เลยต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีบุคคลนั้นบุคคลนี้คอยมาให้ความสุขกับเราอยู่เรื่อยๆ และถึงแม้เราจะเสียสิ่งที่เป็นของเราไป เราก็ไม่เข็ดหลาบ

พอเราเสียแฟนคนนี้ไปเราก็ไปหาแฟนคนใหม่ แล้วก็มาห่วงมาหวงมาทุกข์กับแฟนคนใหม่ต่อ เพราะว่าแฟนคนใหม่ให้ความสุขกับเราต่อได้นั่นเอง เราเสียแฟนคนเก่าไปเราก็ขาดความสุขที่จะได้จากแฟนคนเก่า เราก็เลยต้องไปหาแฟนใหม่เพื่อที่จะมาให้ความสุขกับเราใหม่ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะได้ความทุกข์มากับเขาด้วย เราได้ความสุขจากเขา เราก็จะได้ความทุกข์จากเขาด้วย ทุกข์เพราะหวง ทุกข์เพราะห่วง ทุกข์เพราะเสียดายเวลาเขาจากเราไป แต่เราทำไมต้องทำอย่างนี้กัน ก็เพราะว่าเราไม่รู้จักวิธีหาความสุขจากความว่างนี่เอง เรารู้แต่วิธีหาความสุขจากสิ่งต่างๆ กัน เราก็เลยต้องมีสิ่งต่างๆ มาให้ความสุขกับเรา เราจึงต้องหาลาภยศสรรเสริญ หารูปเสียงกลิ่นรสมาให้ความสุขกับเราอยู่เรื่อยๆ เพราะถ้าเราไม่มีลาภยศสรรเสริญ ไม่มีรูปเสียงกลิ่นรสมาให้เราได้เสพได้สัมผัส เราก็จะมีแต่ความทุกข์นั่นเองเพราะเราอยู่กับความว่างไม่ได้ พวกที่ติดคุกนี่เป็นยังไง ไม่มีใครอยากจะติดคุกกัน เพราะเวลาติดคุกไม่มีอะไรเป็นของเราเลย ใช่ไหม เป็นของรัฐบาลหมด บ้านก็เป็นของรัฐบาล อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มอะไรต่างๆ เป็นของหลวงหมด ไม่มีอะไรเป็นของเรา เราจึงไม่ชอบติดคุกกัน เพราะเวลาติดคุกแล้วเราเหมือนอยู่กับความว่าง ไม่มีลาภไม่มียศไม่มีสรรเสริญ ไม่มีรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ มาให้เราเสพกัน เราจึงทุกข์กัน

แต่มีพวกหนึ่งที่เขากลับไม่ทุกข์เวลาที่เขาอยู่กับความว่างกัน พวกนี้ชอบอยู่กับความว่าง ไม่ชอบมีอะไร ไม่ชอบมีลาภไม่ชอบมียศไม่ชอบมีสรรเสริญ ไม่ชอบมีรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ชอบอยู่กับความว่างก็คือพระป่าพระเขานี่เอง พระที่ไปธุดงค์ในป่าในเขามีอะไรบ้างติดตัวไป มีกลดหนึ่งอันไว้เป็นหลังคากันแดดกันฝน มีมุ้งไว้สำหรับกันยุง แล้วก็มีอัฐบริขาร มีสมบัติอยู่แค่ ๘ ชิ้น ไว้สำหรับเลี้ยงดูร่างกาย มีบาตร ๑ ใบ มีจีวร ๓ ผืน มีมีดโกนไว้ปลงผมปลงหนวด มีเข็มขัดรัดเอว มีที่กรองน้ำ มีเข็มกับด้าย มีเท่านี้เขาก็อยู่ได้แล้ว นี่คือเครื่องมือหากินของพระ ส่วนลาภยศสรรเสริญนี้ ส่วนรูปเสียงกลิ่นรสนี้เขาไม่เอา เขาเอาความว่างดีกว่า อยู่แบบไม่มีลาภยศสรรเสริญ อยู่แบบไม่มีรูปเสียงกลิ่นรสให้เสพดีกว่า แต่เขากลับมีความสุขมากกว่าพวกเราที่มีอะไรมากมายก่ายกอง เพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องทุกข์ด้วยนั่นเอง เขาไม่มีอะไรต้องหวงไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่มีอะไรจะต้องเสียดายเสียใจ ไม่มีอะไรจะต้องเศร้าโศกเสียใจ เพราะไม่มีอะไรจะต้องสูญเสีย สิ่งที่สูญเสียก็ไม่มีคุณค่าราคาอะไร เสียบาตรเสียจีวรไป เสียไปก็เสียไป หาใหม่ก็ได้ไม่ยากเย็นอะไร หรือเสียร่างกายเขาก็ไม่เสียดาย เขาไม่ต้องใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหาความสุขกันไปเหมือนกับพวกเรา


สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๒

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน