หัวข้อ: การแผ่เมตตากับการอุทิศบุญกุศล เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 29 มิถุนายน 2554 15:22:47 ขอเชิญแวะชม Sometime Home โค - สะ - นา ดื้อ ๆ อย่างนี้แหละรู้น่ะว่าไม่มีใครอยากไปหรอก http://poerlife.fx.gs (http://static.panoramio.com/photos/original/52707610.jpg) กราบเรียนสอบถามครับด้วยความที่ไม่อยากประมาทและ ต้องเป็นคนละเอียดมาก ๆ ในการศึกษาพระธรรม จึงทำให้มีคำถามดังนี้ครับ ๑ การแผ่เมตตากับการอุทิศบุญมีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าไม่ใส่ใจในคำ หรือ คิดว่าเป็นคำพื้นๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมาคงจะมองข้าม ซึ่งแปลกครับกับคำเก่า ๆ เดิม ๆ ของคำในพระธรรมเมื่ออ่านซ้ำ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น กราบขอบคุณสำหรับคำสอนของอาจารย์ และ วิทยากร ที่สุดครับ ที่ทำให้ผมต้อง และ ต้องเป็นคนที่ประมาทพระบาลีไม่ได้เลย ยินดีที่ทุกท่านมีบุญที่ได้ฟังพระธรรม เพราะเสียงพระธรรมไม่เหมือนเสียงทั่ว ๆ ไป พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเกื้อกูลอุปการะเพื่อความเจริญขึ้นของกุศล ธรรมประการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ใช่อกุศลธรรมแม้แต่ในเรื่องของเมตตา ก็เช่นเดียวกันซึ่งเป็นสภาพธรรมฝ่ายดีและเป็นประโยชน์ในที่ทั้งปวงไม่ว่าจะอยู่ ณ. ที่ใดก็ตามไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ใครทั้งสิ้นเป็นธรรมที่ควรมีควรอบรมให้มีขึ้น แทนที่จะโกรธกันหรือไม่พอใจกันเมตตาเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าความโกรธถ้าไม่ได้ สะสมมาก็ไม่ง่ายเพราะโกรธต้องหาเรื่องที่จะต้องโกรธย้อนคิดถึงเรื่องที่ทำให้ ตนเองโกรธแต่ถ้าเป็นเมตตาแล้วใจเบาสบาย ไม่หนักด้วยอำนาจของโทสะใน ชีวิตประจำวันยังไม่มีเมตตาที่มีกำลังจนกระทั้งถึงเมตตาฌานก็ยังไม่สามารถแผ่ได้ และที่สำคัญ เมตตา ไม่ใช่เรื่องท่องไม่ได้อยู่ที่คำแผ่แต่สามารถอบรมเจริญได้ใน ชีวิตประจำวันโดยเป็นมิตรเป็นเพื่อนกับทุกคนมีความหวังดีไม่หวังร้าย ต่อผู้อื่น การอุทิศส่วนกุศลเป็นความดีประการหนึ่งการอุทิศส่วนกุศลก็เพื่อให้บุคคลอื่นได้ ร่วมอนุโมทนา ซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อม เป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเองซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้จะเป็นเหตุให้ได้รับ ผลที่ดี คือ กุศลวิบากจิตเกิดขึ้นไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่นแต่การที่เรา ทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้อนุโมทนายินดีด้วยขณะใดที่เขาอนุโมทนายินดี ด้วยขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขาซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้น จริง ๆ ดังนั้นทั้งการอุทิศส่วนกุศลและการอนุโมทนาในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำล้วน เป็นกุศลทั้งนั้นควรที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการคือ............................................. ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑ ย่อมเข้าใจชัดสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ๑ ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ ๑ ย่อมทำความเห็นให้ตรง ๑ จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส ๑ ขอเชิญชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงร่วมสนทนาธรรม ที่บ้านธัมมะทุกวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 13:00 – 16:00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 053 - 43 - 1678 http://audio.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=18072 http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=325.msg616#msg616 (http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=325.msg616#msg616) |