[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 11 ตุลาคม 2562 16:25:07



หัวข้อ: หลวงปู่คำมี พุทธสาโร วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.ลพบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 11 ตุลาคม 2562 16:25:07

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/12920467472738_view_resizing_images_1_320x200.jpg)

หลวงปู่คำมี พุทธสาโร
วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.ลพบุรี

หลวงปู่คำมี พุทธสาโร วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.ลพบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองลพบุรี ช่วงปี พ.ศ.2500-2520 งานพิธีปลุกเสกพระเครื่องของวัดต่างๆ ในจังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง จะนิมนต์พระเกจิชื่อดังมาร่วมงานหลายรูป

แต่หลวงปู่คำมีจะได้รับเกียรติให้เป็นผู้นำของพระสายเมืองลพบุรี ด้วยมีคุณวุฒิและอาวุโสสูงสุด

มีนามเดิม คำมี พระวิเศษ เกิดเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2416 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปี มะโรง เวลาเที่ยงตรง ในราชอาณาจักรลาว

ช่วงเยาว์วัย มีอุปนิสัยฝักใฝ่ในทางธรรม เพื่อให้ได้ศึกษาและเจริญก้าวหน้าในทางธรรมยิ่งขึ้น อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดชุมพรพิสัย แขวงสะหวันนะเขต เมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมีพระครูพล เป็นพระอุปัชฌาย์

ระหว่างนั้น สามเณรคำมีศึกษาปฏิบัติธรรม และวิชาต่างๆ กับพระครูพล อยู่ที่วัดชุมพรพิสัย เมื่อท่านศึกษาปฏิบัติจนแก่กล้าแล้ว จึงขออนุญาตพระครูพล ออกธุดงค์เพื่อแสวงหาสถานที่สัปปายะเหมาะแก่การเจริญธรรม เป็นเวลา 2 ปี

ท่านจากถิ่นฐานบ้านเกิด ธุดงค์ในป่าประเทศลาวเเพียงลำพัง กระทั่งมีโอกาสได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์ของสมเด็จลุน อยู่รับใช้อุปัฏฐากและศึกษาวิชาต่างๆ จากสมเด็จลุนอย่างเคร่งครัด เมื่อเห็นว่าสามเณรคำมี ร่ำเรียนวิชาต่างๆ จากท่านจนหมดสิ้นแล้ว ท่านจึงให้สามเณรคำมี กลับไปเผยแผ่ธรรม และโปรดโยมบิดามารดาของท่านที่สะหวันนะเขต จึงได้กราบลาสมเด็จลุนมาด้วยความอาลัย

ครั้นกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดชุมพรพิสัยได้ระยะหนึ่ง ท่านเกิดความตั้งใจที่จะเดินทางไปไหว้พระธาตุพนมที่ฝั่งไทย จึงลาพระครูพล เพื่อเดินทางมาทางฝั่งไทย

ทราบข่าวบารมีความเก่งกล้าของพระครูศรีทัต แห่งอำเภอท่าอุเทน เมื่อนมัสการพระธาตุพนมเสร็จ ท่านจึงยังไม่กลับไปสะหวันนะเขตแต่มุ่งหน้าสู่อำเภอท่าอุเทน เพื่อไปกราบนมัสการพระครูศรีทัต และขอฝากตัวเป็นศิษย์ เมื่อพระครูศรีทัตทราบความเป็นมา จึงรับสามเณรคำมีไว้เป็นศิษย์

หลวงปู่ศรีทัต มีความเข้มงวดมาก ตั้งแต่เรื่องพระธรรมวินัย จนไปถึงการศึกษาวิชาต่างๆ

จนเมื่อสามเณรคำมีอายุครบบวช จึงลาหลวงปู่ศรีทัต กลับไปยังฝั่งลาว เพื่อเข้าพิธีอุปสมบท

ท่านกลับมายังแขวงสะหวันนะเขต และเข้าพิธีอุปสมบท โดยมีพระครูพล เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่วัดชุมพรพิสัย

อยู่จำพรรษาโปรดโยมบิดามารดาที่วัดชุมพรพิสัยอยู่ 2 พรรษา ด้วยความต้องการแสวงหาวิมุตติธรรม จึงลาโยมบิดามารดาของท่าน ออกธุดงค์ข้ามมายังฝั่งไทยอีกครั้ง ธุดงค์ไปหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานของไทยหลายพรรษา จนกระทั่งเข้าสู่เมืองโคราช ได้ยินชื่อเสียงความเคร่งครัดของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล วัดป่าสาลวันพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายกองทัพธรรม

จึงเดินทางไปกราบขอฝากตัวเป็นศิษย์ รับแนวทางปฏิบัติจากท่านหลวงปู่เสาร์

หลวงปู่คำมีบอกเล่าว่า "หลวงปู่เสาร์ มีความเชี่ยวชาญแก่กล้าทางด้านกสิณเป็นอันมาก โดยเน้นให้ความสำคัญทางด้านกสิณ 4 อันเป็นปฐมของธาตุทั้งมวลในโลก คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ" ซึ่งหลวงปู่คำมี ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติในการตั้งธาตุปลุกเสกวัตถุมงคลในกาลต่อมา

ต่อมา กราบลาหลวงปู่เสาร์เพื่อธุดงค์ต่อไป ท่านเดินธุดงค์มาถึงอำเภอพระพุทธบาท สระบุรี ไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท และเดินธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี พบถ้ำเอราวัณ ท่านเห็นว่าเป็นสถานที่สัปปายะ เหมาะแก่การหลบหลีกจากความวุ่นวายทั้งหลาย จึงอาศัยเป็นที่พำนักในการเจริญธรรม

ชาวบ้านดงจำปานิมนต์หลวงปู่ให้ไปโปรดญาติโยมและช่วยสร้างวัดที่นั่น หลวงปู่ไปช่วยสร้างวัด และอุโบสถจนเป็นที่สำเร็จ หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดดงจำปาระยะหนึ่ง (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหม่จำปาทอง) ท่านจึงกลับไปพำนักที่ถ้ำเอราวัณอีกครั้ง ท่านอยู่จำพรรษาที่ถ้ำเอราวัณ 3 พรรษา ในช่วงนั้นได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นบุกขึ้นประเทศไทย

ท่านย้ายจากถ้ำเอราวัณ จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำคูหาสวรรค์ ซึ่งต่อมากลายเป็นวัดถ้ำคูหาสวรรค์

ในช่วงสงครามอินโดจีน ท่านจัดเครื่องรางแจกทหารหาญที่ไปรบ ทหารทุกคนที่ได้รับเครื่องรางของขลังจากท่านและนำติดตัวไปสงคราม ปรากฏว่าปลอดภัยกันทั่วหน้า

ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง หลวงปู่คำมีมรณภาพอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลมิชชั่น กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2524 สิริอายุ 105 ปี พรรษา 80

บรรดาคณะศิษย์เคลื่อนย้ายสังขารของท่านไปไว้ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี ตามคำสั่งของท่านที่ว่า เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วห้ามนำร่างของท่านไปเผาหรือฝังเด็ดขาด

ปรากฏว่า สังขารของหลวงปู่คำมี ไม่เน่าเปื่อย และมีเส้นผมงอกขึ้นมาอีกด้วย
ข่าวสดออนไลน์