[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 03 มกราคม 2563 09:38:29



หัวข้อ: อยู่เฉยๆได้แล้วใจจะสบาย - พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 03 มกราคม 2563 09:38:29
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/87295831698510_1_320x200_.jpg)

“อยู่เฉยๆได้แล้วใจจะสบาย”

คือปากของคนนี้เราห้ามเขาไม่ได้ เขาจะพูดจริงหรือไม่จริงนี้มันเป็นปากของเขา เราฟังแล้วเราอย่าไปดีใจเสียใจกับเรื่องที่เราได้ยินมา เข้าใจไหม เราต้องคิดว่าเราห้ามเขาไม่ได้ เขาไปวิพากษ์วิจารณ์เราต่างๆ นานาที่ไม่ตรงกับความจริง เราห้ามเขาไม่ได้ ที่เราทุกข์เพราะว่าหนึ่ง เรากลัวคนอื่นจะเชื่อเขา แล้วจะทำให้เราเสียเพื่อน เสียหน้าเสียตา เราต้องยอมรับว่าของพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา เสียก็เสียไป เสียอะไรก็เสียไป ขอให้รักษาตัวเดียวไว้คือ ใจ อย่าเสียใจก็แล้วกัน ถ้าไม่เสียใจแล้วไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะของที่เราเสียนั้นเป็นของปลอมทั้งนั้น ของไม่มีสาระทั้งนั้น อย่าเสียใจ ตัวเสียใจนี้เป็นตัวร้ายกาจที่มันเป็นภัยกับเราคือความเสียใจ เสียเกียรติเสียอะไรปล่อยมันไปเถอะมันช่วยไม่ได้ ของพวกนี้มันเป็นเหมือนแผ่นกระดาษมาแปะไว้ที่หน้าอกเรา กระดาษมาแปะแล้วบอกว่าเป็นนายร้อยนะ และอีกหน่อยก็เอากระดาษใบใหม่มาแปะแล้วบอกว่าเป็นนายพันอย่างนี้ หรือมีกระดาษมาแปะว่าดี ไม่ดี บางทีคนก็ร่ำลือว่าเราดี ทั้งๆที่เราไม่ดี แต่เราก็ดีใจไปกับเขาแล้ว เพราะเราชอบของปลอมด้วยกันเข้าใจไหม ถ้าเรารู้ว่าเราไม่ดีแล้วใครมาว่าเราไม่ดี เราจะไม่ตื่นเต้นดีใจเพราะเรารู้ว่าเราไม่ดี ใช่ไหม แต่ถ้าเรารู้ว่าเราดี ใครจะว่าเราไม่ดี เราก็ไม่เดือดร้อน ดังนั้น เราต้องอยู่กับความจริง เข้าใจไหม ถ้าใครเขาพูดว่าเราไม่ดี แล้วเราไม่ดีตามที่เขาพูด เราต้องยกมือไหว้เขารู้หรือเปล่า เพราะเหมือนเขาชี้ขุมทรัพย์บอกเราว่านี่คือข้อบกพร่องของเรา บางทีเรามองไม่เห็น เราไม่ชอบมองส่วนที่ไม่ดีของเรา ความดีของเรานี้แม้จะเท่าผงธุลีนี้แต่ก็เห็นเป็นกองภูเขา แต่ความไม่ดีของเราแม้จะเท่ากองภูเขากลับเห็นว่าเป็นผงธุลี

ใจของเรามันปลอม เข้าใจไหม มันไม่อยู่กับความจริง มันชอบยกตัวเองคิดว่าตัวเองดีเสมอ ทั้งๆที่ทำอะไรผิดมาเยอะ ไม่ดีมาเยอะมองไม่เห็น ดังนั้นต้องพยายามฝึกหัดเป็นคนจริงนะ ต้องมองความจริงอยู่กับความจริง แล้วเรื่องของคนอื่นใครเขาจะสรรเสริญนินทานี้เราห้ามเขาไม่ได้ เป็นโลกธรรม แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังมีคนด่าคนว่าเลย แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่เดือดร้อนท่านไม่หวั่นไหว เพราะมันเป็นสิ่งที่รู้ว่าท่านห้ามไม่ได้และท่านไม่ได้อาศัยสิ่งเหล่านี้มาให้ความสุขกับท่าน ถ้าใจเรามีความสงบแล้ว มีความสุขในใจแล้วไม่สนใจหรอก ใครจะชม ใครจะด่าก็เป็นเรื่องลมปากเขา ชมก็ไม่ได้ทำให้ความสุขที่มีอยู่ในใจเราเพิ่มมากขึ้น ด่าก็ไม่ได้ทำให้ความสุขที่เรามีอยู่ลดน้อยลงไป เราไม่มีตัวนี้กัน ใจเราเลยไม่หนักแน่นเข้าใจไหม ใจเราเลยเป็นเหมือนปุยนุ่น ปุยนุ่นนี้ลมพัดมาเบาๆ ก็ปลิวไปแล้ว สำลีอย่างนี้ ถ้ามีความสงบแล้วมันจะเป็นเหมือนก้อนหิน มันจะเฉยลมจะพัดมาแรงขนาดไหนหินมันก็ไม่กลิ้ง ต้องมาฝึกทำใจเราให้มันหนักแน่น ให้จริงจังให้อยู่กับความจริง อย่าไปอยู่กับความหลง พวกเราชอบอยู่กับความหลงกัน ใครมาบอกว่าเราสวย ทั้งๆที่หน้าตาไม่ดีก็ยังดีใจยังยิ้มเลย หุ่นเป็นตุ่มมาบอกหุ่นสวย ก็ยังชอบเลย

ต้องมาฝึกใจ ตอนนี้ใจเราไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว มันไปติดกับลาภยศ สรรเสริญ แล้วพอเสื่อมลาภยศ สรรเสริญก็ทุกข์ขึ้นมาทันที ใช่ไหม สังเกตดูเวลาเสียเงินเสียทองไป ขโมยขึ้นบ้านนี้ โอ้โห... ร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจกัน เวลาถูกเขาปลดโยกย้ายตำแหน่งหน่อย วุ่นวายกันไปหมด เพราะเราไม่มีที่พึ่งทางใจกันเราเลยไปพึ่งของที่มันไม่แน่นอน มีขึ้นมีลง ไม่เกิดมีดับ เวลาขึ้นก็ดีใจกัน เวลาตกลงมาก็โอ้โห... เสียใจกัน แต่ถ้าเรามีที่พึ่งทางใจมีความสงบแล้วไม่เดือดร้อน

ถึงต้องมาปฏิบัติธรรมกัน ยอมเหนื่อยเอาหน่อยไม่กี่ปี เอาจริงๆ จังๆ พระพุทธเจ้าก็บอกไม่เกิน ๗ ปี ๗ ปี แล้วมีหลักมีเกณฑ์แล้วสบาย ใจไม่วุ่นวายไปกับใครทั้งนั้น เราอยู่ในโลกที่มีขึ้นมีลง เราไปยึดไปติดกับของที่ขึ้นๆลงๆใจเราก็เลยขึ้นๆลงๆ ไปกับเหตุการณ์ต่างๆ เวลาได้ยินสรรเสริญก็ดีใจ ถึงแม้ว่าเป็นข่าวไม่จริงแต่ถ้ามันดี ถูกใจเราก็ยังชอบเลยใช่ไหม ถ้าเป็นข่าวลือที่เป็นจริงแต่ที่เราไม่ชอบ เราก็ทุกข์แล้ว ถึงสอนให้มาฝึกหัดทำใจให้สงบกัน ไม่ยากหรอกขอให้เราทำกันเถิด ง่ายจะตายมันจะยากตรงไหน ไปเที่ยวมันยากกว่าตั้งเยอะ ไปเที่ยวนี้ต้องหาเงิน หาเพื่อน หาอะไรอีก หาที่เที่ยว นั่งเฉยๆอยู่กับบ้าน นั่งหลับตาพุทโธๆไปแค่นี้มันยากตรงไหน หลุดก็ทำมันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ไม่หลุดเอง ใหม่ๆมันก็อย่างนี้เหมือนกับเราหัดเล่นดนตรีใหม่ๆ เล่นไม่เป็น ก็ต้องหัดเล่นไปเรื่อยๆ เล่นเปียนโนก็หัดเล่นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไม่นานมันก็ชำนาญเอง เหมือนกับพิมพ์ดีด หัดพิมพ์ดีด ตอนต้นก็จิ้มไปทีละนิ้วสองนิ้วก่อนต่อไปมันก็ได้เอง ใจเพิ่มเริ่มเข้าหลักเข้าเกณฑ์เริ่มรู้ว่าวิธีการกระทำ ทำอย่างไร มันก็เริ่มถนัด พอมันถนัดแล้วมันก็ง่ายแล้ว ใหม่ๆมันก็เหมือนกับเราเคยใช้มือขวา แล้วต้องมาหัดใช้มือซ้ายนี้ มันยากไหมละ เราเคยถนัดมือขวา สมมุติมือขวาเราเสียนี้ต้องใช้มือซ้าย จะต้องทำอย่างไร ยากก็ต้องทำใช่ไหม แล้วทำไปเรื่อยๆ ต่อไปมันก็ง่ายเอง คนบางคนไม่มีมือ ใช้เท้าวาดเขียนสวยกว่าคนใช้มือวาดอีก มันไม่อยู่เท้าแต่มันอยู่ที่ใจ ใจเป็นผู้สั่งให้วาดเข้าใจไหม ถ้าเขามีวิธีเขารู้จักวิธีวาดจะใช้มือขวาก็ได้ มือซ้ายก็ได้ ใช้เท้าก็ได้ เพราะร่างกายเป็นเพียงเครื่องมือของใจเท่านั้นเอง

การนั่งเฉยๆ ก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำกัน ใจเราชอบวุ่นไป ชอบทำโน่นทำนี่ อยู่ไม่เป็นสุขไง อยู่เฉยๆไม่ได้ อยู่เฉยๆแล้วมันทุกข์ เพราะว่าไม่รู้จักวิธีทำให้มันเฉย ถ้าทำให้มันเฉยได้ต่อไปมันไม่อยากจะทำอะไร อยู่เฉยๆ มันสบายจะตายไป วันๆหนึ่งเราไม่ได้ทำอะไรเลย เชื่อไหม เช้าเราก็ไปหาข้าวกินแค่นั้น เสร็จแล้วก็กลับมาพักผ่อนหลับนอน บ่ายก็มาคุยกับญาติโยมหน่อย ก็ทำอย่างนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้วนี่ ก็ไม่เห็นเดือดร้อนกับอะไร สบายจะตายไป


สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๘
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน