[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 04 มีนาคม 2563 15:16:53



หัวข้อ: ไม่มีอะไรในโลกนี้จะวิเศษเท่ากับธรรมะของพระพุทธเจ้า พอจ.สุชาติ อภิชาโต
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 04 มีนาคม 2563 15:16:53

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/53456837187210_88125269_2760395233998410_5096.jpg)

ไม่มีอะไรในโลกนี้จะวิเศษเท่ากับธรรมของพระพุทธเจ้า

ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะวิเศษที่จะประเสริฐเท่ากับพระธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถจะทำได้เหมือนพระธรรมของพระพุทธเจ้า พระธรรมของพระพุทธเจ้าทำอะไรที่สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ทำไม่ได้เพื่อป้องกันความทุกข์ไม่ให้เกิดขึ้นภายในใจ ถ้ามีความทุกข์เกิดขึ้นก็สามารถดับได้ทันที ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถจะทำได้เหมือนพระธรรมของพระพุทธเจ้า ต่อให้มีเงินร้อยล้านแสนล้านหมื่นล้านก็ไม่สามารถป้องกันความทุกข์ใจไม่ให้เกิดขึ้นได้ งั้นเวลาเกิดความทุกข์ใจเงินทองที่เป็นหมื่นล้านแสนล้านก็ไม่สามารถดับความทุกข์ใจให้หายไปได้ทันที นี่คือสิ่งที่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะทำให้ผู้ที่มีพระธรรมอยู่ในใจของตนจะป้องกันความทุกข์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ที่เกิดจากการประสบกับสิ่งที่ไม่ปรารถนา ความทุกข์ที่เกิดจากการสูญเสียสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบไป ความทุกข์ที่เกิดจากความแก่ก็ดีความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดีความตายก็ดี ความทุกข์ต่างๆ เหล่านี้จะไม่มีในใจของผู้มีธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรในโลกนี้สามารถทำหน้าที่ของธรรมได้ เงินทองหมื่นล้านแสนล้านก็ป้องกันความทุกข์ดับความทุกข์ไม่ได้ เป็นพระราชามหากษัตริย์ ประธานาธิบดี เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นอะไรต่างๆ ที่มีกันที่เป็นกันในโลกนี้ก็ไม่พ้นที่จะต้องร้องห่มร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ เวลาเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบก็ทุกข์ เวลาเสียสิ่งที่ชอบไปก็ทุกข์ เวลาเจอความแก่ก็ทุกข์ เวลาเจอความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ทุกข์ เวลาเจอความตายก็ทุกข์

นี่คือไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะดีไปกว่าธรรมะของพระพุทธเจ้า มีธรรมแล้วจะอยู่เหนือความทุกข์ทุกรูปแบบ ไม่มีความทุกข์รูปแบบไหนที่จะสามารถเข้ามาสู่ใจได้ พระธรรมนี้เปรียบเหมือนกับเกราะ สมัยนี้เขามีเสื้อเกราะให้บรรดาผู้ที่มีความสำคัญไว้สวมใส่ เพราะคนที่มีความสำคัญมีความใหญ่โตมักจะถูกปองร้ายก็เลยให้ใส่เสื้อเกราะไว้ เวลาใครยิงเข้าลูกกระสุนก็ไม่สามารถผ่านเสื้อเกราะเข้าไปแตะต้องร่างกายได้ พระธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นเหมือนเสื้อเกราะ จะคุ้มครองจิตใจไม่ให้ความทุกข์ต่างๆ ที่พวกเรากำลังมีอยู่ในขณะนี้ให้เกิดขึ้นในใจของเราได้ ตอนนี้พวกเราไม่มีเสื้อเกราะกัน พอโดนกระสุนนัดเดียวก็ทะลุเข้าไปเลย เข้าไปในร่างกาย แต่ถ้ามีเสื้อเกราะเอาไว้ใส่กระสุนจะไม่มีทางเข้าไปแตะต้องร่างกายได้ นี่แหละคือธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะป้องกันความทุกข์ต่างๆ ได้ งั้นพวกเราผู้ที่ไม่ต้องการความทุกข์กัน เราไปหาสิ่งต่างๆ มาทำไม มาแล้วก็ไม่สามารถทำหน้าที่ที่เราต้องการให้มันทำได้ มีใครอยากทุกข์บ้าง มีใครอยากพ้นทุกข์บ้าง มีใครไม่ต้องการความทุกข์บ้าง พวกเราทุกคนนี้ไม่มีใครอยากจะทุกข์กัน แต่ทำไมพวกเราไม่หาธรรมะมาคุ้มครองจิตใจ ทำไมไม่ไปหาเสื้อเกราะมาใส่กัน ไปหาเครื่องรางของขลังทำไม เครื่องรางของขลังนี่สู้เสื้อเกราะไม่ได้นะ ไม่เชื่อลองเอาปืนเอามีดไปแทงเสื้อเกราะดูซิ แทงไม่เข้านะ แต่พวกที่มีพระเครื่องรางของขลังนี่ตายกันมาเยอะ ไปดูคนตายซิมีห้อยพระเต็มคอเลย

นี่ทำไมไม่เอาของจริง ของที่ป้องกันภัยได้จริงๆ ป้องกันความทุกข์ได้ กลับไปเอาของที่ป้องกันความทุกข์ไม่ได้แทน พวกเราคิดว่าถ้าร่ำรวยแล้วจะไม่มีความทุกข์ใช่ไหม จะมีแต่ความสุขอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อได้ อยากจะไปไหนไปได้ แล้วเป็นยังไงความทุกข์มันตามไปหรือเปล่า เราไปไหนมันตามเราไปได้ทุกหนทุกแห่ง เราซื้ออะไรมามากน้อยเพียงไร มันก็ยังตามเรามาได้อยู่ เงินทองนี่ไม่สามารถทำให้เราพ้นทุกข์ได้ แล้วเราไปหาเงินทองกันทำไม เงินทองมันก็ช่วยให้ร่างกายพ้นทุกข์ได้ ร่างกายนี้ต้องการเงินทอง ร่างกายต้องมีเงินซื้ออาหาร ซื้อเครื่องนุ่งห่ม ซื้อที่อยู่อาศัย ซื้อยารักษาโรคมารักษาเวลาร่างกายขาดแคลนปัจจัย ๔ ร่างกายก็จะทุกข์ขึ้นมา แต่พอได้บรรเทาด้วยปัจจัย ๔ ความทุกข์ของร่างกายก็หายไป เงินทองทำหน้าที่นี้ได้ถ้าเรื่องกำจัดความทุกข์ทางร่างกายนี้ ทำได้ ทำให้ร่างกายหายทุกข์ได้ หายทุกข์ยากลำบากได้ แต่ไม่สามารถมาทำจิตใจให้หายจากความทุกข์ยากลำบาก จิตใจก็ยังทุกข์เหมือนเดิม ตอนที่ไม่มีเงินทองก็ทุกข์ พอมีเงินแล้วมันก็ทุกข์เหมือนเดิม ทุกข์กับเรื่องเก่านี่แหละ ทุกข์กับเรื่องกับการเจอสิ่งที่เราไม่ชอบ พอเจอใครเขาด่าหน่อยนี่เป็นยังไง ต่อให้รวยขนาดไหนก็ตาม ต่อให้เป็นใหญ่ขนาดไหนก็ตาม พอเจอคนด่าเข้าทีนี้ความทุกข์ก็มาทันทีเลย ความจริงคนยิ่งรวยมันยิ่งต้องหนานะต้องผิวหนานะ มันจะได้ไม่ทุกข์ไง เวลาใครด่าก็จะไม่ทุกข์ แต่ยิ่งรวยผิวกลับยิ่งบางลงใช่ไหม อะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้ คนจนนี่ยังมีความหนาบ้าง ใครด่าก็ “เอา กูเป็นคนจนก็ต้องทนให้เขาด่าไป” เช่น ไปทำงานไปเป็นลูกจ้างเขา โดนเจ้านายมีเงินทองจ้างด่าเรา เราก็ “เอา ต้องทนเอา” เรายังไม่ทุกข์ แต่ถ้าลูกจ้างไปด่าเจ้านายเข้าสิ โอ๊ย เจ้านายนี่เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที แทนที่มีเงินแล้วจะทำให้มีผิวหนาขึ้นเพื่อป้องกันความทุกข์ มันกลับบางลงใช่ไหม ใครพูดอะไรนิดใครพูดอะไรหน่อยนี่ โอ้โฮ ทุกข์ขึ้นมาทันที ปรี๊ดขึ้นมาทันที

แต่ถ้าเป็นคนยากคนจนนะ “ก็ต้องทนละวะ” เป็นลูกจ้างเขาล่ะ เจ้านายจะด่าก็ต้องปล่อยเขาด่าไป มีหน้าที่ “ครับผม ครับผม” อย่างเดียว “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ” ด่าจะว่ายังไงล่ะ นี่แหละคนจนกลับมีภูมิต้านทานความทุกข์มากกว่าคนรวย งั้นสรุปก็คือเงินทองไม่ได้เป็นตัวที่จะมาช่วยกำจัดความทุกข์ แต่กลับทำให้รับความทุกข์ได้ง่ายขึ้นได้มากขึ้น ใครพูดอะไรนิดใครพูดอะไรหน่อยทุกข์ขึ้นมาทันที แต่คนที่ยากจนนี้จะถูกด่าหมาเอย ควายเอยก็ยังเฉยได้ เพราะเป็นลูกน้องยอมให้เขาด่า นี่แหละนี่คือการพิสูจน์ให้เห็นว่าการมีเงินทองไม่ได้ทำให้ความทุกข์น้อยลงนะ กลับจะทำให้มีความทุกข์มากขึ้นเสียอีก เพราะผิวมันบางขึ้นไป ผิวมันบาง พออะไรมากระทบหน่อยนี่มันทะลุเข้าไปในใจเลย แต่คนไม่มีเงินนี่ต้องผิวหนาหน่อยต้องด้านต้องทน ต้องอดต้องทน ใครเขาจะว่าหน้าด้านก็ “ครับผม” ขอให้มีข้าวกินก็แล้วกัน ใช่ไหม คนเราเวลาอดอยากขาดแคลนนี่เขาจะด่าเราเป็นวัวเป็นควาย จะว่าเราหน้าด้านก็ว่าไปเถิด ขอให้มีข้าวกินก็แล้วกัน แต่คนรวยนี้ไม่ได้นะ ใครมาพูดว่าเป็นวัวเป็นควายขึ้นมานี่ โอ้โฮ กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาทันที งั้นพิสูจน์ได้ว่าเงินทองนี้ไม่ใช่เป็นเครื่องมือดับความทุกข์ใจ แต่กลับเป็นเครื่องที่จะทำให้ความทุกข์ใจมีมากขึ้นแรงขึ้น ไม่ได้ต้านความทุกข์ สู้คนจนไม่ได้ คนจนนี่มีแรงต้านความทุกข์มากกว่าคนรวย คนใหญ่ก็เหมือนกัน คนใหญ่คนโตนี้แรงต้านความทุกข์นี่จะน้อย ส่วนคนเป็นลูกน้องนี่ แรงต้านความทุกข์นี่จะมีมาก วันหนึ่งไม่รู้โดนด่ากี่ครั้ง เดี๋ยวเจ้านายด่า เดี๋ยวลูกเจ้านายด่า เดี๋ยวเมียเจ้านายด่า รับฟังได้หมด แต่ถ้าเป็นเจ้านายนี่ โอ้โฮ ใครมาด่าหน่อยสิ ใครมาพูด ไม่ต้องด่าหรอก เพียงแต่มาพูดไม่ถูกใจเท่านั้นเองก็ทุกข์ขึ้นมาแล้ว

นี่แหละขอให้เรารู้ไว้ว่าถ้าเราอยากจะกำจัดความทุกข์ อย่าไปหวังพึ่งเงินทองมากำจัดความทุกข์ทางใจ เงินทองกำจัดความทุกข์ทางร่างกายได้ อันนี้ยอมรับ ความเป็นใหญ่เป็นโตนี้กำจัดความทุกข์ทางร่างกายได้ มีอะไรสั่งลูกน้องได้ “เฮ้ย จัดการให้หน่อย” ถ้าเป็นเรื่องของทางร่างกาย เขาทำได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องทางจิตใจนี้ทำไม่ได้ จะเป็นใหญ่เป็นโต ยิ่งใหญ่ยิ่งโตยิ่งทุกข์ง่ายยิ่งทุกข์มาก เพราะความอดทนจะมีน้อยลงไป ความอดทนอดกลั้นจะมีน้อย เพราะหลงกับความยิ่งใหญ่ของตนเอง หลงกับความร่ำรวยของตนเองคิดว่ามีอำนาจที่จะสามารถเนรมิตอะไรต่างๆ ขึ้นมาได้ แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่สามารถเนรมิตได้ก็คือการทำใจให้ไม่ทุกข์ เวลาใจทุกข์นี่ ต่อให้เอาเงินฟาดเข้าไปกี่ล้านมันก็ไม่ดับทุกข์ ต่อให้เป็นใหญ่เป็นโตขนาดไหน เกิดความทุกข์ขึ้นมาในใจก็กำจัดมันไม่ได้ด้วยความยิ่งใหญ่ แต่ถ้ามีธรรมภายในใจนี้ พอเกิดขึ้นมาปุ๊บดับปั๊บทันทีเลย ถ้าได้ฝึกฝนอบรมให้รู้จักใช้ธรรมมาเป็นเครื่องดับความทุกข์ต่างๆ นี่คือธรรมะถึงแม้จะวิเศษขนาดไหน แต่ถ้าเรายังไม่ได้มาหัดใช้ธรรมะก็ยังไม่มีคุณประโยชน์กับเรา เหมือนอาวุธ ปืน มีด อะไรต่างๆ ถ้าเราไม่มาหัดใช้มาหัดซ้อมยิงก่อน พอถึงเวลาจะยิงๆ ไม่เข้าเป้านะ ต้องซ้อม เห็นไม๊ทำไมเขาถึงมีสนามฝึกซ้อมยิงปืนกัน เพราะว่าของพวกนี้มันต้องฝึกฝนอบรมถึงจะใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ถ้าเราไปซื้อปืนมาปั๊บแล้วเอาไปใช้เลยนี่ยิงไม่เข้าเป้า ดีไม่ดีกลับยิงตัวเองก็ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนกัน ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอาวุธที่จะมาทำลายความทุกข์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใจของพวกเราให้หมดสิ้นไป แต่ถ้าเราไม่มาฝึกใช้ธรรมะเราจะไม่สามารถที่จะกำจัดความทุกข์ต่างๆ ให้หมดไปจากใจของเราได้ ดังนั้น เราต้องมาฝึกใช้ธรรมะกัน



สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน