[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 13 มีนาคม 2563 09:35:02



หัวข้อ: ทำไมใจจึงต้องไปเกิดใหม่ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 13 มีนาคม 2563 09:35:02

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/83291666251089_74290606_2485921004779169_1373.jpg)

ทำไมใจจึงต้องไปเกิดใหม่

เพราะใจยังมีความอยากหาความสุขผ่านทางร่างกายนั่นเอง เวลามีร่างกายก็สามารถสั่งให้ร่างกายไปหาความสุขต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ได้ อยากจะมีความสุขจากการไปเที่ยวก็สั่งให้ร่างกายไปเที่ยว อยากจะมีความสุขจากการดื่มจากการรับประทานก็สั่งให้ไปดื่มไปรับประทาน อยากจะมีความสุขจากการดูการฟัง ดูภาพยนตร์ดูละคร อยากจะมีความสุขจากการฟังเสียงเพลงชนิดต่างๆ ก็สั่งให้ร่างกายไปดูภาพยนตร์ไปฟังเพลงกัน อยากจะมีความสุขกับคนนั้นคนนี้ก็ต้องมีร่างกาย มีร่างกายพาไปหาคนนั้นคนนี้ที่ใจอยากจะอยู่ใกล้ชิด อยากจะมีความสุขกับคนนั้นคนนี้ ก็ต้องมีร่างกายถึงจะสามารถทำตามความอยากต่างๆ ที่มีอยู่ภายในใจนี้ได้ ใจจึงต้องพึ่งร่างกายต้องอาศัยร่างกายเป็นเครื่องมือ เหมือนกับผู้ที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนจำเป็นจะต้องอาศัยรถยนต์เป็นเครื่องมือพาไป จะมาที่นี่ได้ก็ต้องมีรถยนต์พามา แต่ถ้าไม่ต้องการจะมาที่นี่ก็ไม่ต้องมีรถยนต์พามา ใจจะเกิดก็ได้ไม่เกิดก็ได้ แต่ตอนนี้ใจเกิดกันเพราะใจมีความอยากหาความสุขผ่านทางร่างกาย พอร่างกายนี้ตายไปใจก็จะไปหาร่างกายอันใหม่ เพื่อที่จะได้ดำเนินหาความสุขต่อไปใหม่นั่นเอง เหมือนกับผู้ที่ใช้รถยนต์เพราะว่าต้องเดินทางไปไหนมาไหนเพราะอยากจะไปนั่นไปนี่ ก็ต้องมีรถยนต์เป็นพาหนะพาไป ถ้าเวลารถยนต์เสียหรือพังไป ก็ต้องไปหาซื้อรถยนต์คันใหม่เพราะว่าการอยากจะเดินทางไปไหนมาไหนยังมีอยู่ภายในใจ ก็จะต้องเปลี่ยนรถยนต์ไปเรื่อยๆ รถยนต์คันนี้พังก็เปลี่ยนรถใหม่เพราะผู้ใช้รถยนต์นี้ยังมีความต้องการที่จะไปไหนมาไหนอยู่นั่นเอง แต่ถ้าผู้ใช้รถยนต์นี้ไม่มีความต้องการจะไปไหนมาไหนแล้ว รถยนต์ก็จะหมดความสำคัญไป ถ้าไม่ต้องการไปไหนมาไหน มีรถยนต์ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีก็จอดทิ้งไว้เฉยๆ ทำให้เป็นภาระไปเปล่าๆ

ฉันใด ใจของผู้ไม่มาเกิดใหม่ก็คือใจของผู้ไม่มีความอยากหาความสุขผ่านทางร่างกายอีกต่อไป ทำไมจึงมีใจที่ไม่อยากมาเกิดมาอาศัยร่างกายเป็นเครื่องมือหาความสุข ก็เพราะว่าเป็นใจที่คิดเป็น เป็นใจที่เห็นโทษของการมีร่างกายว่าการมีร่างกายถึงแม้ว่าจะใช้ร่างกายพาไปหาความสุขชนิดต่างๆ ได้ แต่ร่างกายมันก็มีพิษมีภัยในตัวของมันเอง ร่างกายเป็นเหมือนกับลูกระเบิด ระเบิดเวลาที่มันจะระเบิดใส่ผู้ที่ไปครอบครองมัน ระเบิดของร่างกายก็คือความแก่ ความเจ็บ ความตายนี่เอง ไม่ว่าใครก็ตามพอได้ร่างกายมาแล้วเดี๋ยวก็ต้องเจอลูกระเบิดที่จะระเบิดขึ้นในร่างกายนี้ เวลาร่างกายแก่นี้เป็นอย่างไร สุขหรือทุกข์ เวลาร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอย่างไร เวลาร่างกายตายเป็นอย่างไร ก็เป็นทุกข์นั่นเอง ผู้ที่คิดเป็นก็จะเห็นโทษของการมีร่างกาย ถึงแม้ร่างกายจะมีคุณมีประโยชน์ต่อจิตใจ คือสามารถพาจิตใจไปหาความสุขชนิดต่างๆ ทางตาหูจมูกลิ้นกายได้ แต่ในขณะเดียวกันร่างกายก็มีโทษอันยิ่งใหญ่ที่เป็นโทษมากกว่าเป็นสุข ก็คือความแก่ความเจ็บความตายนี่เอง หรือการพลัดพรากจากสิ่งต่างๆ จากบุคคลต่างๆ ไป เวลานั้นเราจะเห็นใจร้องห่มร้องไห้เศร้าโศกเสียใจกัน เวลาที่เขาต้องเจอกับการสูญเสียสิ่งที่เขารักไป บุคคลที่เขารักไป หรือเขาต้องเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเขาต้องตายไป ตอนนั้นเราจะเห็นความทุกข์ของใจอย่างชัดเจน นี่พวกที่เห็นความทุกข์ของร่างกายและไม่ต้องการที่จะต้องกลับมาเจอความทุกข์แบบนี้ ก็ต้องหยุดความอยากใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหาความสุข ด้วยการไปหาความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง

ความสุขนี้มีอยู่ ๒ รูปแบบในโลกนี้ แต่พวกเราส่วนใหญ่จะรู้จักความสุขรูปแบบเดียว คือความสุขผ่านทางร่างกาย เวลาเราอยากจะมีความสุขเราก็ใช้ร่างกายพาไปหาความสุขกัน ถ้าเราสุขด้วยการดูเราก็ไปหาอะไรดูกัน ถ้าเราสุขด้วยการฟังเราก็ไปหาอะไรฟัง ถ้าเราสุขด้วยการดื่มด้วยการรับประทาน เราก็ไปหาอะไรดื่มหาอะไรรับประทานกัน เราต้องใช้ร่างกาย ตราบใดที่เราต้องใช้ร่างกายเราก็ต้องเจอความแก่ของร่างกาย เจอความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย และเจอความตายของร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะเจอกัน แต่ก็ไม่มีใครห้ามได้ พอมีร่างกายแล้วเดี๋ยวมันก็ต้องเจอกันทุกคน เจอความแก่เจอความเจ็บเจอความตายกัน ผู้ที่จะไม่ต้องการเจอความแก่เจอความเจ็บเจอความตาย ก็ต้องเลิกมาเกิดเลิกมามีร่างกายนั่นเอง และการจะเลิกมีร่างกายได้ก็ต้องมีการหาความสุขในรูปแบบใหม่ ในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือ ความสุขในโลกนี้ที่ได้พูดไว้มี ๒ รูปแบบ ความสุขที่หาผ่านทางร่างกาย และความสุขที่ไม่ต้องหาผ่านทางร่างกาย ความสุขที่หาได้โดยตรงของใจเอง หาได้ด้วยใจ ใจไม่ต้องใช้ร่างกายหาความสุข ก็มีความสุขอีกแบบหนึ่งที่ใจสามารถจะหาได้ ความสุขแบบนี้ดีกว่าความสุขแบบที่ต้องใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือ เพราะความสุขแบบนี้จะไม่เจอความแก่ จะไม่เจอความเจ็บ จะไม่เจอความตาย เพราะใจนี้เป็นสิ่งที่ไม่เกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย ใจเป็นสิ่งที่มีอยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันหายไปไม่มีวันหมดไป ถ้าสามารถหาความสุขจากใจได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาความสุขจากทางร่างกายอีกต่อไป เมื่อมีความสุขภายในใจไม่ต้องหาความสุขทางร่างกาย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปมีร่างกายอีกต่อไป พอร่างกายอันนี้ตายไป ผู้ที่มีความสุขภายในใจก็ไม่ต้องไปหาร่างกายอันใหม่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหาความสุขต่อไป เมื่อไม่ใช้ร่างกายก็ไม่ต้องไปเกิด ไม่ต้องไปมีร่างกายอันใหม่ เมื่อไม่มีร่างกายอันใหม่ก็ไม่ต้องมาทุกข์กับร่างกายอันใหม่


ธรรมะบนเขา
วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน