[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 09 มิถุนายน 2563 18:54:27



หัวข้อ: อาหารเป็นพิษ อันตรายถึงชีวิตคิดก่อนกิน
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 09 มิถุนายน 2563 18:54:27



“อาหารเป็นพิษ” ถ้าไม่ระวังการกิน อาจอันตรายถึงชีวิตได้


  (https://s.isanook.com/he/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hlLzAvdWQvNC8yMzE0NS9jb250YW1pbmF0ZWQtZm9vZC5qcGc=.jpg)




อาการ “อาหารเป็นพิษ”
“อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning)” เป็นอาการเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อราก็ได้
เมื่อกินอาหารที่ปนเปื้อนนั้นเข้าไปแล้ว ร่างกายจะแสดงอาการหลังจากที่กินอาหารเข้าไปแล้วภายใน 1-2 วัน หากมีการปนเปื้อนมาก
หรือเป็นเชื้อจุลินทรีย์สายพันธุ์ก่อโรครุนแรง ก็จะเร่งให้แสดงอาการได้เร็วขึ้น โดยอาการอาหารเป็นพิษมักจะเกิดในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน
เนื่องจากความชื้นและอุณหภูมิอบอุ่นที่พอเหมาะ เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

เชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ มีทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส เช่น

 - ซัลโมเนลลา (salmonella) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรง หากในอาหารมีจำนวนแบคทีเรียชนิดนี้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้
แบคทีเรียชนิดนี้เติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 8-45 องศาเซลเซียส และในอาหารที่มีค่าความเป็นกรดด่างระหว่าง 4-9 มักพบในอาหารดิบ
หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อีกทั้งยังพบได้ในน้ำนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อหรือฆ่าเชื้ออย่างไม่มีประสิทธิภาพ
และพบในผักบางชนิด

 - อีโคไล (E.coli) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในระบบทางเดินอาหารของคนและสัตว์ ซึ่งสายพันธุ์ของเชื้อที่พบในร่างกายจะไม่มีอันตราย
และไม่ก่อให้เกิดโรค แต่หากเป็นเชื้ออีโคไลที่พบปะปนมากับอุจจาระหรือเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก เมื่อกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนก็จะเกิดอาการท้องร่วง
อย่างไรก็ตาม อีโคไลเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 7-50 องศาเซลเซียส และถูกทำลายที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป
จึงเป็นเชื้อที่พบได้ง่ายในการปนเปื้อน

 - โนโรไวรัส (norovirus) เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านทางการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนมาจากอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ป่วย เป็นเชื้อก่อโรค
ที่ทนทั้งความร้อนและกรด ที่สำคัญ ยังเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิต่ำด้วย เชื้อชนิดนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และการรักษาที่เฉพาะ เมื่อได้รับเชื้อ
อาการแทรกซ้อนที่สำคัญคือ การขาดน้ำ การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการด้วยการชดเชยน้ำ ซึ่งอาจทำได้โดยการกินหรือการให้
ทางหลอดเลือดดำ

 - ไรโซปัส สโตโลนิเฟอร์ (Rhizopus stolonifer) เป็นเชื้อราสีดำที่มีลักษณะเป็นจุดดำอ่อนนุ่ม มักพบตามขนมปังที่ขึ้นรา ถั่ว และพืชผักที่เป็นหัว
เติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส หากมีความชื้นสูงก็จะเติบโตได้เร็ว เมื่อบริโภคอาหารที่มีเชื้อราชนิดนี้เข้าไป
เชื้อราจะสร้างสารพิษที่มีผลต่อสุขภาพ อาจจะแสดงอาการได้ในทันที หรือเก็บสะสมเป็นสารพิษในร่างกาย








หัวข้อ: Re: อาหารเป็นพิษ อันตรายถึงชีวิตคิดก่อนกิน
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 09 มิถุนายน 2563 18:57:09


สาเหตุของอาการอาหารเป็นพิษ

มักเกิดขึ้นจากการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ กินอาหารที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือการวางอาหารไว้ในสภาพแวดล้อม
ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น ในตู้เย็นที่ตั้งอุณหภูมิไว้สูงกว่า 5 องศาเซลเซียส หรือการไม่เก็บอาหารเข้าตู้เย็น หรือมาจากการปนเปื้อน
โดยการสัมผัสอาหารของผู้ป่วยและอาหารที่ปรุงสุกสัมผัสกับอาหารดิบ เป็นต้น




อาการและภาวะแทรกซ้อน

อาการที่เกิดขึ้น คือ ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวคืออาการแทรกซ้อน คือ ภาวะร่างกายขาดน้ำ
เนื่องจากในร่างกายของคนปกติที่ร่างกายแข็งแรง จะประกอบด้วยน้ำประมาณ 60-65 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเลือดที่ไหลเวียน
ไปเลี้ยงทุกอวัยวะในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เช่น ปอดมีน้ำอยู่เกือบ 90% สมองมีน้ำอยู่ถึง 75%
น้ำช่วยรักษาสมดุลให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ และน้ำในร่างกายยังต้องสมดุลไปกับสภาวะเกลือแร่ด้วย

เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ไต สมอง ทางเดินอาหาร กล้ามเนื้อ จะทำงานผิดปกติ
เพราะการท้องเสียทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก ซึ่งหากยังไม่ได้รับการรักษา ร่างกายก็จะขาดน้ำมากขึ้นจนกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด
ชีพจรเต้นเบาเร็ว ความดันเลือดต่ำ ความรุนแรงจะส่งผลให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว โดยเฉพาะ ไตวายเฉียบพลัน เกิดภาวะช็อก
หมดสติ และทำให้ถึงแก่ชีวิต




การรักษาและการป้องกัน

โดยปกติ เมื่อร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้แล้ว ก็จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน โดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ ซึ่งก็จะดูแลกันไปตามอาการ คือ
ให้ดื่มน้ำสะอาดมากๆ พักผ่อนให้มาก เลือกกินเฉพาะอาหารอ่อน ๆ แต่ต้องคอยสังเกตอาการจนกว่าจะหายดี เพราะหากอาการไม่ดีขึ้นและทรุดลง
หรือมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง เช่น มึนงง หัวใจเต้นเร็วและแรง ชีพจรเต้นอ่อน ตาพร่ามัว หน้ามืด ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลย
ต้องรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

ส่วนวิธีป้องกันอาการอาหารเป็นพิษที่ดีสุด คือ สุก ร้อน สะอาด ล้างมือ นอกจากนี้สำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษ (FSA) ได้แนะนำ 4C
เพื่อการกินอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และห่างไกลจากอาหารเป็นพิษ คือ

 - ความสะอาด (Cleaning)
 - การเตรียมและปรุงอาหาร (Cooking)
 - การเก็บรักษาและแช่แข็งอาหาร (Chilling)
 - หลีกเลี่ยงและป้องกันการปนเปื้อนระหว่างของสด (Cross-contamination)

นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่หมดอายุ ปฏิบัติตามคำแนะนำในการเก็บรักษาอาหารบนฉลากอย่างเคร่งครัด กินอาหารที่ปรุงสุก สด ใหม่
และล้างมือบ่อยๆ ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากอาหารเป็นพิษได้แล้ว





ขอขอบคุณ
ภาพ: iStock
เรื่อง: Sanook.com