(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/36411105924182_2.1_320x200_.jpg)
พระเจ้าทันใจ หรือ หลวงพ่อทันใจ ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุดอยคำ ตามประวัติสร้างขึ้นในรัชสมัยพญากือนา หรือพญาธรรมิกราช พระมหากษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.๑๘๙๘-๑๙๒๘ หลวงพ่อทันใจแห่งวัดพระธาตุดอยคำ มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ที่มีผู้เดินทางมาขอพร บนบาน แล้วประสบความสำเร็จ และได้เดินทางกลับมาถวายดอกมะลิ เพื่อแก้บน. "หลวงพ่อทันใจ" ท่านให้โชคลาภและมีญาณวิเศษที่ให้ผู้คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งอัมพฤกษ์หรืออัมพาตหายขาดมาได้ รวมถึงผู้คนที่นิยมเสี่ยงดวงกับกับการซื้อหวย โชคดีกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ
วิธีบนขอพรจาก “หลวงพ่อทันใจ” การอธิษฐาน จะต้องใช้ดอกมะลิสด ๕๐ พวงขึ้นไป (จะมากว่านั้นก็ได้เป็นร้อยพวกก็เคยมีคนทำมาแล้ว) และสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการให้อธิษฐานขอพร คือ ขอได้เพียง “อย่างเดียวเท่านั้น” ท่านถึงจะให้พรได้สมใจหวังซึ่งปัจจุบันผู้คนที่มา อธิฐานและขอพรหรือบนบานศาลกล่าว พอได้โชคลาภโชคดีดังที่ขอ ก็จะนำดอกมะลิมากราบไหว้ ซึ่งแต่ละวันจะมีคนนำดอกมะลิมากราบ ไหว้ไม่น้อยกว่าหลายร้อยหลายพันพวงเลยทีเดียว |
คำบูชาหลวงพ่อทันใจ
ตั้งนะโม 3 จบ
โอมนะโม พุทธายะ ยะอะสะ สุมัง จะปาคะ(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/72613067262702_6_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/35219461636410_4_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/25400693549050_5_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/82559857434696_5_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/15090744238760_7_320x200_.jpg)
อนุสาวรีย์สุเทวฤาษีมีเรื่องเล่าว่าในอดีตบรมกาล ก่อนตั้งเมืองเชียงใหม่ “นพบุรีศรีนครพิงค์” มีเมืองหนึ่งเรียกว่า “ระมิงค์นคร” หรือ “บุพพนคร” ตั้งอยู่เชิงเขาดอยสุเทพ และดอยคำ เป็นเมืองของคนเผ่าลั๊วะ ในป่าทางด้านทิศตะวันออกของเมืองระมิงค์นคร มียักษ์สองสามี-ภรรยา และบุตร ๑ ตน อาศัยอยู่ ยักษ์สองสามี ภรรยา ชื่อ “ปู่แสะ–ย่าแสะ” ยักษ์ปู่แสะย่าแสะและบุตร คอยจับมนุษย์และสัตว์น้อยใหญ่กินเป็นอาหารเป็นประจำ ในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกพร้อมด้วยพระสาวกมาถึงเมืองระมิงค์นครครแห่งนี้ เจ้าเมืองระมิงค์นครได้ทูลร้องทุกข์กับพระบรมศาสดาว่าราษฎรในเมืองได้รับ ความเดือดร้อนลำบากอย่างหนัก เนืองจากถูกยักษ์ทั้ง ๓ ตน จับคนกินเป็นอาหารเป็นประจำ จนทำให้เมืองระมิงค์นครแทบจะเป็นเมืองร้างผู้คน ขอให้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนด้วยเถิด พระพุทธองค์จึงเสด็จพร้อมพระสาวก มาถึงบริเวณเชิงดอยคำ ยักษ์ทั้ง ๓ ตน ได้เห็นพระพุทธเจ้าก็จะจับกิน พระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาจนยักษ์ทั้งสามเกรงในพระบารมี ก้มกราบเบื้องบาทองค์พระศาสดา พระพุทธองค์ทรง เทศนาโปรดยักษ์ทั้งสามตน ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล เจริญภาวนา ดูแลรักษาป่า ส่วนยักษ์ผู้เป็นลูกได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส กราบทูล ขอบวชในพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากเป็นยักษ์ ไม่สามารถบวชเป็นพระได้ พระพุทธเจ้าอนุญาตให้บวชเป็น “ฤๅษี” เท่านั้น เมื่อบวชแล้วมีชื่อว่า สุเทวฤๅษี หรือวาสุเทวฤๅษี |
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/23728382835785_8_320x200_.jpg)
อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี จากตำนานท้องถิ่นในภาคเหนือเกือบทุกเล่มกล่าวตรงกันว่า ในปี พ.ศ.๑๑๖๖ ท่านสุเทวฤๅษีซึ่งยังอยู่ปฏิบัติบำเพ็ญพรตอยู่หลังดอยสุเทพ วันหนึ่งท่านได้ลงมาเก็บอัฐิของบิดามารดา(ปู่แสะ-ย่าแสะ) ที่บริเวณป่าพะยอม(ปัจจุบันคือตลาดพะยอม) และท่านได้มาพักผ่อนอยู่ที่เชิงดอยคำ ทันใดนั้น ท่านได้เห็นพญาเหยี่ยวกำลังขยุ้มทารกน้อยวัยประมาณ ๓ เดือน โฉบผ่านมาพอดี ท่านจึงได้ตวาดใส่เหยี่ยวตัวนั้นทันที เหยี่ยวตกใจ จึงปล่อยทารกน้อยล่องลอยตกลงมายังพื้นดิน เดชะบุญตรงนั้นเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ใกล้เชิงดอยคำ เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่ดอกบัวใหญ่ใน สระน้ำได้อ้ากลีบรับทารกน้อยนั้นไว้ไม่ให้ตกลงพื้นน้ำ สุเทวฤๅษีก็มหัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงรับทารกน้อยวัย ๓ เดือนมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม โดยให้เรียนสรรพวิชาจนหมดสิ้น รวมถึงศิลปวิทยาการทำศึกหรือตำราพิไชยสงครามและดนตรีทุกอย่างจนกระทั่งทารกน้อยนั้นได้เจริญวัยครบ ๑๓ ปี สุเทวฤๅษีจึงต่อเรือยนต์ใส่กุมารีน้อยพร้อมด้วยฝูงวานรจำนวนหนึ่งเป็นบริวาร ปล่อยไหลล่องลอยไปตามลำน้ำปิงจนถึงเมืองละโว้ ณ ท่าน้ำวัดเชิงท่า (ตำนานบางเล่มบอกว่าวัดชัยมงคล) เมื่อพระเจ้าเมืองละโว้และมเหสีได้เห็นกุมารีน้อย ที่มีพระสิริโฉมงดงามและมีสิริลักษณ์ บ่งบอกว่าเป็นผู้มีบุญ จึงได้นำไปเลี้ยงไว้ในพระราชวัง และตั้งเป็นราชธิดา มีนามว่า “จามเทวีกุมารี” และให้ศึกษาศิลปวิทยาการตำราพิไชยสงคราม และดนตรีทุกอย่างเหมือนกับพ่อเลี้ยงคนแรก (ฤๅษี) จนกระทั่งจามเทวีกุมารี มีพระชนมายุได้ ๒๔ พรรษา เจ้าเมืองละโว้จึงให้สมรสกับเจ้าชายราม แห่งนครรามบุรี ในปี พ.ศ.๑๑๙๐ รามบุรีเป็นเมืองขึ้นและเมืองหน้าด่านของขอม(ปัจจุบันคือ อ.แม่สอด จ.ตาก) ในปี พ.ศ.๑๒๐๔ พระเจ้ากรุงละโว้ จึงทรงแต่งตั้งให้พระนางจามเทวี ขึ้นครองเมืองหริภุญชัย ตามคำเชิญของสุเทวฤๅษี และสุทันตฤๅษี ซึ่งขณะนั้นพระนางมีพระชนม์ได้ ๓๘ พรรษา |
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/23198860593967_9_320x200_.jpg)
นกหัสดีลิงค์
นกใหญ่ชนิดหนึ่งในเทวนิยายว่า อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ ลำตัวเป็นนก มีปีก
มีหางอย่างนกแต่มีหัวเป็นช้าง มีกำลังเทียบเท่าช้าง ๕ เชือกมารวมกัน(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13200104857484_12_320x200_.jpg)
ช้างคู่บารมีของเจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ ๒ พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวี แห่งหริภุญไชย(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/76622870895597_13_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/44568879447049__0031_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/35977803832954__0034_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/95477759962280__0035_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/71239017239875_10_320x200_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/89560367953446_11_320x200_.jpg)
ทวารบาลวัดพระธาตุดอยคำ