[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 17 มิถุนายน 2563 10:26:37



หัวข้อ: การปฏิบัติตนในการอยู่ศึกษากับครูบาอาจารย์ โดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 17 มิถุนายน 2563 10:26:37

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/14274320875604_103940912_3017704411600823_688.jpg)

การปฏิบัติตนในการอยู่ศึกษากับครูบาอาจารย์

การจะไปอยู่กับครูบาอาจารย์นั้น ต้องเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่น มีความกล้าหาญ คือ ไม่กลัวท่าน ไม่กลัวแต่เกรง คำว่า ไม่กลัว คือ ไม่กลัวการดุด่าว่ากล่าวตักเตือนของท่าน แต่เกรงในพระคุณของท่าน เกรงในพระปัญญาของท่าน จะมีความยำเกรงจะมีความเคารพในธรรมคาสั่งสอนของท่าน เชื่อว่าคำสั่งสอนของท่านทุกคำนี้เป็นคำสอนที่ออกมาจากความเมตตา เป็นคำสอนที่จะมาแก้ไขสิ่งที่บกพร่องที่มีอยู่ในตัวเรา ถ้าเรามีความเชื่ออย่างนี้ มีความกล้าอย่างนี้ เวลาเราจะอยู่กับท่านนี้ เราจะไม่หวั่นไหวเวลาถูกท่านตำหนิติเตียน เวลาถูกท่านทดสอบจิตใจ เราจะมองไปในทางว่าเป็นความเมตตา เป็นการทดสอบจิตใจของพวกเราว่ามีความหนักแน่นมีความมั่นคงอยู่กับธรรมหรือไม่ และก็เป็นเหมือนกับการทดสอบจิตใจที่คุ้ยเขี่ยกิเลสตัณหา ที่อาจจะหลบซ่อนอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่ง ถ้าไม่ถูกท่านคุ้ยเขี่ยก็อาจจะไม่โผล่ออกมา แล้วก็อาจจะทำให้เราประมาทได้ คิดว่าเราไม่มีกิเลสแบบนั้นแล้ว แต่พอท่านคุ้ยเขี่ยออกมา พอมันโผล่ขึ้นมา เราก็จะได้รู้ว่ามันยังมีอยู่ เช่น การถือเนื้อถือตัว การโกรธ บางทีไม่มีเหตุการณ์มันก็จะไม่โผล่ขึ้นมา แต่พอมีเหตุการณ์นี้มันจะโผล่ขึ้นมา มันก็จะทำให้เรารู้ว่าเรายังมีปัญหานี้อยู่ แล้วเราก็จะได้หาวิธีกาจัดให้ มันหมดไปจากใจ

สิ่งที่ผู้ปฏิบัติควรจะมีกันคือครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่บรรลุแล้ว ผู้ที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติมาทุกรูปแบบในทุกขั้นตอนของธรรม ทั้งขั้นศีล ทั้งขั้นสมาธิ ทั้งขั้นปัญญา ทั้งขั้นวิมุตติหลุดพ้น ถ้ามีครูบาอาจารย์อย่างนี้แล้ว โอกาสที่จะได้บำเพ็ญให้สำเร็จนั้นมีอยู่มาก ดังนั้นควรที่จะเข้าหาครูบาอาจารย์กัน และถ้าไปอยู่ศึกษากับท่านได้ยิ่งดี เพราะจะได้อยู่ใกล้ชิด เวลาที่ท่านเห็นอะไรบกพร่อง ท่านจะได้ช่วยแก้ไขให้ หรือเวลาที่เราอยากจะไปทำอะไรตามความอยากของเราโดยคิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกที่ดี แต่ถ้าท่านไม่เห็นด้วย เราก็ไม่ควรที่จะทำ ควรที่จะฟังว่าท่านมีความเห็นอย่างไร เวลาที่จะไปไหนนี้ เวลาเราไปกราบครูบาอาจารย์นี้ เราไม่ได้บอกว่าจะขอลาไปโน่นขอลาไปนี่ แต่จะไปขอปรึกษาว่ามีเหตุผล อย่างนี้อย่างนั้น จะทำอย่างนั้นหรืออย่างนี้ ท่านมีความเห็นอย่างไร ถ้าท่านมีความเห็นไม่ตรงกับความเห็นของเรา เราก็ต้องหยุดความเห็นของเรา เราต้องเห็นความเห็นของท่านนี้ดีกว่า หรือถูกต้องกว่า เพราะท่านได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้วอย่างโชกโชน กิเลสมันจะคอยหลอกเราให้เราไปทำตามกิเลสโดยที่มันจะเอาธรรมต่างๆ มาอ้าง ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์นี้ เราจะรู้ไม่ทันเล่ห์กลของกิเลส แต่ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่ท่านเคยผ่านเล่ห์กลของกิเลสมาแล้ว หรือท่านก็เคยมีครูบาอาจารย์คอยช่วยแก้เล่ห์กลต่างๆ ของกิเลสมาแล้ว พอเราแสดงเล่ห์กลของกิเลสออกมา ท่านก็จะรู้ทันที แล้วท่านก็จะช่วยแก้ไขให้

ดังนั้นการอยู่กับครูบาอาจารย์นี้ต้องอยู่แบบเคารพเชื่อฟังจริงๆ ไม่คัดค้านไม่เถียง เพราะว่าท่านไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการที่มาเอาแพ้เอาชนะเรา ท่านไม่ต้องการอะไรจากเรา ท่านต้องการช่วยเหลือให้เราได้ปฏิบัติไปในทางที่ถูกต้องเท่านั้น ถ้าท่านเห็นว่าเราไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ท่านก็ต้องคัดค้านยับยั้งไม่ปล่อยให้ไป อย่างสมัยที่อยู่กับหลวงตานี้ ท่านก็มีกฎว่า พระบวชใหม่ต้องอยู่ ๕ พรรษา ไม่ให้ไปไหน ให้อยู่ในวัด ให้บำเพ็ญในวัด ยังไม่พร้อมที่จะไปเที่ยวปลีกวิเวกตามลำพังเพราะเหมือนกับยังเป็นเด็กอยู่ ยังไม่พร้อมยังไม่มีกำลังที่จะไปปลีกวิเวกตามลำพัง หากไปแล้วแทนที่จะเกิดประโยชน์กลับจะเกิดโทษขึ้นมาได้ ถ้ามีพระรูปใดท่านขัดขืนคำสั่ง คือขออนุญาตไปแล้วท่านห้ามไม่ให้ไป แต่ก็ไป ถ้าไปแล้วเวลาจะกลับมานี้ท่านไม่รับแล้ว ท่านไม่สอนแล้ว คนที่ดื้อดึง คนที่ไม่ฟังคำสอนของท่าน ท่านบอกว่ากลับมาทำไม ในเมื่อท่านว่าการตัดสินใจของท่านนั้นดีแล้ว ท่านไปแล้วก็ไปเลย ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมา ขอให้พวกเราระมัดระวังเรื่องความดื้อรั้น เวลาครูบาอาจารย์ห้ามหรือเวลาครูบาอาจารย์สอนอะไร อย่าไปดื้อรั้น มันจะเป็นโทษกับเราเองมากกว่าเป็นคุณ นอกจากเราไปศึกษากับครูบาอาจารย์ที่ไม่รู้จริงเห็นจริงนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง อันนี้ก็อาจจะไม่เชื่อตามก็ได้ ถ้าเรามีเหตุผลมีธรรมที่ถูกต้อง แล้วท่านมีธรรมที่ไม่ถูกต้องอย่างนี้เราก็ไม่ต้องเชื่อฟัง ถ้าเชื่อฟัง ก็อาจจะทำให้เราไปผิดทางได้ ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีธรรมนี้ ท่านจะดูคุณภาพของลูกศิษย์ ท่านจะไม่ดูปริมาณของลูกศิษย์ ไม่ได้นับจำนวนที่ปริมาณ แต่คนที่ไม่มีธรรมนี้จะดูที่ปริมาณ ครูบาอาจารย์รูปไหนมีลูกศิษย์เยอะก็คิดว่าท่านอาจจะมีบารมีมากมีธรรมมาก แต่ถ้าดูลูกศิษย์ที่เป็นลูกศิษย์ไม่มีธรรมไม่มีการบรรลุธรรมเลย มันก็จะบอกให้รู้ว่าครูบาอาจารย์นั้นเป็นอย่างไร

ชาตินี้พวกเราโชคดีเราได้มาเกิดเป็นมนุษย์ และเราได้มาพบกับพระพุทธศาสนา ได้พบกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้พบกับพระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าที่จะคอยสอนให้พวกเราเดินไปในทางธรรม เพื่อให้ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางของธรรมคือ พระนิพพานคือการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด จึงอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะทำเหมือนกับพระโปฐิละได้หรือเปล่า เราพร้อมที่จะเข้าไปหาครูบาอาจารย์ พร้อมที่จะเข้าไปศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของท่านได้หรือเปล่า ถ้าเราพร้อม เราไปได้ เราก็จะได้ปฏิบัติ ถ้าเราได้ปฏิบัติแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเราก็จะต้องได้รับผลที่เกิดจากการปฏิบัติอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าได้ทรงรับประกันไว้แล้วว่า ถ้าปฏิบัติจริงๆ เจริญสติจริงๆ เจริญสมาธิ เจริญปัญญาจริงๆ แล้ว บางท่านก็ ๗ วัน บางท่านก็ ๗ เดือน บางท่านก็ ๗ ปี จะต้องได้รับผลจากการปฏิบัติอย่างแน่นอน


ส่วนหนึ่งจากหนังสือ “ผู้ไกลจากทุกข์”
ในวาระครบรอบวันอุปสมบท ๔๒ พรรษา
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน