[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 19 สิงหาคม 2563 13:25:49



หัวข้อ: หลวงปู่คำจันทร์ ปัญญาโภ วัดบ้านเมย ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 19 สิงหาคม 2563 13:25:49
 
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/89394577054513_a_640x480_.jpg)

หลวงปู่คำจันทร์ ปัญญาโภ
วัดบ้านเมย ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

พระครูปริยัตยานุวัตร หรือ หลวงปู่คำจันทร์ ปัญญาโภ วัดบ้านเมย ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จะมีอายุครบรอบ 88 ปี เหล่าศิษย์ผู้ใกล้ชิดและผู้เลื่อมใสร่วมจัดงานมุทิตาจิตฉลองอายุวัฒนมหามงคลเป็นประจำทุกปี

หลวงปู่คำจันทร์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของเมืองกาฬสินธุ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระที่เคร่งครัดระเบียบวินัย ใส่ใจด้านการปฏิบัติกัมมัฏฐาน

เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนโดยทั่วไป มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตา

ปัจจุบันสิริอายุ 88 ปี พรรษา 66

มีนามเดิม คำจันทร์ ทองห้า เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค.2475 ที่บ้านสวนโคก ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

ช่วงวัยเยาว์มีนิสัยชอบสันโดษ ไม่ซุกซนเหมือนกับเด็กวัยเดียวกัน บิดาและมารดามักจะพาไปทำบุญที่วัดบ้านสวนโคกอยู่เสมอ เรียนจบภาคบังคับที่โรงเรียนสวนโคกเมยวิทยา (ชื่อเดิม)

เป็นคนเรียนเก่ง ฉลาดเฉลียว ว่านอนสอนง่าย ชอบช่วยเหลืองานการของบิดามารดาอย่างดี ช่วยพ่อแม่ทำนา หาเลี้ยงชีพตามวิถีชีวิตของชาวบ้านตามชนบททั่วไป

อายุ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2497 ที่วัดบ้านเมย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ มีพระครูสถิตปุญญาคม เจ้าอาวาสวัดบ้านสวนโคก และเจ้าคณะตำบลดงลิง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มี ปภากโร วัดบ้านโนนเมือง และพระอาจารย์สุวิทย์ วัดบ้านดอนหวาย เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลังจากบวชได้ระยะหนึ่งได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านสวนโคก และศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยความมุ่งมั่น

พ.ศ.2503 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก พ.ศ.2505 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านเมย และแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลดงลิง พ.ศ.2511 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูปริยัตยานุวัตร พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม ซึ่งตอนนั้นจำพรรษาที่วัดสมัยสำราญ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย

ให้ความสนใจด้านวิทยาคม ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระเกจิดังหลายรูป อาทิ พระครูสถิตย์ ปุญญาคม เจ้าอาวาสวัดบ้านสวนโคก, หลวงปู่แพง วัดโพธิ์ร้อยต้น อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด, หลวงปู่ปัน วัดโพธิ์ศรีบึงไฮ ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์, หลวงปู่ศรี ถ้ำภูเขาควาย ประเทศลาว, หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี, หลวงพ่อเก้า วัดบ้านโพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์, หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เป็นต้น

พ.ศ.2520 ธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดสมัยสำราญ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย เป็นเวลา 12 ปี จึงออกธุดงค์ไปยังสถานที่อื่นๆ หลายต่อหลายแห่ง จำพรรษาอยู่ที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ 1 ปี

หลังจากนั้นได้ออกธุดงค์กลับภาคอีสาน จำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยพรหม อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กับพระครูประโชติสังฆกิจ และที่วัดแห่งนี้ได้เรียนวิชาแพทย์แผนไทย การใช้สมุนไพรรักษาคนป่วยจนมีชื่อเสียง

จากนั้นออกธุดงค์หาที่สงบเพื่อจำพรรษาไปหลายต่อหลายที่ จนมาถึงบ้านฝาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น จำพรรษาที่วัดศูนย์ปฏิบัติธรรม จำพรรษาอยู่ที่นี่ 12 ปี พัฒนาจนวัดมีความเจริญรุ่งเรือง นำญาติโยมสร้างอุโบสถ และศาลาการเปรียญจนแล้วเสร็จ

หลังจากนั้นชาวบ้านเมยเห็นว่าอายุมากแล้ว จึงได้ตกลงกันนิมนต์กลับมาจำพรรษาที่วัดภูมิลำเนา

จัดสร้างวัตถุมงคล ส่วนใหญ่มอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างเสนาสนะภายในวัด

ด้วยความเมตตาที่คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จนชื่อเสียงของหลวงปู่โด่งดังขจรขจายไปทั่วทุกทิศ ทำให้มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก
     ข่าวสดออนไลน์