หัวข้อ: หลวงปู่สุนันท์ สุภาจาโร วัดเทพปูรณาราม ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 16 พฤศจิกายน 2563 15:56:22 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62969045713543_zlwe7_1_640x480_.jpg) หลวงปู่สุนันท์ สุภาจาโร วัดเทพปูรณาราม ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พระราชประสิทธิคุณ หรือ หลวงปู่สุนันท์ สุภาจาโร พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีวัตรปฏิบัติดี เป็นทั้งพระนักพัฒนา พระนักปกครอง พระนักการศึกษา อีกทั้งยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมสืบสายธรรมจากพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายรูป ปัจจุบัน สิริอายุ 79 ปี พรรษา 59 ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น และเจ้าอาวาสวัดเทพปูรณาราม ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นามเดิม สุนันท์ เพชรเลื่อน เกิดเมื่อ วันที่ 12 ม.ค.2484 ที่ ต.สระบัว อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เป็นบุตรของนายจ้ง-นางงึ้ม เพชรเลื่อน หลังจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน ออกมาช่วยงานทำไร่ทำนาช่วยครอบครัว พ.ศ.2499 บรรพชาที่วัดในหมู่บ้าน จนอายุครบบวชในปี พ.ศ.2505 จึงเข้าพิธีอุปสมบทที่อุโบสถวัดสระบัว ต.โนนสวรรค์ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด มีพระครูปทุมทิพยาจารย์ วัดสระบัว เป็นพระอุปัชฌาย์ ด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนที่สำนักศาสนาศึกษาวัดศรีสุธรรม จ.ขอนแก่น สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ต่อมาสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค จากสำนักศาสนศึกษาวัดเทพปูรณาราม จ.ขอนแก่น มุมานะศึกษาเล่าเรียน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) สาขาวิชาศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น (รุ่นแรกของวิทยาเขตขอนแก่น) และในปี พ.ศ.2557 ได้รับพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พธ.ด.กิตติมศักดิ์) มีความสนใจด้านวิทยาคม จึงฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคม จากพระครูปทุมทิพยาจารย์ วัดสระบัว จ.ร้อยเอ็ด พระอุปัชฌาย์ และยังฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมจากพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป อาทิ หลวงปู่บุญมา มุนิโก วัดบ้านหนองตูม จ.ขอนแก่น, หลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นอดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มาอยู่จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจ รวมทั้งศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดเทพปูรณาราม จ.ขอนแก่น จนถึงปี พ.ศ.2511 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพปูรณาราม พ.ศ.2516 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2542 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น พ.ศ.2546 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ด้วยความที่ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ทำให้ชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จัก ในแต่ละวันมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เสริมความเป็นสิริมงคล ส่วนปัจจัยที่ได้จากการบริจาคนำมาพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัด นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาสงฆ์ บริจาคปัจจัยส่วนตัวให้การสนับสนุนการเรียนการสอนแก่พระภิกษุ-สามเณรมาโดยตลอด หากรูปใดมีความตั้งใจเรียนและเรียนดี จะจัดหาทุนมอบให้ทุกปี สร้างคุณูปการไว้มากมาย จึงได้รับรางวัล อาทิ พ.ศ.2551 ได้รับรางวัลพระราชทานเสมาธรรมจักร ประเภทสื่อสารมวลชนที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา, รางวัลนาคราชทองคำ สาขาวรรณกรรมอีสาน (ร้อยกรองอีสาน) จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นต้น รวมทั้งได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2520 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามที่พระครูสุเทพสารคุณ พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระพุทธิสารมุนี พ.ศ.2553 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชประสิทธิคุณ” ถึงแม้จะมีอายุย่าง 80 ปี อยู่ในช่วงปัจฉิมวัย แต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรง หากว่างศาสนกิจจะนำพาภิกษุ-สามเณร พัฒนาบริเวณวัดให้มีความสะอาดสวยงาม สร้างความเจริญหูเจริญตา ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการี ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ร่วมโลกและให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ จึงถือเป็นร่มธรรมที่พึ่งทางใจของพุทธศาสนิกชนโดยแท้ ข่าวสดออนไลน์ [ |