หัวข้อ: ทำไมทางภาคเหนือถึงห้ามผู้หญิงเข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มาเกี่ยวกับพระนางจามเทวี เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2564 23:05:48 ทำไมทางภาคเหนือถึงห้ามผู้หญิงเข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
และที่มาเกี่ยวกับตำนานการแก้อาคมของพระนางจามเทวี จากประจำเดือนและพลูกินหมาก จนกลายมาเป็นที่ห้ามผู้หญิงเข้า http://www.youtube.com/watch?v=Z_5cQ_SavIM (http://www.youtube.com/watch?v=Z_5cQ_SavIM) บรรยายโดย ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ รายการประวัติศาสตร์นอกตำรา สรุปคือตามตำนานล้านนาได้ว่าไว้เกี่ยวกับเรื่องของ พระนางจามเทวี ราชินีผู้ปกครองอาณาจักรหริภุญชัย ว่าได้รับคำเชิญจากขุนหลวงวิลังคะผู้นำชาวลัวะ เจ้าเมืองอีกเมืองนึงให้ไปแต่งงานด้วยกัน แต่พระนางไม่เห็นชอบด้วยจึงออกอุบายว่า หากขุนหลวงวิลังคะพุ่งเสน้า (อ่านว่า สะ-เหน้า) ซึ่งมีลักษณะเป็นหอกด้ามยาวที่มีสองคม จากเชิงดอยสุเทพ (บ้างก็ว่าขุนหลวงไปพุ่งเสน้ามาจากยอดดอยปุยที่สูงกว่าดอยสุเทพเข้าไปอีก) มาตกในกลางลานพระราชวังนางได้ ก็จะยอมแต่งงานด้วย ขุนหลวงจึงบริกรรมเวทมนตร์พุ่งเสน้าจากเมืองของตนไปยังหริภุญชัย ครั้งแรกพุ่งได้ไกลถึงกำแพงเมือง ทำให้พระนางหวั่น ๆ เห็นว่าขุนหลวงท่านนี้คงมีอาคมมาก หากปล่อยให้พุ่งต่อครั้งที่ 2-3 เห็นทีจะต้องทำได้แน่ จึงเอาเศษผ้าถุงชั้นในของตนเองที่เลอะประจำเดือนมาเย็บประดิษฐ์เป็นพระมาลา (หมวก) และทำหมากพลูที่ป้ายเลือดประจำเดือน ของเธอที่ใบพลูห่อเป็นคำหมาก ส่งไปบรรณาการแก่ขุนหลวงฯ ก่อนที่จะทำการพุ่งเสน้าครั้งที่สองพร้อมออกอุบายแสร้งว่าเอาใจช่วย ซึ่งเมื่อขุนหลวงฯ ได้สวมหมวกและเคี้ยวหมากที่เลอะประจำเดือน ขุนหลวงก็อ่อนพลัง ฤทธิ์เดชที่เคยมีก็เสื่อมในบัดดล จนไม่สามารถพุ่งหอกได้ไกลอีกต่อไป หัวข้อ: Re: ทำไมทางภาคเหนือถึงห้ามผู้หญิงเข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มาเกี่ยวกับพระนางจามเทวี เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 10 เมษายน 2564 16:52:20 ทำไมทางภาคเหนือถึงห้ามผู้หญิงเข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และที่มาเกี่ยวกับตำนานการแก้อาคมของพระนางจามเทวี จากประจำเดือนและพลูกินหมาก จนกลายมาเป็นที่ห้ามผู้หญิงเข้า http://www.youtube.com/watch?v=Z_5cQ_SavIM (http://www.youtube.com/watch?v=Z_5cQ_SavIM) บรรยายโดย ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ รายการประวัติศาสตร์นอกตำรา สรุปคือตามตำนานล้านนาได้ว่าไว้เกี่ยวกับเรื่องของ พระนางจามเทวี ราชินีผู้ปกครองอาณาจักรหริภุญชัย ว่าได้รับคำเชิญจากขุนหลวงวิลังคะผู้นำชาวลัวะ เจ้าเมืองอีกเมืองนึงให้ไปแต่งงานด้วยกัน แต่พระนางไม่เห็นชอบด้วยจึงออกอุบายว่า หากขุนหลวงวิลังคะพุ่งเสน้า (อ่านว่า สะ-เหน้า) ซึ่งมีลักษณะเป็นหอกด้ามยาวที่มีสองคม จากเชิงดอยสุเทพ (บ้างก็ว่าขุนหลวงไปพุ่งเสน้ามาจากยอดดอยปุยที่สูงกว่าดอยสุเทพเข้าไปอีก) มาตกในกลางลานพระราชวังนางได้ ก็จะยอมแต่งงานด้วย ขุนหลวงจึงบริกรรมเวทมนตร์พุ่งเสน้าจากเมืองของตนไปยังหริภุญชัย ครั้งแรกพุ่งได้ไกลถึงกำแพงเมือง ทำให้พระนางหวั่น ๆ เห็นว่าขุนหลวงท่านนี้คงมีอาคมมาก หากปล่อยให้พุ่งต่อครั้งที่ 2-3 เห็นทีจะต้องทำได้แน่ จึงเอาเศษผ้าถุงชั้นในของตนเองที่เลอะประจำเดือนมาเย็บประดิษฐ์เป็นพระมาลา (หมวก) และทำหมากพลูที่ป้ายเลือดประจำเดือน ของเธอที่ใบพลูห่อเป็นคำหมาก ส่งไปบรรณาการแก่ขุนหลวงฯ ก่อนที่จะทำการพุ่งเสน้าครั้งที่สองพร้อมออกอุบายแสร้งว่าเอาใจช่วย ซึ่งเมื่อขุนหลวงฯ ได้สวมหมวกและเคี้ยวหมากที่เลอะประจำเดือน ขุนหลวงก็อ่อนพลัง ฤทธิ์เดชที่เคยมีก็เสื่อมในบัดดล จนไม่สามารถพุ่งหอกได้ไกลอีกต่อไป แถวบ้านหากเป็นประจำเดือน ส่วนมากผู้เฒ่าผู้แก่มักไม่ให้เข้าวัด ตอนแรกสงสัยมากค่ะ เพราะเหตุใดกัน ตอนนี้คิดว่าเหตุผลคงมาจากตำนานดั่งที่เจ้าของกระทู้ได้โพสต์ไว้ |