[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปรษณีย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 10:52:06



หัวข้อ: ขนมจีบ (ไทย) ต้นตำรับจากขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพธิ์ ของว่างโบราณอายุสองร้อยกว่าปี
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 10:52:06
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/41271670659383__2_696x392_640x480_.jpg)
ขนมจีบไทย (ภาพจาก Youtube : krajokhokdan, “กระจกหกด้าน” ตอน “ของว่างห่อไส้”)

ขนมจีบ (ไทย)
ต้นตำรับจากขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพธิ์ ของว่างโบราณอายุสองร้อยกว่าปี
ที่มา - ศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ - วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

ขนมจีบอย่างไทยๆ นิยมทำเป็นอาหารว่าง ทั้งทำเป็นของคาวและของหวาน ปรากฏผู้มีชื่อเสียงในการทำขนมจีบคือ พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี หรือที่รู้จักว่า ‘เจ้าครอกวัดโพธิ์’ ดังมีประโยคที่พูดกันสืบมาว่า “ขนมค้างคาวเจ้าครอกทองอยู่ ขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพธิ์

ขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพธิ์ นี้ ก็คือขนมจีบที่กรมหลวงนรินทรเทวีดัดแปลงขึ้นมา แต่จะดัดแปลงเมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฏชัด สันนิษฐานว่าแต่เดิมคงเรียกขนมไส้หมูบ้าง ขนมไส้ไก่บ้าง แต่ด้วยรูปลักษณ์การปั้นแป้งเป็น ‘จีบ’ แล้ว คงนิยมเรียกขนมจีบกันในภายหลัง

กรมหลวงนรินทรเทวีทรงเป็นพระกนิษฐาต่างพระชนนีในรัชกาลที่ 1 และทรงเป็นพระชายาในกรมหมื่นนรินทร์บริรักษ์ มีวังอยู่บริเวณท้ายพระบรมราชวังบริเวณข้างวัดโพธาราม หรือวัดพระเชตุพนฯ ในปัจจุบัน จึงนิยมเรียกกรมหลวงนรินทรเทวีว่า “เจ้าครอกวัดโพธิ์”

ในตำราแม่ครัวหัวป่าก์อธิบายขนมจีบของกรมหลวงนรินทรเทวีไว้ว่า “…ตามพระเจ้าราชวรวงษ์เธอกรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสภณ ทรงเล่านิพนธ์ไว้ว่า เจ้าครอกวัดโพธิ์ซึ่งภายหลังมีพระนามว่ากรมหลวงนรินทรเทวีนั้น มีฝีมือปั้นทำขนมจีบเลื่องลือว่าทำดีกว่าทุกๆ แห่ง ลูกหลานข้าไทยที่เปนผู้หญิงมีฝีมือปั้นขนมจีบดีทุกคน แผ่แป้งจนแลเห็นไส้ ปั้นลูกเขื่องๆ กว่าขนมจีบ ทุกวันนี้ ฝีมือผัดไส้ก็โอชารส ถึงเนื้อหมูมากกว่ามัน บริโภคได้มากๆ ไม่เลี่ยน ท่านทำขนมจีบตั้งเครื่องในรัชกาลที่ 1 และท่านอยู่มาจนรัชกาลที่ 2 เว้นเดือนหนึ่งสองเดือนบ้าง ก็เสด็จเข้าไปเฝ้าครั้งหนึ่ง ทรงทำขนมจีบไปตั้งเครื่องถวาย ขนมจีบบรรจุชามลายทองกรอกสี ข้างในชามหนึ่งก็เพียงจุประมาณ 50 ลูก รองพานถมดำผูกผ้าแดงให้ข้าหลวงเชิญตามเสด็จขึ้นไปพร้อมกับเจ้าครอกทองอยู่ ตั้งเครื่องทั้งวังหลวงและวังน่า…”

ขนมจีบนับว่าเป็นเครื่องเสวยที่มีสำคัญมากประเภทหนึ่ง คงทำกันอย่างแพร่หลายในวัง ดังปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ว่า

ขนมจีบเจ้าจีบห่อ   งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
นึกน้องนุ่งจีบกราย   ชายพกจีบกลีบแนบเนียน

และพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 6 ว่า
ขนมจีบเจ้าช่างทำ ทั้งน้ำพริกมะมาดแกม
มะเฟืองเป็นเครื่องแกล้ม รสเหน็บแนมแช่มชูกัน

กรมหลวงนรินทรเทวีเป็นเจ้าของขนมไส้หมูหรือขนมจีบนี้มาแต่ดั้งเดิม บรรดาหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์และข้าราชบริพารในพระองค์ก็ได้ฝึกหัดทำขนมจีบมากันอย่างดีทั้งสิ้น ขนมจีบของพระองค์จึงแพร่หลายปรากฎสืบมาทุกรัชกาล เมื่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ‘เจ้าปี’ ซึ่งเป็นหลานของพระองค์ ก็ยังได้เข้าไปทำราชการเป็นช่างปั้นขนมจีบเครื่องเสวย ตำรับขนมจีบของกรมหลวงนรินทรเทวีก็ได้รับการถ่ายทอดติดต่อกันเรื่อยมา รวมทั้งลูกหลานข้าราชบริพารในวังของพระองค์ ก็ล้วนแต่มีความรู้ความสามารถขนมจีบสูตรนี้เช่นกัน

ขนมจีบชนิดนี้มิได้มีลักษณะอย่างขนมจีบทั่วๆ ไป (ที่ใช้แป้งเกี๊ยวสีเหลือสำเร็จรูป) โดยขนมจีบอย่างไทยนี้จะมีลักษณะภายนอกคล้ายรูปนก เนื่องจาก “…ปั้นหัวขึ้นไปให้แหลมสูง แล้วจึงหักปลายหยิบเปนหงอนไว้นิดหนึ่ง…” แป้งทำมาจากแป้งญวณหรือเรียกว่าแป้งขนมจีบ มีสีขาวขุ่น การจีบแป้งก็จะจีบด้วยมืออย่างประณีตบรรจง มิได้จีบด้วยคีมหรืออุปกรณ์ช่วยจีบ ตำราแม่ครัวหัวป่าก์ยังบอกอีกว่า ขนมจีบของกรมหลวงนรินทรเทวีต้องรับประทานร้อนๆ จึงจะรับประทานดี หรือลองรับประทานกับผลตลิงปริงและน้ำพริกลาวแก้เลี่ยน ก็มีผู้ชอบรับประทานเช่นนี้หลายคน