หัวข้อ: พระองคุลิมาลเถระ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 เมษายน 2564 16:49:37 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/68681204319000_69_1_Copy_.jpg) พระองคุลิมาลเถระ อหิงสกกุมาร หรือก็คือ จอมโจรองคุลิมาล ผู้กระทำการดังซุ่มเข่นฆ่าอยู่ตามคามนิคม แล้วตัดนิ้วมาร้อยคอเป็นพวงมาลัยเพียงเพื่อให้บรรลุวิชาตามที่อาจารย์ตนเองบอก ในช่วงเวลานั้นนางมันตานีพราหมณีผู้เป็นมารดาของโจรองคุลีมาล ได้ออกแสวงหาบุตรชายของตนอยู่ในป่าชลิวัน เพราะทราบข่าวว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองแคว้นสาวัตถี มีแผนจะยกกองทัพทหารมาเต็มอัตราศึกเพื่อปราบจอมโจรองคุลีมาล นางมันตานีพราหมณี ด้วยความที่รักลูกมาก แม้นว่าลูกจะดีหรือจะร้ายอย่างไร และยังคงมีความหวังใจอยู่เสมอว่า จะกล่อมบุตรจนสามารถกลับตัว กลับใจเป็นคนดีได้ จึงได้ออกเร่หาลูกวนเวียนอยู่ในป่าแห่งนั้น ด้วยพระพุทธเมตตาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระดำริเห็นว่า ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปโปรดโจรองคุลิมาลก็จะกระทำมาตุฆาต ฆ่ามารดาของตนเสีย จะเป็นผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมใดๆ ได้ในชาตินี้ แม้จะได้ฟังธรรมโดยตรงจากพระพุทธองค์ก็ตาม พระองค์จึงเสด็จจาริกไปสู่ชนบทเป็นระยะทาง ๓๐ โยชน์ มุ่งตรงไปในทิศที่องคลิมาลดักซุ่มอยู่ที่ป่าชลิวัน เพื่อสกัดองคุลิมาลไว้มิให้ทันได้ฆ่ามารดา เมื่อโจรองคุลิมาลเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาแต่ไกลเพียงผู้เดียว จึงได้ติดตามพระผู้มีพระภาคไปทางพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ ในลักษณะที่องคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระผู้มีพระภาคผู้เสด็จไปตามปกติได้ ครั้นกระนั้น จอมโจรองคุลีมาลก็ตะโกนสั่งให้สมณะหยุดก่อน แล้วก็วิ่งไกวดาบไล่ฟัน แต่มิอาจทัน องคุลิมาลเร่งฝีเท้าพร้อมตะโกนสั่งให้สมณะหยุด หยุดพระพุทธองค์จึงตรัสว่า เราหยุดแล้ว แต่ท่านสิยังไม่หยุด" โจรองคุลิมาลไม่เข้าใจจึงตะโกนถาม "ท่านเป็นสมณะแท้ๆ หากแต่ทำไมจึงกล่าววาจาอันเป็นเท็จ ถ้าท่านหยุดแล้ว ไฉนเราจึงไล่ตามไม่ทันท่าน ท่านสมณะ" พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "องคุลิมาลเอย เราหยุดแล้วจากการเบียดเบียนทำลายชีวิตน้อยใหญ่ทั้งหลาย ดังนั้นแม้เดินอยู่ก็ได้ชื่อว่าหยุดแล้ว ส่่วนเธอแม้จะหยุดยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ทว่าเธอกลับไม่หยุดการเที่ยวเบียดเบียนล้างผลาญชีวิตผู้อื่น ฉะนั้น เธอจึงชื่อว่ายังไม่หยุด" ด้วยปัญญาบารมีที่เคยสั่งสมมาจึงทำให้โจรองคุลีมาล นิ่งฟังอยู่ องค์พระศาสดาจึงตรัสต่อไปว่า หากเราตถาคตไม่มาโปรด เธอจักสังหารมารดาของตนเป็นบุคคลสุดท้าย แล้วตัดนิ้วมือจนครบหนึ่งพัน กรรมอันประทุษร้ายมารดาจะเป็นอนันตริยกรรม ลากเธอลงสู่อเวจีมหานรก" เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก องคุลีมาลได้สติ ทิ้งดาบและพวงมาลาลง แล้วนั่งฟังคำสอนของพระพุทธองค์ในป่่าชลิวันนั้น ท่านกลับใจสำนึกตน แล้วกราบขอบวชอยู่ในศาสนาคำสอนของพระพุทธองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา ทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาออก ทรงเปล่งพระสุรเสียง ตรัสเรียกว่า เธอจงมาเป็นภิกษุเถิด จงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด เมื่อพระองคุลีมาลเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว คงดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีความอุตสาหะเร่งความเพียร หลีกตนบำเพ็ญสมณธรรม ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ไม่นานก็บรรลุอรหัตผลเป็นอริยบุคคลผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่งอยู่ในบวรพระพุทธศาสนา ♤Cr.เพจพระพุทธศาสนา ♤ หัวข้อ: Re: พระองคุลิมาลเถระ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 สิงหาคม 2564 20:22:19 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/77516376765237_238630911_2890763204509499_511.jpg) สมัยหนึ่งยามรุ่งอรุณ พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระพุทธญาณ ทรงเล็งเห็นอุปนิสัยแห่งอรหัตผลของอหิงสกกุมาร หรือก็คือ จอมโจรองคุลิมาล ผู้กระทำการดังซุ่มเข่นฆ่าอยู่ตามคามนิคม แล้วตัดนิ้วมาร้อยคอเป็นพวงมาลัยเพียงเพื่อให้บรรลุวิชาตามที่อาจารย์ตนเองบอก ในช่วงเวลานั้นนางมันตานีพราหมณี ผู้เป็นมารดาของโจรองคุลีมาล ได้ออกแสวงหาบุตรชายของตนอยู่ในป่าชลิวัน เพราะทราบข่าวว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองแคว้นสาวัตถี มีแผนจะยกกองทัพทหารมาเต็มอัตราศึกเพื่อปราบจอมโจรองคุลีมาล นางมันตานีพราหมณี ด้วยความที่รักลูกมาก แม้นว่าลูกจะดีหรือจะร้ายอย่างไร และยังคงมีความหวังใจอยู่เสมอว่าจะกล่อมบุตรจนสามารถกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ จึงได้ออกเร่หาลูกวนเวียนอยู่ในป่าแห่งนั้น ด้วยพระพุทธเมตตาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระดำริเห็นว่า ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปโปรดโจรองคุลิมาลก็จะกระทำมาตุฆาต ฆ่ามารดาของตนเสีย จะเป็นผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมใดๆ ได้ในชาตินี้ แม้จะได้ฟังธรรมโดยตรงจากพระพุทธองค์ก็ตาม พระองค์จึงเสด็จจาริกไปสู่ชนบทเป็นระยะทาง ๓๐ โยชน์ มุ่งตรงไปในทิศที่องคลิมาลดักซุ่มอยู่ที่ป่าชลิวัน เพื่อสกัดองคุลิมาลไว้มิให้ทันได้ฆ่ามารดา เมื่อโจรองคุลิมาลเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาแต่ไกลเพียงผู้เดียว จึงได้ติดตามพระผู้มีพระภาคไปทางพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ ในลักษณะที่องคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระผู้มีพระภาคผู้เสด็จไปตามปกติได้ ครั้นกระนั้น จอมโจรองคุลีมาลก็ตะโกนสั่งให้สมณะหยุดก่อน แล้วก็วิ่งไกวดาบไล่ฟัน แต่มิอาจทัน องคุลิมาลเร่งฝีเท้าพร้อมตะโกนสั่งให้สมณะหยุด หยุด พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เราหยุดแล้ว แต่ท่านสิยังไม่หยุด" โจรองคุลิมาลไม่เข้าใจจึงตะโกนถาม "ท่านเป็นสมณะแท้ๆ หากแต่ทำไมจึงกล่าววาจาอันเป็นเท็จ ถ้าท่านหยุดแล้ว ไฉนเราจึงไล่ตามไม่ทันท่าน ท่านสมณะ" พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "องคุลิมาลเอย เราหยุดแล้วจากการเบียดเบียนทำลายชีวิตน้อยใหญ่ทั้งหลาย ดังนั้น แม้เดินอยู่ก็ได้ชื่อว่าหยุดแล้ว ส่่วนเธอแม้จะหยุดยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ทว่าเธอกลับไม่หยุดการเที่ยวเบียดเบียนล้างผลาญชีวิตผู้อื่น ฉะนั้น เธอจึงชื่อว่ายังไม่หยุด" ด้วยปัญญาบารมีที่เคยสั่งสมมาจึงทำให้โจรองคุลีมาล นิ่งฟังอยู่ องค์พระศาสดาจึงตรัสต่อไปว่า หากเราตถาคตไม่มาโปรด เธอจักสังหารมารดาของตนเป็นบุคคลสุดท้าย แล้วตัดนิ้วมือจนครบหนึ่งพัน กรรมอันประทุษร้ายมารดา จะเป็นอนันตริยกรรม ลากเธอลงสู่อเวจีมหานรก" เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก องคุลีมาลได้สติ ทิ้งดาบ และพวงมาลาลง แล้วนั่งฟังคำสอนของพระพุทธองค์ในป่่าชลิวันนั้น ท่านกลับใจสำนึกตน แล้วกราบขอบวชอยู่ในศาสนาคำสอนของพระพุทธองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา ทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาออก ทรงเปล่งพระสุรเสียง ตรัสเรียกว่า เธอจงมาเป็นภิกษุเถิด จงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด เมื่อพระองคุลีมาลเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว คงดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีความอุตสาหะเร่งความเพียร หลีกตนบำเพ็ญสมณธรรม ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ไม่นานก็บรรลุอรหัตผลเป็นอริยบุคคลผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่งอยู่ในบวรพระพุทธศาสนา |