[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 16 พฤษภาคม 2564 14:20:24



หัวข้อ: หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 16 พฤษภาคม 2564 14:20:24
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/72621182559265_181796573_1221458781631912_234.jpg)

หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ
วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) บ้านป่ากุง ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

พระราชพัชรญาณมุนี หรือ หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ ปัจจุบัน สิริอายุ 83 ปี พรรษา 62 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) บ้านป่ากุง ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

มีนามเดิม ทองอินทร์ แสวงผล เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 มี.ค.2481 ที่บ้านหนองแดง ต.ขอนแก่น อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด บิดา-มารดา ชื่อ นายนินและนางอ่อน แสวงผล เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 10 คน

ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบ้านหนองแดง

ครั้นเมื่ออายุ 21 ปีบริบูรณ์ จึงเข้ารับการอุปสมบท เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2502 ที่พัทธสีมาวัดประชาบำรุง (วัดป่าพูนไพบูลย์) ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม มี พระโพธิญาณมุนี (หลวงปู่เหลา จุนโท) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาสวาสดิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาทองใส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “กตปุญโญ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ทำบุญไว้แล้วแต่ปางก่อน”

สาเหตุที่บวชเพราะมารดาป่วยหนักรักษามานานแล้ว รู้ตัวเองว่าคงไม่หายแน่นอน ได้สั่งไว้ให้บวชให้แม่ อีกประการธรรมเนียมของคนในท้องถิ่นนั้น ถือเป็นประเพณี หากลูกชายมีอายุครบ 20-21 ปี ก่อนจะมีครอบครัวต้องบวชเสียก่อน

หลังอุปสมบท ได้ยินคำเทศนาจาก “หลวงปู่ศรีมหาวีโร” แห่งวัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) ว่า บวชมีหลายอย่าง คือ “บวชเล่น บวชลองหรือคำว่าบวชทดลองดู บวชตามครองประเพณี บวชหนีสงสาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกเฮฮา บวชค้าขาย บวชตายเป็นเปรต”

นับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงตัดสินใจมอบกายถวายชีวิตอุทิศแด่พระพุทธศาสนา ประกอบกับได้ฟังเทศน์อยู่เนืองนิจจากพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่ จึงตั้งใจประกอบความเพียร และตั้งใจท่องพระปาฏิโมกข์จบ

ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาของพระเถระด้านวิปัสสนากรรมฐาน จึงไปกราบนมัสการและศึกษาธรรมกับพระอาจารย์หลายท่าน อาทิ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, หลวงปู่คำดี ปภาโส, หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ, หลวงปู่ท่อน ญาณธโร และ หลวงพ่อสีทน สีลธโน ฯลฯ ได้น้อมนำข้อวัตรปฏิบัติของพ่อแม่ครูอาจารย์เหล่านี้มาเป็นแบบอย่างอยู่เสมอมา

ช่วงพ.ศ.2547-2548 จำพรรษาอยู่ที่วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) และช่วยดูแลการก่อสร้างเจดีย์หินทรายวัดป่ากุง (บรมพุทโธเมืองไทย) ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีกว่า

เจดีย์หินทรายวัดป่ากุง ก่อสร้างโดยจำลองแบบมาจากพระมหาเจดีย์โบโรบูดูร์ หรือบุโรพุทโธ หรือบรมพุทโธ (borobodur) พุทธสถานสิ่งมหัศจรรย์สำคัญอันเป็นมรดกโลก (World Heritage) ใจกลางเกาะชวาของประเทศอินโดนีเซีย และผสมผสานกับความเป็นไทย

ตั้งอยู่ภายในวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) สถานที่จำพรรษาช่วงสุดท้ายของ “หลวงปู่ศรี มหาวีโร” เป็นวัดที่ท่านละสังขารด้วย

ด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากคณะสงฆ์วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) และวัดสาขา ตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์ พร้อมใจกันสละกำลังกายและกำลังทรัพย์ ทำงานทั้งกลางวันกลางคืน ถวายเป็นการบูชาคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จถวายเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 90 ปี หลวงปู่ศรี มหาวีโร

กล่าวได้ว่า มีความเคร่งครัดในธรรมวินัย วัตรปฏิบัติดีเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชน

ถึงแม้ท่านจะเริ่มอายุมาก แต่ท่านก็ไม่เคยย่อท้อยังคงปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ

ถือเป็นทายาททางธรรมที่เดินตามรอยปฏิปทาของพระป่าสายวิปัสสนาอย่างแท้จริง
  ข่าวสดออนไลน์