[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

            ภาพที่เห็นอยู่นี้คือเครื่องประดับของฟาโรห์ตุตันคาเมน ที่เขียนเป็นพระนามตอนครองบัลลังก์ (Throne Name) ของตุตันคาเมนที่อ่านว่า Neb-Kheperu-Re (เน็บ-เคเพรู-เร)   และด้วงสการับสีน้ำเงินคือส่วนของคำว่า “เคเพร” (Khepre = xpr) ซึ่งก็คือพระนามของเทพเจ้าเคปริ (Khepri) และเป็นส่วนของชิ้นงานที่ทำจาก “ลาพิสลาซูลี” สีน้ำเงินนี่เอง

            สำหรับชาวอียิปต์โบราณ พวกเขาเชื่อว่า เทพเจ้ามีผิวหนังเป็นทองคำ มีกระดูกเป็นโลหะเงิน และมี “เส้นผม” เป็นลาพิสลาซูลี แต่ด้วยว่าอัญมณีชนิดนี้มีสีน้ำเงินอมม่วง ดังนั้นชาวอียิปต์โบราณจึงนิยมที่จะใช้หินสีชนิดนี้แทนวัตถุบางอย่างที่มีสีออกน้ำเงินเข้ม เช่นสีของตัวด้วงสการับดังที่เห็นอยู่

            ตกลงแล้วลาพิสลาซูลีกับอัฟกานิสถานเกี่ยวข้องกันตรงไหนล่ะ? คำตอบก็คือชาวอียิปต์โบราณนำเข้าหินลาพิสลาซูลีส่วนใหญ่มาจากทางบริเวณบาดัคชาน (Badakshan) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ซึ่งชาวไอยคุปต์ใช้หินลาพิสลาซูลีมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนราชวงศ์ หรือเรียกได้ว่าเก่าแก่กว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาลขึ้นไปอีก หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการใช้ลาพิสลาซูลีต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ไอยคุปต์ ซึ่งนั่นทำให้เห็นว่าในอดีตเคยมีเส้นทางการค้าจากอัฟกานิสถานเข้ามาถึงอียิปต์ แน่นอนว่ารวมถึงเมโสโปเตเมียที่คั่นอยู่ตรงกลางด้วยครับ เพราะมีหลักฐานของการใช้ลาพิสลาซูลีในเมโสโปเตเมียด้วยเช่นกัน และส่วนใหญ่ก็เป็นหินที่นำมาจากอัฟกานิสถาน

           ด้วยว่าอัญมณีสีน้ำเงินชนิดนี้หายาก (เพราะมาจากแดนไกล) แถมยังมีความเชื่อมโยงกับเทพเจ้า นั่นจึงทำให้อัญมณีชนิดนี้เปรียบเสมือนหินล้ำค่าของชาวไอยคุปต์

.
Credit ภาพ: https://i.pinimg.com/…/9e/18f59ef1e37d6a616a40fef0827ad5e1.… (https://i.pinimg.com/…/9e/18f59ef1e37d6a616a40fef0827ad5e1.…)
.
-- Nattapon Detkajon –