[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 02 กันยายน 2564 20:05:19



หัวข้อ: คุณ​ย่าชีนารี​ การุณ​ หน่อเนื้อธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 02 กันยายน 2564 20:05:19
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/68368912943535_240906480_2899263066992846_441.jpg)

นิมิตประหลาด
คุณ​ย่าชีนารี​ การุณ​

ระหว่างที่มีความรู้สึกอยากบวชอย่างแรงกล้านั้นเอง คุณย่านารีเล่าว่า เกิดนิมิตประหลาดขึ้นกับท่าน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาท่านงงงันไปหมด

เพราะขณะที่จะบริโภคอาหาร คือข้าวกับมะขามหวานอย่างเคย ท่านมองเห็นข้าวมะขามหวานและจานที่ใส่ กลายเป็นแก้วใสไปหมด  มองที่ตัวเอง เนื้อตัวเสื้อผ้าก็กลายเป็นแก้วไปอีก นี่อะไรกัน มองไปถึงเท้า ที่เท้าก็มีเกือกแก้วสวมใส่อยู่  ต่อมาก็มีดวงแก้วกลมใส เย็นตาโปร่งแสง ลอยลงจากเบื้องบน มีพานแก้วตั้งอยู่ข้างหน้า แก้วกลมลอยลงมาวางอยู่บนพาน ขนาดเท่ากะลามะพร้าวใหญ่สวยงามเป็นประกายระยับ

คุณย่าท่านก้มลงกราบ แล้วเชิญพานขึ้นไปไว้บนหิ้งพระ ระหว่างที่เดินไปที่หิ้งพระ รู้สึกว่าเกือกแก้วนั้นนุ่มใส่สบาย

เมื่อกลับมาที่เก่า ก็ปรากฏว่า มีพระพุทธรูปสีดำองค์หนึ่ง ขนาดศอกลอยลงมาวางบนบ่าขวา อีกองค์หนึ่งสีเหลืองเป็นทอง ขนาดเท่ากัน ลอยลงมาวางบนบ่าซ้าย ระหว่างที่งงงันกับปาฏิหาริย์ประหลาดนี้เอง คุณย่ารู้สึกว่า ตัวลอยสูงขึ้น - สูงขึ้นไปสู่เบื้องบน​แล้วก็​ได้​พบวัดๆ​ หนึ่ง​ มีกุฏิอยู่​หนึ่งหลัง​ ศาลาหนึ่ง​หลัง​ ประดับด้วยทองแลอร่าม เครื่องใช้ล้วนเป็นประกายด้วยแก้วทั้งสิ้น ยังความปีติปราโมทย์ โปร่งอกโปร่งใจสุดจะพรรณนา


นิมิตเป็นจริง
เมื่อกลับลงมาแล้ว วันรุ่งขึ้นเห็นลูกแก้วกลมเท่ากะลานั้นหายไป แต่พานแก้วยังอยู่ พิจารณานานเข้า ก็จำได้ว่าเป็นพานของท่านเอง เก็บห่อกระดาษใส่หีบไม้ ล่ามโซ่กุญแจไว้ ทำไมมาอยู่บนหิ้งพระได้ ถามลูกๆ ทุกคนว่าใครเอาพานในหีบ มาตั้งบนหิ้งพระ ไม่มีใครรู้เรื่องเลย

พานออกจากหีบมาได้อย่างไร เปิดหีบดูเกรงว่าจะเป็นพานอย่างเดียวกัน แต่พานแก้วในหีบก็ไม่มี พิจารณาตัวเอง นั่งก็แล้ว นอนก็แล้ว ยืนก็แล้ว เดินก็แล้ว ยังเห็นตนเองเป็นแก้วโปร่งใสอยู่เช่นเดิม

จนต้องถามลูกและสามีอีกว่า ตัวแม่เป็นอย่างไร ได้รับคำตอบว่า เป็นร่างกายมนุษย์อย่างที่เคยเป็น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงรู้ว่าเป็นการเห็นเฉพาะตัว ไม่มีใครเห็นด้วย

ที่ว่าเห็นเป็นแก้วโปร่งใสนั้น คุณย่านารีเล่าว่า ไม่ใช่นอนหลับฝันไป เห็นด้วยตาเนื้อนี่แหละ หลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น และเห็นอยู่เช่นนั้น นานถึง ๗ วัน

ใน ๗ วันนี้ ยังได้เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่บ้าน คุณย่าบอกให้ลูกเอาน้ำ เอาข้าว มะขามหวาน เข้าไปถวาย  แต่ลูกๆ มองไม่เห็นองค์พระพุทธเจ้า แล้วหาว่าแม่บ้า ไม่เห็นอะไรสักหน่อย บอกเป็นตุเป็นตะ ต้องเอาเข้าไปถวายเอง ซึ่งพระองค์ก็เสวย นี่เป็นนิมิตหมายให้เห็นไปเอง อย่างชัดเจน

แต่ความงงงันสงสัยที่เห็นสังขารเป็นแก้ว เห็นพระพุทธเจ้าลงมาหาและฉันอาหารบิณฑบาตที่ท่านถวาย​ ยังแน่นอยู่ในอกในใจ

จึงเดินทางไปหาหลวงปู่มั่น เพื่อฟังข้อธรรมคำสอน และถามปัญหาที่ยังข้องใจอยู่ ลูกและสามีก็ตามไปด้วย โดยคุณย่าเดินนำหน้า แต่ปรากฏว่าท่านเดินได้เร็วเหมือนกับลอยไปเหนือดิน ลูกและสามีเดินตามไม่ทัน


นะ-โม
เมื่อไปถึงหลวงปู่มั่น ก็เรียนถาม และเล่าเหตุการณ์ที่ท่านเห็นให้ฟัง หลวงปู่มั่นก็บอกว่า ที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ที่ลูกและสามีไม่เห็นด้วยก็เพราะบารมียังไม่ถึง ท่านสอนให้มีสติ ตั้งสติให้ดี

คุณย่าบอกว่าครั้งแรกหลวงปู่มั่น​ ท่านสอนให้ภาวนา "นะโม" แล้วก็​ "พุทโธ"

และอธิบายว่า “นะ” คือ ธาตุน้ำ “โม” คือธาตุดิน

ธาตุน้ำกับธาตุดินสำคัญมาก เพราะเป็นพื้นฐานของการเกิดธาตุทั้งสองผสมกันก่อน โดยบิดามารดา จึงเป็นตัวตนขึ้นมา เมื่อคลอดจากครรภ์มารดาแล้ว ได้รับข้าวสุก ขนมกุมมาส เป็นเครื่องเลี้ยงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาได้ “นะ จึงเป็นธาตุมารดา “โม” เป็นธาตุบิดา​ ฯล


ได้องค์ภาวนา
เมื่อท่านได้องค์ภาวนา จากหลวงปู่มั่นแล้ว คุณย่าบอกว่าเรื่ององค์ภาวนานี้ จะใช้ นะโม ก็ได้ พุทโธ ก็ได้ หรือจะใช้องค์อื่นก็ได้ แต่ข้อสำคัญก็คือให้แบ่ง ได้สองคำ คือคำหนึ่งหายใจเข้า คำหนึ่งหายใจออก เช่น “นะ” เข้า “โม” ออก หรือ “พุท" เข้า “โธ” ออก

เมื่อเรียนถามท่านว่า เมื่อภาวนาจนองค์ภาวนาหายไป จิตนิ่งเฉยไม่เห็นอะไร ไม่เคลื่อนไปทางไหน จะทำอย่างไร

ท่านก็บอกว่านั้นแหละ จิตมันขี้คร้าน จิตมันพัก เมื่อนิ่งเฉย​อยู่​ก็ปล่อย​ให้​มัน​เฉยไป

นั่งเฉยอยู่นั้น อย่าไปเลิกเสียตามความขี้คร้านของจิต แล้วมันจะรู้ขึ้นมาเอง ไม่ต้องใจร้อน ใจเร็ว หรืออยากเป็นนั่นเป็นนี่ อะไรทั้งหมด

เฉยไปเรื่อยๆ มันจะเกิดตัวรู้ขึ้นมาเอง เกิดปัญญาขึ้นมาเอง เราทำผิดเขาก็จะบอกให้รู้ ให้แก้ไข ตัวรู้ตัวปัญญามันมาทีหลัง เราจะรู้เองไม่ได้

ถ้านั่งเฉยไปจนจิตแก่กล้าแล้ว ที่ย่าเห็นก็คือก้อนแก้วที่ใส แจ๋วเย็นตา ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย

เมื่อเห็นแล้วก็ดูเฉยอยู่ต่อไป เราจะรู้สึกว่าโลกทั้งโลก มีก้อนแก้วใสนี้เพียงสิ่งเดียว ต้นไม้​ ภู​เขา หรืออะไรมันก็ไม่มี

ตอนนี้ มันจะรู้ขึ้นมาแจ่มแจ้ง พระอรหันต์ท่านจะมาเยี่ยม มาหาเราเอง

ย่าเห็นพระโมคคัลลานะรูปร่างท่านเหมือนท่านอาจารย์มหาบัว ไม่มีผิด พระอุททายี พระอานนท์ เห็นหมด

ท่านพาย่าขึ้นไปเบื้องบน ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เห็นท่านทรงดำเนินมามีกาน้ำ ถ้วยน้ำ ซึ่งล้วนเป็นแก้วมาด้วย

ท่านทรงรินน้ำในกาให้ย่าดื่ม เมื่อย่าดื่มแล้ว จิตใจก็โล่ง เกิดความชุ่มชื่นติดต่อกันถึง ๗ วัน ไม่หิว ไม่อยาก ไม่กระหาย​ จากแก้ว​ใสกระจ่างเย็น​ตา​ อดีตชาติ​ได้ผุดโผล่ขึ้นมาให้ย่าเห็น​อย่างทะลุปรุโปร่ง​

ย่ารู้ว่าในอดีต​หลายภพหลายชาตินั้น​ ย่าเกิดมาทุกอย่าง​ แม้กระทั่งสัตว์​ต่าง​ๆ​ ไม่ว่าใหญ่​หรือ​เล็ก​

เมื่อเห็น​การเวียนว่ายตายเกิดสารพัดชนิดเช่นนี้​ ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย​ สงสารสังเวชตนเอง​ แต่ละชาติที่เกิดมานั้น​ เป็น​ความทุกข์​ทั้งสิ้น​ ทำให้ไม่อยากเกิดอีกในภพในชาติต่อไป

คุณ​ย่าชีนารี​ การุณ​ ท่านวางธาตุขันธ์ลง เมื่อวันที่ ๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๔๒  เวลา ๒๐.๒๕ น. สิริอายุ ๑๒๓ ปี อยู่ในเพศแม่ชี ๘๓ ปีพอดี


ขอขอบคุณ เพจพระพุทธศาสนา (ที่มาภาพ/เรื่อง)