[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ จิบกาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 19 กันยายน 2564 20:05:59



หัวข้อ: เขม่นตา ความเชื่อโบราณ
เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 19 กันยายน 2564 20:05:59


 ✤✤ เขม่นตา ความเชื่อโบราณ  ✤✤

            ✍ ✍........
            อาการเขม่นตา หรือตากระตุก คือการที่กล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ ตาบางส่วนกระตุก หรือขยับเป็นพักๆ สาเหตุที่แท้จริงยังไม่มีใครทราบแน่นอน รู้แต่ว่าเป็นเพราะเส้นประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำงานไม่ดี มีคำสั่งออกมาเป็นระยะ ๆ ไม่สม่ำเสมอและบังคับไม่ได้ บางคนบอกว่าสาเหตุเกิดจากจิตใจ บ้างก็ว่าเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะพบว่าเกิดบ่อยในคนที่อดหลับอดนอนท้องผูก อ่อนเพลียมากๆ
มีผู้อธิบายอีกว่า อาการตาเขม่นอาจเป็นเพราะมีเส้นเลือดมาพาดบนเส้นประสาทนี้ พอเส้นเลือดเต้นตามชีพจร ผนังเส้นเลือดก็กระตุ้นประสาททำให้มีการกระตุกขึ้น
นั้นเป็นเป็นความเชื่อที่หลายๆคนเชื่อว่าเป็นเพราะปัญหาทางสุขภาพ แต่ขณะเดียวกันอีกกลุ่มหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุ จนกระทั่งในหนังสือ "ความเชื่อ" ที่เขียนโดย ภิญโญ จิตต์ธรรม ได้สรุปเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับการเขม่นเป็นลางบอกเหตุไว้ดังนี้

- เขม่นหนังตาขวา เชื่อว่า จะได้รับข่าวดีจากวงศาคณาญาติ หรือมิตรสหาย
- เขม่นหนังตาซ้าย เชื่อว่า จะได้ลาภทางความรัก
- เขม่นคิ้วขวา เชื่อว่า จะมีโชคลาภมาสู่ หรือลูกหนี้จะนำเงินมาให้ถึงบ้าน หรืออาจได้ลาภลอย
- เขม่นคิ้วซ้าย เชื่อว่า จะเสียทรัพย์ มีคนนำความเดือดร้อนมาให้ อาจเสียเงินเสียทอง
- เขม่นริมฝีปากบน เชื่อว่า จะได้ลาภลอย จะได้เงินทองโดยไม่นึกฝัน
- เขม่นริมฝีปากล่าง เชื่อว่า จะได้ลาภปาก
- เขม่นปากข้างขวา เชื่อว่า ไม่ดี อาจเกิดการทะเลาะวิวาท
- เขม่นปากข้างซ้าย เชื่อว่า จะได้โชคลาภใหญ่ในเวลาไม่นานนัก
- เขม่นที่จมูก เชื่อว่า จะได้รับข่าวร้ายจากมิตรสหายหรือวงศาคณาญาติ
- เขม่นที่หู เชื่อว่า จะได้รับข่าวดีจากทางไกล
- เขม่นที่ศอก เชื่อว่า จะมีคนนำของมาให้ แต่อย่ารับไว้จะเกิดโทษ
- เขม่นที่ขา เชื่อว่า จะมีการเดินทางไกลในระยะเวลาอันใกล้

(https://scontent.fphs3-1.fna.fbcdn.net/v/t1.6435-9/241051540_2740346376264854_8613548382327289491_n.jpg?_nc_cat=101&ccb=1-5&_nc_sid=8bfeb9&_nc_eui2=AeHrvML7BC26wOCa_xJNkZhxGsQlhi0QEXUaxCWGLRARdaqn0m2WZse4Bp4uMWFQ6mgHbwh3R6Bnj2FQKsduUvxt&_nc_ohc=A6zIDz7S71wAX8UzYQl&_nc_ht=scontent.fphs3-1.fna&oh=c07b4369d3a9f839b26b8cdd6357f6c3&oe=616DAF5A)

 
         ⒸⒸ ที่มา เพจเจาะเวลาหาอดีต