[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 01 พฤศจิกายน 2564 20:38:30



หัวข้อ: สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์สุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 พฤศจิกายน 2564 20:38:30

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/34930228938658_186535774_2130481263758618_799.jpg)

สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์

สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์สุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์

~~~~~~ ~~~~~~

สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์สุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์

"... พระนามเดิมคือ ม.ร.ว. ชื่น นพวงศ์ ประสูติในต้นสมัยรัชกาลที่ ๕ และบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี หลังจากนั้น ก็ทรงครองเพศบรรพชิตสืบมา จนได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อทรงมีพระชนมายุ ๗๓ พรรษา

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกผนวช พ.ศ.๒๔๙๙ พระองค์ได้ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ (อุปัชฌาย์) ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ๒ ปีถัดมา

แม้ว่าพระองค์ทรงมีชาติตระกูลอันสูง อีกทั้งทรงดำรงตำแหน่งประมุขสงฆ์ แต่พระองค์ทรงมีชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ มีเมตตา และเป็นกันเองอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะกับผู้คน แต่ยังรวมถึงสรรพสัตว์ด้วย

เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อได้เวลาฉัน พระองค์จะเสด็จไปประทับที่ห้องเล็ก นั่งกับพื้น หันหลังพิงฝา ระหว่างที่ฉันก็จะหยิบข้าวสุกทีละเม็ดจิ้มกับข้าว แล้วเอาติดไว้ที่ฝาเบื้องหลัง แล้วเอานิ้วเคาะที่ฝาเบาๆ ครั้งสองครั้ง จิ้งจกก็จะวิ่งออกมากิน บางตัวก็รู้เวลา ออกมาคอย และกินอาหารจากพระหัตถ์ของพระองค์เลยทีเดียว ว่ากันว่าพระองค์ทรงรู้จักจิ้งจกทุกตัวในกุฏิ

พระองค์ยังทรงขึ้นชื่อในเรื่องความเป็นกันเอง ไม่ถือพระองค์ อีกทั้งไม่มีพิธีรีตอง คราวหนึ่งพระองค์เสด็จไปงานบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ชาวบ้านที่มาทำบุญไม่รู้จักพระองค์ก็เรียกพระองค์ว่า หลวงตา พระองค์ก็ตอบรับ สนทนากับชาวบ้านทั้งวันอย่างสนุกและสบายใจ

บางครั้งพระองค์หายไปจากวัดบวรนิเวศเป็นเวลานานพระผู้ใหญ่ในวัดตามหากันจนวุ่น ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเสด็จออกจากวัดตอนไหน เพราะไม่มีรถหลวงประจำตำแหน่งสังฆราชมารับ ครั้นราวๆ เที่ยงเศษ ผู้คนก็โล่งใจเมื่อเห็นพระองค์เดินถือตาลปัตรกลับมาเอง เพราะทรงรับนิมนต์ชาวบ้านไปสวดมนต์และฉันเพลตามห้องแถวเล็กๆ บริเวณเสาชิงช้า หรือบางลำพู

เรื่องแบบนี้เลขานุการประจำพระองค์ มักไม่รู้ เพราะใครที่ประสงค์จะมานิมนต์พระองค์ สามารถเข้าถึงพระองค์ได้โดยตรงและง่ายดาย ส่วนพระองค์ก็มักจดวันเวลาไว้ตามเศษกระดาษบ้าง ห่อใบชาบ้าง สุดแท้แต่ว่ามีอะไรอยู่ใกล้มือ"

" มีเรื่องเล่าว่า วันที่มีประกาศสถาปนาพระองค์เป็นสมเด็จพระสังฆราชในพระบรมมหาราชวัง ศิษย์วัดกลุ่มหนึ่งที่ตามพระราชาคณะของตนเข้าไปในวัง ได้จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ข้างนอก เด็กคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า “สังฆราชองค์ใหม่ชื่ออะไรโว้ย!!?” เด็กในกลุ่มไม่ทันจะตอบ ก็มีเสียงห้าวๆ ดังมาจากข้างหลังว่า “ชื่อชื่นโว้ย

เมื่อเด็กหันหลังไปยังต้นเสียง ก็พบว่าผู้ตอบคือพระองค์นั่นเอง

ตอนนั้นพระราชพิธีเพิ่งเสร็จ พระองค์จึงเสด็จออกมาตามลูกศิษย์กลับวัด บังเอิญได้ยินคำถามของเด็ก พระองค์จึงตอบให้ เพราะนามเดิมของพระองค์คือ ม.ร.ว. ชื่น นพวงศ์"

แม้ทรงมีชาติตระกูลและสมณศักดิ์อันสูงยิ่ง แต่สิ่งเหล่านี้แทบไม่มีความหมายกับพระองค์เลย จะว่าพระองค์ไม่ไยดีเลยก็ว่าได้

เพราะทรงตระหนักว่ามันเป็นแค่สมมติที่มิควรลุ่มหลง

อีกทั้งเป็นโลกธรรมที่ไม่ยั่งยืน สำหรับพระองค์

การครองตนอย่างสมถะตามวิถีของสมณะมุ่งลดละกิเลสตามคำสอนของพระพุทธองค์ เป็นสิ่งประเสริฐและสำคัญเหนืออื่นใด


ที่มา : บทความ เหนือโลกธรรม
จากหนังสือลำธารริมลานธรรม โดยพระไพศาล วิสาโล