[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปรษณีย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 21:02:09



หัวข้อ: ข้าวจี่ อาหารแซ่บอีสานที่ไม่ธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 21:02:09
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/51986325946119__2_1024x768_Copy_.jpg)
ข้าวจี่ ที่ทำจากข้าวเหนียวใหม่จะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน

ข้าวจี่ : อาหารแซ่บอีสานที่ไม่ธรรมดา

ผู้เขียน จักรมนตรี ชนะพันธ์
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2564


ข้าวจี่ เป็นอาหารที่อยู่คู่กับคนอีสานมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวอีสานทั่วไปนิยมรับประทานข้าวจี่เป็นอาหารว่างในตอนเช้า โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว

เวลานวดข้าวที่ลาน ชาวบ้านตามละแวกคุ้มพากันมานั่งล้อมวงผิงไฟ นำข้าวเหนียวใหม่ที่นึ่งสุกมาปั้นขนาดเท่ากำมือ นำไม้มาเสียบตรงกลางตามยาวของปั้นข้าวเหนียว นำไปจี่ไฟอ่อนๆ ให้เกรียมพอเหมาะ จากนั้นนำข้าวจี่มาจุ่มไข่ไก่ที่ปรุงรสแล้ว เอาไปจี่ไฟอีกครั้งให้สุกพอประมาณ ข้าวจี่ที่ทำจากข้าวเหนียวใหม่จะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน และข้าวจี่เป็นอาหารที่ชาวอีสานทำเพื่อเป็นเสบียง สำหรับเวลาต้องเดินทางไกลหรือเวลาไปเลี้ยงสัตว์ตามท้องทุ่งนา ชาวบ้านจะนิยมห่อข้าวจี่ไปรับประทานด้วย เนื่องจากข้าวจี่เป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นานตลอดทั้งวัน

การทำบุญข้าวจี่ในประเพณีฮีตสิบสองของภาคอีสาน มีคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนามาจากอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗ เรื่อง นางปุณณทาสี ความว่า ในสมัยพุทธกาล นางปุณณทาสีเป็นคนเข็ญใจ ได้ทำขนมแป้งจี่ถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอานนท์เถระ ครั้นถวายแล้วจึงรับสั่งให้พระอานนท์ปูลาดอาสนะแล้วทรงประทับนั่งฉันท์ ณ ที่นางถวายนั้น เป็นผลให้นางเกิดปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็บรรลุโสดาบันปัตติผลด้วยอานิงสงฆ์ที่ถวายขนมแป้งจี่

จากเรื่องนี้ชาวอีสานได้นำมาเป็นคติความเชื่อว่า การถวายข้าวจี่นั้นจะได้อนิสงส์มาก ชาวอีสานรวมถึงชาวลาวที่อยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง จึงพากันยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เรียกว่า “บุญข้าวจี่หรือบุญเดือนสาม” จัดอยู่ในช่วงเดือนปลายเดือนมกราคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์

ดังที่ปราชญ์อีสานได้ประพันธ์ผญา (บทกลอน) เกี่ยวกับการทำบุญช่วงเดือนสามและเดือนสี่ในประเพณีฮีตสิบสองไว้ว่า “เถิงเมื่อเดือนสามค้อยเจ้าหัวคอยปั้นข้าวจี่ ตกเมื่อเดือนสี่ค้อยจัวน้อยเทศน์มัทรี” แปลว่า เมื่อถึงเดือนสามพระภิกษุสามเณรจะรอชาวบ้านทำบุญข้าวจี่ และเมื่อถึงเดือนสี่ (ช่วงเดือนมีนาคม) สามเณรจะเทศน์กัณฑ์มัทรีในงานบุญมหาชาติ

เมื่อถึงเดือนสามชาวบ้านจะประชุมกันเพื่อนัดวันทำบุญ โดยส่วนมากจะเลือกวันที่ตรงกับวันพระ เช่น เลือกวันมาฆบูชา (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓) หรือหลังจากวันมาฆบูชาเป็นวันทำบุญข้าวจี่ เมื่อถึงวันทำบุญชาวบ้านจะลงมือจี่ข้าวตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเอาข้าวเหนียวมาปั้นขนาดเท่ากำมือพอเหมาะ นำไม้มาเสียบตรงกลางตามยาวของปั้นข้าว นำไปจี่ไฟให้เกรียมอ่อนๆ ต่อมานำไข่ไก่ที่ปรุงรสด้วยเกลือมาทาให้ทั่ว แล้วนำไปจี่ไฟอีกครั้งจนสุกตามที่ต้องการ เสร็จแล้วก็นำมาถอดออกจากไม้เสียบและนำก้อนน้ำอ้อยยัดใส่ในรูตรงที่ไม้เสียบ จากนั้นนำข้าวจี่ไปยังอารามเพื่อทำบุญตักบาตรถวายข้าวจี่ มีการฟังพระธรรมเทศนา และพระสงฆ์อนุโมทนา เป็นอันเสร็จพิธีในการทำบุญ

ในปัจจุบันข้าวจี่ถือเป็นอาหารว่างที่ราคาไม่แพง มีขายตามท้องตลาดทั่วไปทั้งในภาคอีสานและในกรุงเทพฯ ขายคู่กับหมูปิ้งหรืออาหารว่างอย่างอื่นเป็นอาหารในชั่วโมงเร่งด่วน รับประทานง่าย อร่อย ดังนั้น จะเห็นได้ว่าข้าวจี่นอกจากเป็นอาหารที่ชาวอีสานทำขึ้นเพื่อการทำบุญและนิยมทำรับประทานแล้ว ยังเป็นอาหารที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถรับประทานได้อีกด้วย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/16290288128786__e1581127223744_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/80581939551565_JJ02_696x526_Copy_.jpg)
ข้าวจี่ ที่ชาวอีสานนำมาทำบุญในประเพณีบุญเดือนสาม ถวายแก่พระภิกษุสามเณร