หัวข้อ: โซกุชินบุตสึ ที่สุดแห่งการบำเพ็ญเพียร จนกลายร่างเป็น "มัมมี่พระ" เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 02 มิถุนายน 2565 12:22:57 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62949063256382_284262191_1395173434331666_728.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/17880328496297_285811909_1395173514331658_693.jpg) โซกุชินบุตสึ ที่สุดแห่งการบำเพ็ญเพียร จนกลายร่างเป็น "มัมมี่พระ" กระบวนการที่ทำให้ร่างกายเป็น "มัมมี่พระ" นั้นแท้จริงคือการบำเพ็ญเพียรรูปแบบหนึ่งของพระญี่ปุ่น นิกายชินงอน ซึ่งเป็นพุทธสายวัชรยาน เรียกกระบวนการทำมัมมี่ด้วยตนเองว่า "โซกุชินบุตสึ" (Sokushinbutsu) ซึ่งพบมากในหลายที่ของญี่ปุ่น แต่ที่พบมากคือ ในแถบยามากะตะ(Yamagata) ทางตอนเหนือ ในช่วงศตวรรษที่ 11-19 การทำมัมมี่ด้วยตนเองนี้ไม่ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของการ "บรรลุธรรม" โดยเชื่อว่าเพื่อให้ร่างกายเป็นอมตะดำรงอยู่ตลอดไป จนกว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จกลับมายังโลกอีกครั้ง ซึ่งอาจจะหมายถึงยุคพระศรีอาริย์ หากพระรูปหนึ่งต้องการที่จะเป็น "มัมมี่พระ" ก็เท่ากับท่านตัดสินใจแล้วว่า จะสละโลกนี้ไป โดยพระรูปนั้นจะต้องเข้าสู่กระบวนการบำเพ็ญเพียร ซึ่งทั้งหมดอาจใช้เวลาราว 3,000 วัน หรืออาจยาวนานถึง 10 ปี โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 1,000 วัน โดย 1,000 วันแรกนี้ พระต้องงดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ แม้กระทั่งผักผลไม้ก็งดเว้น แต่ฉันเฉพาะเมล็ดพืชต่างๆ ที่หาได้ตามป่าตามเขาเท่านั้น นอกจากนี้ พระยังต้องไปบำเพ็ญเพียรหลายรูปแบบ อาทิเช่น ไปนั่งสมาธิในถ้ำลึกๆ มืดๆ ถ้ำใต้ดิน หรือบางทีก็ไปนั่งสมาธิอยู่ใต้น้ำตกที่หนาวเย็น ซึ่งนักวิเคราะห์ในปัจจุบันกล่าวว่า เป็นกระบวนการนำไปสู่การ "ทำลายไขมัน" ในร่างกายออกไปให้เหลือน้อยที่สุด เวลาเป็นมัมมี่ร่างกายจะได้ไม่เน่าเปื่อย พอผ่าน 1,000 วันแรกไป (ราวเกือบ 3 ปี) ก็จะออกจากป่ามาจำวัด โดยจะเลิกฉันพวกเมล็ดพืช เปลี่ยนมาเป็นฉันแค่เปลือกและรากของต้นสนเท่านั้น เรียกว่า "โมกุจิคิเกียว"(Mokujikigyo) ซึ่งแปลว่ากินต้นไม้ โดยแต่ละวันจะนั่งวิปัสสนากรรมฐาน บำเพ็ญสมาธิอยู่ตลอดเวลา เป็นระยะเวลาอีก 1,000 วัน ส่วนในช่วง 1,000วันสุดท้าย พระจะฉันชาชนิดพิเศษ ซึ่งเชื่อกันว่ามีส่วนผสมของน้ำยางชนิดหนึ่งจากต้น "อุรุชิ" (Urushi) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เอาเปลือกมาทำน้ำยาเคลือบแบบจีน รวมถึงฉันชาที่มีส่วนผสมของเกลือจากน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์ พระบางแห่ง ในระยะสุดท้ายจะปฎิบัติไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะงดน้ำ จนร่างกายแห้งลงและถึงแก่ความตายในที่สุด แต่ในบางที่ พอช่วงท้ายๆ พระจะยอมรับความตายโดยให้ลูกศิษย์นำร่างกายในท่านั่งสมาธิไปฝั่งทั้งเป็น ไว้ในสุสานใต้ดิน ที่มีขนาดพอดีกับตัวคน พระจะนั่งวิปัสนาอยู่ใต้ดิน โดยจะทำไม้ไฝ่เป็นท่อไว้สำหรับหายใจ พระจะสั่นกระดิ่งวันละครั้งเพื่อให้ลูกศิษย์ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ เมื่อใดที่ได้ยินเสียงกระดิ่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ลูกศิษย์ก็จะปล่อยสุสานเอาไว้อย่างนั้นอีก 1,000 วัน รวมเป็น 3,000 วันแล้วจึงขุดศพขึ้นมา ถ้าขุดขึ้นมาแล้วร่างกายแห้ง ไม่เน่าไม่เปื่อย ก็จะได้รับการบูชาอย่างสูง ถือเป็น "พระมัมมี่ที่ศักดิ์สิทธิ์" สามารถบรรลุธรรมจริง และจะมีการแต่งกายให้พระมัมมี่ด้วยเครื่องแต่งกายของพระชั้นสูง (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/53082601643270_285699956_1395173364331673_221.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/56221704681714_284374304_1395173397665003_603.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/49279090017080_284430603_1395173330998343_899.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/56697779935267_285392101_1395173297665013_214.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92091239781843_285450741_1395173544331655_883.jpg) |