หัวข้อ: สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทโว) เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 08 มิถุนายน 2565 19:00:50 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/44011289005478_EKSPO2sU0AAplIr_Copy_.jpg) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ สมเด็จพระ อริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 พระนามเดิม “แพ” ประสูติเมื่อวันพุธที่ 12 พ.ย.2399 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในครอบครัวเป็นชาวสวนบางลำพูล่าง อำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี พ.ศ.2411 ปีมะโรง บรรพชาที่วัดราชบูรณะ ศึกษาเล่าเรียนที่วัดทองนพคุณ ต่อมาเมื่ออายุ 16 ปี ตามสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) มาอยู่วัดพระเชตุพนฯ ครั้นสมเด็จพระวันรัตอาพาธใกล้ถึงมรณภาพ แนะนำให้พระองค์ไปฝากตัวเป็นศิษย์พระเทพกวี (แดง) วัดสุทัศน์ (ภายหลังพระเทพกวีได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต) ปีเถาะ พ.ศ.2422 อุปสมบทที่วัดเศวตฉัตร มีพระเทพกวี (แดง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ชุ่ม วัดทองนพคุณ และพระอาจารย์โพ วัดเศวตฉัตร เป็นคู่พระกรรมวาจาจารย์ กลับมาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมกับพระอุปัชฌาย์ที่วัดสุทัศน์ และยังได้ศึกษากับสมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์ ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรม 3 ครั้ง ได้เปรียญธรรม 5 ประโยค ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2432 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะที่พระศรีสมโพธิ และได้เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นเทพใน พระราชทินนามเดิม เมื่อพ.ศ.2439 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พ.ศ.2441 เลื่อนเป็นพระราชาคณะที่พระเทพโมลี พ.ศ.2433 เลื่อนเป็นพระธรรมโกศาจารย์ พ.ศ.2455 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานหิรัญบัฏ เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพรหมมุนี พ.ศ.2466 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพุฒาจารย์ พ.ศ.2472 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวันรัต ครั้นเมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ 11 วัดราชบพิธฯ สิ้นพระชนม์ จึงมีประกาศสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ เมื่อ วันที่ 15 พ.ย.2481 โดยประกาศสถาปนาสมเด็จพระวันรัตขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาล ที่ 8 ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 วันที่ 19 ก.ย.2482 ได้มีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุพรรณบัฏสมเด็จพระสังฆราชเจ้าว่า “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ” ทรงปกครองคณะสงฆ์ให้เจริญเรียบร้อยก้าวหน้ามาโดยลำดับ ตั้งแต่เริ่มจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ด้านการศึกษาส่วนพระปริยัติธรรม รับหน้าที่เป็นแม่กอง สนามหลวงฝ่ายบาลี สอบวัดความรู้พระปริยัติธรรมพระภิกษุ-สามเณร ตั้งแต่พ.ศ.2471-2474 แม้จะทรงพระชราภาพ แต่ยังทรงพระปรีชาญาณ และทรงเห็นว่าจะไม่สามารถปกครองสังฆมณฑลให้สัมฤทธิผลได้ดังพระราชประสงค์ จึงทรงพระกรุณาตั้งคณะบัญชาการแทนพระองค์ขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อดำเนินศาสนกิจให้ลุล่วง จวบจนวันที่ 14 ต.ค.2484 รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เพื่อประสานนโยบายฝ่ายพุทธจักรกับอาณาจักร จึงมีพระบัญชาให้เปิดประชุมสมัยสามัญแห่งสังฆสภาขึ้น และเสด็จเปิดเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2485 ทรงแต่งตั้งพระมหาเถรานุเถระในสังฆสภา ให้ดำรง ตำแหน่งตามบทแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 โดย ครบถ้วน ในบั้นปลาย ทรงประชวรด้วยพระโรคชรา ถึงวันที่ 1 พ.ย.2487 คณะแพทย์ถวายการรักษาจนสุดความสามารถ พระอาการทรุดหนัก จนถึงวันที่ 26 พ.ย.2487 สิ้นพระชนม์ที่ตำหนักสมเด็จ ในวัดสุทัศนเทพวราราม สิริพระชนมายุ 89 ปี พรรษา 66 ... ที่มา ข่าวสดออนไลน์ |