[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 16 มิถุนายน 2565 11:23:29



หัวข้อ: 'ทิพยอำนาจ' แห่งพระอริยเถระ 'หลวงปู่ฝั้น อาจาโร' บันทึกโดย 'หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ'
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 16 มิถุนายน 2565 11:23:29
(https://s.isanook.com/ho/0/ud/22/111201/fh.jpg)

'ทิพยอำนาจ' แห่งพระอริยเถระ 'หลวงปู่ฝั้น อาจาโร' บันทึกโดย 'หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ'

มีเรื่องเกี่ยวกับ "หลวงปู่ฝั้น อาจาโร" วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร บันทึกโดยหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นเรื่องหนึ่งที่กล่าวขวัญกันมากในบรรดาศิษย์ขององค์ท่าน เรื่องมีอยู่ว่า

ในระหว่างที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร พำนักอยู่ในถ้ำพระบนภูวัว ครั้งนั้นท่านได้ประสบอุบัติเหตุที่นับว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิตของท่าน กล่าวคือ วันหนึ่งได้มีญาติโยมบ้านดอนเสียดและบ้านโสกก่ามพากันขึ้นไปนมัสการ หลวงปู่จึงได้ขอให้ญาติโยมพาชมภูมิประเทศบนภูวัว และเพื่อจะแสวงหาสมุนไพรบางชนิดด้วย เมื่อฉันจังหันเสร็จก็ออกเดินทาง มีโยมสองคนเดินนำหน้า หลวงปู่ฝั้นและพระภิกษุเดินตามหลัง ส่วนสามเณรนั้นท่านให้เฝ้าอยู่ที่พัก

ทั้งหมดเดินขึ้นไปตามลำห้วยบางบาด พอถึงลานหินที่ลาดชันขึ้นไปข้างบน ระยะทางยาวประมาณสิบกว่าวา บนลานมีน้ำไหลรินและมีตะไคร่หินขึ้นอยู่ตามทางชันนั้นโดยตลอด โยมสองคนเดินนำหน้าไปก่อน หลวงปู่ท่านเดินตามขึ้นไปและตามด้วยพระภิกษุเดินรั้งท้าย โยมทั้งสองไต่ผ่านลานหินอันชันลื่นขึ้นไปได้แล้ว ส่วนหลวงปู่ก็ไต่จวนจะถึงข้างบนอยู่แล้ว กะว่าเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะพ้นไปได้

พอท่านก้าวข้ามร่องน้ำ พลันท่านก็ลื่นล้มทั้งยืน ศีรษะฟาดกับลานหินดังสนั่น เสียงเหมือนมะพร้าวถูกทุบ จากนั้นก็ลื่นไถลลงมาตามลานหิน เอาศีรษะลงมาก่อน

พระลูกศิษย์ที่เดินรั้งท้ายตกใจตัวสั่น ยืนนิ่งอยู่กับที่ จะเข้าไปช่วยอะไรก็ไม่ได้ เพราะท่านเองก็ประคองตัวแทบไม่อยู่เหมือนกัน ได้แต่ยืนตัวสั่น มองดูพระอาจารย์ไถลผ่านหน้าไปด้วยความตกตะลึง

ร่างของหลวงปู่ลื่นไถลไปได้ประมาณหกวา ก็ไปตกหลุมหินซึ่งเป็นแอ่งแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความลื่นของตะไคร่ ท่านจึงไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น กลับหมุนตัวในลักษณะเอาศีรษะขึ้นแล้วลื่นไถลลงต่อไปอีก

ข้างล่างมีช่องหินใหญ่ ครือๆ กับตัวคน น้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาไปรวมหล่นอยู่ในช่องนั้น กลายเป็นหลุมน้ำวน หากท่านไถลไปถึงช่องนั้น แล้วไหลพรวดลงในช่องหิน คงถึงแก่มรณภาพโดยมิต้องสงสัย

เหลือเชื่อ คงเป็นด้วยอำนาจบุญ ก่อนร่างท่านจะถึงช่องหิน หลวงปู่กลับตั้งหลักลุกขึ้นได้
 
แล้วท่านก็เดินขึ้นไปตามทางเดิมที่ร่างท่านร่วงหล่นลงมาด้วยท่าทางปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระลูกศิษย์ร้องขอให้ท่านอ้อมไปขึ้นทางอื่น แต่ท่านไม่ยอมและบอกว่า เมื่อมันตกมาตรงนี้ ก็ต้องขึ้นไปตรงนี้ให้ได้

หลวงปู่ฝั้นเดินขึ้นไปตามทางเดิมด้วยความง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ น่าอัศจรรย์ก็ตรงที่ว่า ร่างกายของหลวงปู่มิได้ปรากฏบาดแผลให้เห็นแม้แต่เล็กน้อย ถึงจะมีรอยถลอกบนข้อศอกก็เพียงรอยเท่าหัวไม้ขีดไฟ ไม่น่าจะเรียกว่าบาดแผล

ตกเย็น เมื่อกลับมาถึงที่พัก หลังจากสรงน้ำเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็ออกเดินจงกรมตามปรกติ ตกค่ำ พระภิกษุได้เข้าไปถวายการปฏิบัติ แล้วถามอาการของท่านว่า ขณะที่ศีรษะท่านกระแทกหินดังสนั่นนั้น ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง

หลวงปู่ตอบว่า “อาการก็เหมือนสำลีตกลงบนหินนั่นแหละ”

พระภิกษุรูปนั้นขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ มีความเห็นว่า ในขณะที่ท่านกำลังลื่นล้ม ก่อนศีรษะฟาดลาดหินนั้น ท่านสามารถกำหนดจิตได้ในชั่วพริบตา ทำให้ตัวท่านเบาได้ดังสำลีโดยฉับพลัน เพราะท่านเคยเทศน์สั่งสอนเสมอว่า จิตของผู้ที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมีสติพร้อมอยู่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ถึงแม้จะหลับอยู่ ก็หลับด้วยการพักผ่อนในสมาธิ

เขียนบันทึกโดย...หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ


ที่มา นสพ.แนวหน้า