[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 13 กันยายน 2565 17:59:47



หัวข้อ: ผ้าสันถัด - ผ้าที่พระภิกษุรองนั่ง. ผ้ากราบ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 กันยายน 2565 17:59:47
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/66507447262604_306326407_1333946483679719_348.jpg)
ผ้าสันถัด หมายถึง ผ้าที่พระภิกษุรองนั่ง. ผ้ากราบ หรือผ้าที่ภิกษุสามเณรใช้รองในเวลากราบพระ

ผ้าสันถัด


ประกาศแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ว่าด้วยผ้าสันถัด

ผ้าชื่อ (นิสีทนัง) เป็นของอย่างหนึ่ง มีพุทธานุญาตให้ทำ ให้ใช้ ว่าไว้ในจีวรขันธ์ แลมีประมาณบังคับในปาจิตตียกัณฑ์วรรปลายเป็นสิกขาบทอันหนึ่ง เป็นผ้าวิเศษอย่างหนึ่ง ซึ่งควรจะเล็กกว่าผ้าไตรจีวรทั้งสามผืน สำหรับภิกษุจะได้ใช้รักษากาย รักษาจีวร แลรักษาเสนาสนะมีอยู่ในวินัยบัญญัติ แต่ผ้านั้นเดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้นานแล้ว ก็เมื่อจะไม่ใช้ก็ได้ ไม่มีโทษก็เพราะภิกษุถือเตจิวริกก็ต้องยกเสียไม่ใช้ แต่ถึงกระนั้นพุทธบัญญัติเป็นสิกขาบท ภิกษุก็จำจะต้องศึกษารู้ไว้จึงจะชอบแต่บัดนี้ความในสิกขาบทนั้น ถึงพระราชาคณะบางองค์ที่มีบรรดาศักดิ์มาก เลื่อนที่เป็นถึงสมเด็จพระราชาคณะแล้วบ้าง เป็นพระราชาคณะสูงอายุแก่จนถึง ๖๐ พรรษาแล้วบ้างก็ไม่รู้ เมื่อยามจะมาต้องเทศนา ต้องเจรจาถึงผ้านิสีทนังนั้นก็ว่างมงาย มืดมน ไม่เข้าใจเลย จนถึงแปลคำบาลี (อทสกํ นิสีทนํ) ว่าสันถัดไม่มีฝ้ายก็ว่าได้ น่าอายแก่คฤหัสถ์ที่เป็นศิษย์พระสมถะ แปลหนังสือไม่ออกรู้แต่สิกขา ๑๐ ผูก สั่งสอนให้ศิษย์รู้สิกขาบทนี้ได้นั้นนักหนา ถึงตัวพระราชาคณะนั้นจะเพลิดเพลินไปด้วยความสุขที่ไม่เอาใจใส่สิกขาบทนั้นแล้วไม่รู้จักอายก็ดี พระเจ้าแผ่นดินซึ่งเป็นนิพัทธอุปฐาก ก็ได้ยกย่องตั้งแต่งให้มีฐานันดรยศศักดิ์เป็นพระราชาคณะแล้ว ถวายนิตยภัตอยู่เป็นนิตย์นั้น เมื่อได้ทรงสดับคำ งมๆ งายๆ เก้อๆ ดังนี้ มีความรำคาญพระราชหฤทัยละอายแทนนัก แต่ครั้นจะเตือนจะตักให้เอาใจใส่ศึกษาให้รู้ไว้ เพื่อจะได้ใช้ในเวลาเมื่อจะต้องออกชื่อของที่ต้องบังคับในวินัย คือเมื่อสำแดงธรรมเทศนาก็ดี เมื่อจะปรึกษาความพระสงฆ์บางคราวก็ดี จะต้องออกชื่อของนั้น อธิบายของนั้นแล้วจะได้ว่าให้ถูกๆ อย่าให้ผิดๆ เลื่อนเปื้อนไปให้ผู้รู้เล ๆ หัวเราะเยาะได้นั้น ก็ทรงพระราชดำริเป็นแน่ในพระราชหฤทัยอยู่แล้ว ว่าการที่จะทรงตักเตือนดังนั้น ก็จะเหมือนกันกับการที่บุราณว่า ว่าน้ำท่าไปยอนหูหนวก แต่ถึงกระนั้นกัลยาณวัตรของพระเจ้าแผ่นดินที่เป็นผู้อุปฐาก อุปถัมภ์พระราชาคณะนั้นควรจะทรงปรนนิบัติอย่างไรให้เป็นคุณ โดยทางธรรมตามวิสัยนักปราชญ์ก็ทรงปรนนิบัติไปอย่างนั้นเอง เหมือนกับการถวายเงินทองแก่พระสงฆ์ด้วยกัปปิยโวหาร ถึงทรงทราบแล้วว่าพระสงฆ์ไม่ต้องการด้วยกัปปิยโวหาร ก็ดำรัสไปอย่างนั้นเองด้วยกัปปิยโวหาร แต่พอไม่ให้เสียกัลยาณวัตร เพราะฉะนั้นบัดนี้ จึงมีพระบรมราชโองการฯ ให้เจ้าพนักงานจัดแจงแต่งตัดผ้านิสีทนังนั้น ให้ต้องอย่างต้องประมาณ ตามความในบาลีแลอรรถกถาฎีกา เป็นผ้านิสีทนังร้อยผืนพระราชทานมาแก่พระราชาคณะ แลพระราชวงศานุวงศ์ซึ่งทรงผนวชมีฐานันดรเป็นพระราชาคณะแลเปรียญ แลพระครูฐานานุกรมบาเรียนผู้ใหญ่ ซึ่งควรจะเลื่อนที่เป็นพระราชาคณะต่อไปรูปละผืน เพื่อจะให้รู้จักว่าผ้านิสีทนังตามวินัยบัญญัติเป็นดั่งนี้  จะเชื่อก็ตามไม่เชื่อก็ตาม จะเอาใจใส่ก็ตามไม่เอาใจใส่ก็ตาม เมื่อเวลาจะออกชื่อถึงผ้านิสีทนังนี้ เมื่อเทศนาทุติยสังคายนา จะไม่ได้ว่าผ้าสันถัดไม่มีฝ้าย ฤาว่าล่อมๆ แล่มๆ แอ้มๆ อ้อมๆ อยู่น่าอายน่าบัดสี ๚

อนึ่ง พระสงฆ์เมื่อจะเทศนาก็ดี จะพูดยกตนก็ดี มักพูดบ่อยๆ ทีเดียว ว่าภิกษุตั้งอยู่ในศีล ๒๒๗ ฝ่ายผู้ที่ได้ฟังไปนั้น จนผู้หญิงแลเด็กๆ ก็พูดกันอึงไปว่าพระสงฆ์นั้นศีล ๒๒๗ ก็นิสีทนสิกขา บทที่ว่าด้วยประมาณผ้านิสีทนังเช่นนี้นั้นก็มีในพระปาฏิโมกข์นับเป็นหนึ่งใน ๒๒๗ ๚

ก็ถ้าพระสงฆ์รูปใดมาเทศนาว่าเลื่อนเปื้อน ไม่รู้จักผ้านิสีทนัง ไม่เข้าใจแล้ว ผู้หญิงก็ดี เด็กๆ ก็ดี จะมิว่าศีล ๒๒๗ ของพระสงฆ์รูปนั้นไม่ครบฤๅเป็นที่อัปยศอดอายเพราะไม่สมกับคำปฏิญญาว่าศีล ๒๒๗ นั้นว่ามาทั้งนี้ ก็ทราบแล้วจะไม่เป็นที่ยินดีแก่ท่านผู้อ่าน แต่เข้าใจว่าคำที่ว่ามานี้ ท่านผู้ใดได้ฟังแล้วไม่ชอบใจ ท่านผู้นั้นจะไม่เป็นเขตให้เกิดบาปแก่ผู้ว่านักดอก ท่านผู้ใดที่ได้อ่านคำที่ว่ามานี้แล้ว มีความยินดีสาธุการเห็นชอบด้วย ท่านผู้นั้นจะเป็นบุญเขตแรงยิ่งกว่าเขตบาป จึงได้ว่ามาเมื่อท่านผู้ใดเห็นว่าล่วงว่าจู้จี้ไม่ต้องการ ขอขมาเสียเถิดอย่าขัดเคืองเลย ๚ะ



ขอขอบคุณ เพจเล่าเรื่องวัดบวรฯ (ที่มาเรื่อง/ภาพ)