หัวข้อ: ทหารพม่ามาซุ่มดักชิงพระเทพกษัตรีย์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 05 มกราคม 2566 19:48:22 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/24737568323810_14_Copy_.jpg) ทหารพม่ามาซุ่มดักชิงพระเทพกษัตรีย์ ราชธิดาองค์น้อยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปกรุงหงสาวดี ภาพ : ครูเหม เวชกร ทหารพม่ามาซุ่มดักชิงพระเทพกษัตรีย์ ราชธิดาองค์น้อยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปกรุงหงสาวดี ในบรรดาพระมหากษัตริย์ที่ครองกรุงศรีอยุธยาเห็นจะไม่มีราชสกุลของพระองค์ใดที่จะพัวพันกับความรุ่งโรจน์ และความล่มจมของบ้านเมืองมากเท่ากับราชสกุลของ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และเสียงกลองศึกในยุคใดก็เห็นจะไม่ดังกึกก้องสุวรรณภูมิเท่าในยุคราชสกุลของ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ นี้เหมือนกัน เสียงกลองศึกรัวอยู่ ๕๗ ปี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๐๙๑ ถึง พ.ศ.๒๑๔๗ นำมาทั้งความล่มจมและความรุ่งโรจน์ ! สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ มีพระมเหสีคือ สมเด็จพระสุริโยทัย พระแม่เจ้าได้เสด็จออกต้านกองทัพพระเจ้าหงสาวดี ซึ่งยกมาตีกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งแรกในพงศาวดาร ถูกข้าศึกฟันทิวงคตอยู่กับคอช้าง นับเป็นยอดวีรสตรีของชาติไทย เป็นที่ยกย่องเชิดชูมาจนทุกวันนี้ จากสายโลหิต สมเด็จพระสุริโยทัย มาเป็นพระราเมศวร พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมหินทร์ และพระเทพกษัตรีย์ พระราเมศวร เป็นผู้ที่ไม่ยอมให้ช้างเผือกแก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง แล้วก็เกิดสงคราม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิยอมเป็นไมตรี พระเจ้าหงสาวดีก็ขอเอาพระราเมศวรไป พระมหินทร์ คือพระเจ้าแผ่นดินที่เสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งแรก พระวิสุทธิกษัตรีย์ คือ พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา เป็นพระราชมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้กู้กรุงศรีอยุธยาซึ่งพระเจ้าน้าได้เสียไป ให้กลับคืนสู่อิสรภาพ แล้วทำสงครามปราบอริราชศัตรู ขยายอาณาเขตออกไปกว้างใหญ่ไพศาลไม่มียุคใดจะเสมอเหมือน ส่วนพระเทพกษัตรีย์ เป็นชนวนอันหนึ่งที่ทำให้เกิดความแตกร้าวในราชสกุล อันนำมาซึ่งความล่มจม คือเสียกรุงดังกล่าวแล้ว เรื่องมีว่า พระไชยเชษฐา เจ้านครศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง เวียงจันทน์ มีพระราชสาส์นมาขอพระเทพกษัตรีย์ไปเป็นมเหสี ในระยะนี้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกำลังเจ็บช้ำน้ำใจพม่า ที่ต้องเสียสมเด็จพระสุริโยทัยไปแล้วมิหนำซ้ำกลับเสียพระราเมศวรราชโอรสไปอีก ทั้งยังจะต้องส่งสวยให้แก่พระเจ้าหงสาวดีต่อไปอีกไม่สิ้นสุด มีพระประสงค์จะหาเพื่อน จึงโปรดประทานให้ ความรู้ไปถึงพระมหาธรรมราชากับพระวิสุทธิกษัตรีย์ ซึ่งเป็นพี่เขยกับพี่สาว ทั้งสองไม่เห็นชอบด้วย ที่ไม่เห็นชอบด้วยก็คงเป็นเพราะพระไชยเชษฐาสู้พระเจ้าบุเรงนองไม่ได้ด้วยประการต่างๆ แต่ไม่บอกความไม่ชอบต่อสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กลับไปบอกกับพระเจ้าหงสาวดี ปรากฏในพงศาวดารว่า “พระเจ้าหงสาวดีทราบ ก็แต่งให้พระตะบะเป็นนายกอง ฟ้าเสือต้าน มังกลอกหม้อ คุมพลหมื่นหนึ่งรุดมาตั้งซุ่มคอยอยู่ตำบลมะเริงนอกด่านเมืองเพชรบูรณ์ ออกสกัดตีชาวกรุงศรีสัตนาคนหุตนั้นแตกฉาน ได้พระเทพกษัตรีย์ไปถวายพระเจ้าหงสาวดี” เป็นอันว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิต้องเสียพระเทพกษัตรีย์ราชธิดาองค์น้อย เลือดวีรสตรีแก่พระเจ้าหงสาวดี ที่บาดใจไปอีกองค์หนึ่ง เป็นการเพิ่มพูนความเจ็บช้ำน้ำใจขึ้นอีกร้อยเท่าทวีคูณ ภาพพระเทพกษัตรีย์ถูกพม่าชิงไปนี้ ถอดจากข้อความในพงศาวดารเพียง ๔ บรรทัด แต่ ๔ บรรทัดนี้มีค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระมหินทร์ พระมหาธรรมราชา ทั้งสามมีเรื่องกินใจแคลงคลางกันบ้างแล้ว ก็ขัดข้องเคืองกันเป็นข้อใหญ่ ความร้าวรานที่มีอยู่เดิมก็กลายเป็นแตก เมื่อคนแตก กรุงก็แตก ! 700 เรื่อง - ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ภาพวาด - ครูเหม เวชกร ขอขอบคุณที่มา มูลนิธิเหม เวชกร |