หัวข้อ: หลวงพ่อดำ วัดลาดสิงห์ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2566 13:13:28 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/64798058900568_1_Copy_.jpg) หลวงพ่อดำ : พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดลาดสิงห์ เป็นที่เคารพเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและประชาชนทั่วไปจำนวนมาก วัดลาดสิงห์ ตำบลบ้านสระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี วัดลาดสิงห์ เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๕ ตำบลบ้านสระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ตามทำเนียบวัดและโบราณสถานจังหวัดสุพรรณบุรี ระบุว่า วัดลาดสิงห์ ตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๐๐๙ สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยหลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกระทำยุทธหัตถี มีชัยต่อสมเด็จพระมหาอุปราชา เมื่อ พ.ศ.๒๑๓๕ และทราบว่าพระสุพรรณกัลยา พระพี่นางที่เป็นองค์ประกันอยู่ที่กรุงหงสาวดี ถูกประหารชีวิตด้วยพระแสงดาบของพระเจ้านันทบุเรง เป็นการล้างแค้นที่พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ด้วยพระแสงของ้าวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงเสด็จมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดลาดสิงห์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระสุพรรณกัลยา และได้ยกฐานะวัดลาดสิงห์เป็นพระอารามหลวงในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังมีความเชื่อตามคำเล่าขานของคนเก่าแก่ในหมู่บ้านว่า เดิมชื่อ “วัดราชสิงห์” ซึ่งหมายความว่า สิงห์ของพระราชา ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นวัดลาดสิงห์ โดยบริเวณนี้เคยเป็นที่พักทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีสระน้ำรายรอบ และต่อมาถูกถมดินไปมากเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ในการเดินทัพมาครั้งนั้น มีพนักงานกองเสบียงอาหารติดตามมาด้วย ส่วนมาเป็นชาวลาวเวียงจันทน์ ปัจจุบันยังมีอาศัยอยู่ด้านตะวันตกของวัด เรียกว่า “หมู่บ้านลาว” งานประจำปี ได้แก่ งานทำบุญปิดทองหลวงพ่อดำปีละ ๒ ครั้ง คือ แรม ๒ ค่ำ ถึง ๓ ค่ำ เดือน ๔ และแรม ๒ ค่ำ ถึง ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปัจจุบัน วัดลาดสิงห์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี มีประชาชนเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อดำ และถวายสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา ที่วัดลาดสิงห์อย่างไม่ขาดสาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/93119337865047_4_Copy_.jpg) พระมหาธรรมราชาธิราช และพระวิสุทธิ์กษัตริย์ มีพระราชโอรส พระราชธิดา ด้วยกันคือ(http://www.sookjaipic.com/images_upload/38491907591621_3_Copy_.jpg) หลวงพ่อดำ ชาวบ้านเรียก “หลวงพ่อดำ” (เรียกตามพระนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คือ พระองค์ดำ)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/43276866028706_5_Copy_.jpg) อุโบสถ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงแก้วก่อล้อมรอบ (กำแพงแก้วเดิมที่ยังไม่ทำการบูรณะซ่อมแซม) มีทางเข้าเฉพาะด้านหน้า (http://www.sookjaipic.com/images_upload/81702957095371_9_Copy_.jpg) ด้านหน้าอุโบสถไม้ วัดลาดสิงห์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/32908731078108_20_Copy_.jpg) ใบเสมาหินทราย วัดลาดสิงห์ ลักษณะเรียบ ไม่มีลวดลาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/80782627190152_10_Copy_.jpg) สระน้ำหน้าอุโบสถวัดลาดสิงห์ มีถนนตัดคั่นกลางกับกำแพงแก้วอุโบสถ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/35246180701586_11_Copy_.jpg) สิงห์คู่ ประตูทางเข้าอุโบสถวัดลาดสิงห์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/54948692272106_12_Copy_.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/15712564769718_6_Copy_.jpg) พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ), สมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) และพระสุพรรณกัลยา ๑. พระสุพรรณกัลยา ประสูติในปี พ.ศ.๒๐๙๓ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๑๑๒ ขณะที่พระชนมายุ ๑๙ พรรษา ถูกถวายไปเป็นมเหสีของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เพื่อแลกตัวพระองค์ดำ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) กลับมาช่วยราชการในกรุงศรีอยุธยา ๒. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) ประสูติในปี พ.ศ.๒๐๙๘ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๑๐๖ ขณะที่พระชนมายุได้ ๘ พรรษา พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองขอไปเป็นพระราชบุตรบุญธรรม (ไปเป็นตัวประกัน เพื่อไม่ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาคิดร้ายต่อหงสาวดี) ๓. สมเด็จพระเอกาทศรถ(พระองค์ขาว) ประสูติราวปี พ.ศ.๒๑๐๑ ต่อมาได้เป็นกษัตริย์เสวยราชย์สืบต่อจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (http://www.sookjaipic.com/images_upload/99682084843516_328925214_865996904681732_4294.jpg) อาคารพระสุพรรณกัลยา เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ ใช้ในการประกอบศาสนพิธี และการเรียนปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุ สามเณร 800 |