[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 09 ตุลาคม 2566 15:12:55



หัวข้อ: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 ตุลาคม 2566 15:12:55
.



ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/79698336372772_368377397_687627980075839_9047.jpg)
          ภาพที่ ๑


ภาพและข้อความเรื่อง พระราชประวัติแห่งพระมหาบุรุษนี้ ได้จัดทำตามต้นฉบับแบบภาษาไทย
ของเจ้าศักดิ์ประเสริฐ นครจำปาศักดิ์ ซึ่งแปลจากเรื่องฉบับภาษาฝรั่งเศส ต้นเดิมของเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษ
ชื่อ The Light of Asia ซึ่งเซอร์ เอดวิน อาโนลด์ เป็นผู้แต่ง เป็นเรื่องราวของพระมหาบุรุษ
ผู้มาบังเกิดเพื่อประทานแสงสว่างให้แก่โลก ณ ดินแดนทิศใต้ของขุนเขาหิมพานต์ คือ กรุงกบิลพัสดุ์



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/61693172280987_1_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๒

ในคืนหนึ่ง บังเกิดสิ่งมหัศจรรย์ แสงจันทร์มีรัศมีแจ่มจ้าสว่างไปครึ่งหนึ่งของพิภพ ขุนเขาทั้งหลายเสมือนจะเขยื้อนตัวหวั่นไหว
น้ำทะเลสงบ บันดาลดอกไม้ทั้งหลายเบ่งบานสะพรั่งในเวลาอันไม่ใช่ฤดู    ในราตรีนั้น พระนางสิริมหามายา บรรทมหลับสนิท
อยู่เคียงข้างพระสวามี คือ พระเจ้าสุทโธทนะ



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/60378743542565_2_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๓


พระนางได้ทรงพระสุบินไปว่า มีดาวดวงหนึ่งสุกปลั่งยิ่งดาวทั้งหลาย  ดาวนั้นเปล่งรัศมีสีต่างๆ เป็นหกแฉก และปรากฏ
ร่างกุญชรในดวงดาวนั้น กุญชรนั้นมีงาหกงา งานั้นสีขาวดุจนมของโควิเศษ กุญชรนั้นเคลื่อนลงจากเวหามายังห้องบรรทม  
ในที่สุดได้ทำกิริยาเข้าสู่พระครรภ์เบื้องขวาแห่งพระนาง



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/26812111834684_3_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๔


เมื่อพระนางบรรทมตื่น ก็รู้สึกอิ่มเอมพระทัยเป็นล้นพ้น พระนางได้เล่าความฝันให้พระราชสวามีฟังโดยถี่ถ้วน  พระเจ้า
สุทโธทนะทรงอัศจรรย์พระทัยยิ่งนัก จึงโปรดให้ชุมนุมพระโหรา ผู้ทรงคุณวุฒิในศาสตร์ตรวจดูฤกษ์ยาม และลักษณะ
ที่พระนางทรงพระสุบินโดยทุกประการ



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/23747041614519_5_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๕

โหราจารย์เหล่านั้นทูลทำนายไว้เป็นสองสถาน ว่าพระนางทรงพระสุบินดังนี้ จะได้พระราชกุมารที่ล้ำเลิศมนุษย์ จะเป็น
ผู้ทรงญาณ ทรงธรรมเมตตาแก่มนุษย์ทั่วไป จะเป็นพระศาสดาสอนมนุษย์ให้พ้นกองทุกข์ อีกสถานหนึ่งจะเป็นกษัตริย์
แห่งกษัตริย์ เป็นจักรพรรดิครอบครองโลกทั้งมวล หากพระองค์ทรงพระประสงค์ดังนั้น



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/22342943772673_6_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๖

ต่อมาพระนางสิริมหามายาก็ตั้งพระครรภ์ ครั้นจวนพระประสูติ ได้ขอประทานอนุญาตต่อพระเจ้าสุทโธทนะ ไปประสูติที่
กรุงเทวทหะ อันเป็นนครที่กำเนิดแห่งพระนาง ดังนี้เป็นจารีตแห่งกษัตริย์ในอินเดีย พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงอนุญาตให้
เป็นไปตามประเพณี



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/30569270253181_1_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๗

ทางที่จะไปยังเทวทหนครนั้น ผ่านไปทางสวนแกมป่าแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า “ลุมพินี” สวนนี้เป็นย่านกลางระหว่างนครกบิลพัสดุ์
กับเทวทหะ ในการเสด็จของพระนางสิริมหามายาคราวนี้ บังเกิดสิ่งอัศจรรย์ กล่าวคือบรรดาพฤกษชาติในป่าลุมพินี ได้ผลิ-
ดอกออกสะพรั่งอันใช่ฤดู เสมือนวิญญาณชื่นชมยินดี ด้วยรู้ว่าพระมหาบุรุษจะมาประสูติ ณ ที่นั้น



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/35901789449983_2_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๘

เมื่อขบวนแห่แหนของพระนางสิริมหามายาผ่านมาถึง พระนางรู้สึกว่าสวนลุมพินีช่างร่มเย็น งดงามไปด้วยดอกดวงพฤกษชาติ
จึงได้ให้หยุดขบวนพัก  ณ ที่นั้น พระนางเสด็จประทับพักผ่อนที่ใต้ต้นสาละ และบัดนั้น พระนางก็รู้สึกประชวรพระครรภ์ เหล่า
บรรดานางข้าหลวงได้เข้าช่วยประคับประคอง



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/89179911795589_3_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๙

พระนางก็ได้ประสูติพระมหาบุรุษ ณ ควงต้นสาละนั้น และเวลานั้น ดินฟ้าอากาศดูประหนึ่งว่า ปวงเทพเจ้าได้มาประชุมอยู่  
แต่มนุษย์ก็หาแลเห็นไม่  สิ่งมหัศจรรย์อันนี้ปรากฏในพระพุทธประวัติ เราผู้มีชีวิตภายหลังนับจำนวน ๒,๕๐๐ ปีเศษ ก็ควร
จะนึกว่า สิ่งมหัศจรรย์ในโลกย่อมปรากฏได้ เมื่อเกิดอัจฉริยบุคคลขึ้นในโลก



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/66061742976307_4_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๐

เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงพระเจ้าสุทโธทนะ ก็โปรดให้จัดขบวนมารับพระนางและพระราชกุมารกลับคืนสู่พระมหาราชวัง
ในกาลครั้งนั้นก็บังเกิดสิ่งอัศจรรย์อีก คือดูเสมือนจะมีพลแห่แหนมากมาย พรั่งพร้อมด้วยเทพดาทั่วทิศานุทิศมาแวดล้อม
มาส่งพระกุมารถึงพระนคร



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/55558707358108_11_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๑

บรรดาโหราจารย์ผู้ใหญ่ได้พร้อมกันทำนายอีกว่า พระกุมารองค์นี้มีบุญญาธิการยิ่งนัก จะได้เป็นใหญ่ในโลก จะถึงสมบัติ
จักรพรรดิ   พระเจ้าสุทโธทนะก็ดีพระทัยยิ่งนัก ทรงมุ่งหวังให้พระราชโอรสได้เป็นจักรพรรดิครอบครองโลก ได้โปรดให้
จัดการสมโภชเป็นมหกรรมมโหฬาร



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/11319684733947_13_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๒

นครกบิลพัสดุ์ครึกครื้นด้วยเสียงแตรสังข์ดุริยางค์ ถนนหนทางติดธงทิว ประชาราษฎร์ต่างร้องรำทำเพลงด้วยความชื่นชมยินดี
ทั่วหน้า มีการสาดพรมกันด้วยน้ำอบเชื้อดอกไม้กลิ่นหอม นักร้องนักรำก็ขับร้องร่ายรำ สนุกสนานกันทั่วพระนคร ยิ่งกว่าครั้งใด
ที่เคยมีมา



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/69150933581921_14_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๓

ในการสมโภชพระกุมารครั้งนี้ ดูราวกับว่านักแสดงทั่วทิศานุทิศได้มาประชันกันในกรุงกบิลพัสดุ์  นักหกคะเมนตีลังกาเอย
ไม้สูงเอย ห้อยโหนโยนตัวเอย แล้วก็ไต่ลวดเลี้ยงตัว มีนานาสารพัดอย่าง ใครชอบอะไรก็เลือกดูได้ตามใจชอบ พระนคร
สนุกคึกคัก ประชาราษฎรร่าเริงกันทั่วหน้า



](http://www.sookjaipic.com/images_upload/44626995921134_14_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๔

แล้วก็ยังมีพวกแสดงกับสัตว์  พวกเล่นงู  พวกเล่นสิงโต  ก็พาสัตว์เหล่านั้นมาแสดงให้ดูอย่างน่าหวาดเสียว    ยังมีพวก
นักมวยปล้ำรูปร่างราวกับยักษ์ ต่อสู้กันอย่างไม่คิดชีวิตชีวา นับเป็นที่เพลิดเพลินนัยน์ตา อะไรที่คนยังไม่เคยชม ก็ได้ชม
ในการสมโภชครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญญาธิการประการหนึ่งของพระราชกุมาร



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/97978985599345_15_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๕

บรรดาพ่อค้าวาณิชทั้งใกล้และไกล ก็นำเอาพัสดุสินค้าอย่างดีในท้องถิ่นของตนมา มีแพรพรรณ ขนแกะ พรมเจียม
เครื่องทองรูปพรรณ เพชรนิลจินดา ของอันมีค่าเหล่านี้เขานำมาถวายเป็นของขวัญแด่พระราชกุมาร ไม่เคยมีของขวัญ
ครั้งใดจะมากมายเสมอคราวนี้



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/11960160318348_16_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๖

ครั้งนั้น มีดาบสรูปหนึ่ง ชื่อ "อสิตะ" ท่านบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าอันสงัดห่างไกลผู้คน เพื่อทำใจให้แน่วแน่จนมีญานแก่กล้า
ท่านได้ทราบโดยญานว่า บัดนี้มีพระราชกุมารอุบัติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ ท่านเล็งเห็นว่า พระกุมารนี้จะเป็นอัจฉริยะบุคคลวิเศษ
สุดของโลก จึงได้ละอาศรมเข้ามายังพระราชฐานแห่งพระเจ้าสุทโธทนะ



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 ตุลาคม 2566 12:42:20
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/60624001837438_1_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๗


พระเจ้าสุทโธทนะทรงรู้จักพระดาบสรูปนี้ดี  จึงทรงน้อมพระองค์แสดงคารวะ พระดาบสรับพระราชปฏิสันถารแล้ว
ก็ตรงไปที่พระกุมาร ซึ่งนอนอยู่ในพระอู่ เธอได้น้อมเศียรลงถวายบังคมพระกุมารถึง ๘ ครั้ง ด้วยอาการอันนอบน้อม
สูงสุด ยังให้ผู้ที่อยู่ ณ ที่นั้นมีความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/16540815432866_2_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๘

พระดาบสอสิตะได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า "โอ พระกุมาร ข้าพเจ้าขอบูชาและเคารพพระองค์ เพราะประจักษ์แล้ว
โดยรัศมีและพระลักษณะ ๓๒ ประการ อีกทั้งองค์ประกอบอีก ๘o ประการว่า พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเสียดายนักที่ต้องตายเสียก่อน ไม่อาจมีชีวิตยืนอยู่ได้สดับรสพระธรรม

ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
33.50 - 14.85


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 28 ตุลาคม 2566 17:59:46
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/91250556417637_18_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๑๙

ครั้นแล้วพระดาบสได้หันมาทูลพระเจ้าสุทโธทนะว่า "พระองค์ช่างมีบุญนักหนา จึงได้ให้กำเนิดแก่พระกุมารพระองค์นี้ พระกุมารจะเป็นพระมหาบุรุษ อันหาผู้ใดเปรียบมิได้ในโลกนี้ แต่น่าเสียดาย ที่ความปิติของพระองค์จะต้องทำลายลง ด้วยภายใน ๗ วันนี้ พระมารดาของพระกุมารจะสูญสิ้นพระชนม์"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/86228751060035_20_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๒๐

จริงตามคำทำนายของอสิตดาบส พอครบกำหนด ๗ วัน พระนางสิริมหามายาก็สิ้นพระชนม์ ทั้ง ๆ ที่แพทย์หลวงได้ช่วยกันเยียวยาจนสุดความสามารถ ดังด้วยเป็นกำหนดแห่งเทพเจ้าว่า พระนางจะไม่ต้องทรงครรภ์และถวายน้ำนมแก่ราชกุมาร ราชกุมารี ร่วมกับพระพุทธองค์


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/47846313193440_21_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๒๑

เวลาผ่านไป จนพระราชกุมารมีอายุได้ ๘ ปี มีพระนามว่า เจ้าชายสิทธัตถะ พระเจ้าสุทโธทนะระแวงอยู่ตลอดเวลาว่า พระราชโอรสจะมีนิสัยโน้มน้อมไปในทางจะแสวงหาโพธิญาณ จึงหารือกับอำมาตย์ที่จะให้ราชโอรสได้ศึกษาวิชาที่จะให้พระราชโอรสได้ห่างพ้นไปจากการจะเป็นพระพุทธเจ้า ดังที่โหรทำนายไว้


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/44749936378664_22_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๒๒

ที่ประชุมตกลงว่า ครูของพระราชกุมารต้องเป็นพระวิศวามิตร เพราะเป็นผู้ยอดเยี่ยมในอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั้งปวง มีทางจูงให้พระราชกุมารละแนวชีวิตที่จะบำเพ็ญตนเป็นพระพุทธเจ้าได้ และทั้งให้การเรียนหนักไปทางด้านยุทธการหรือการปกครองเยี่ยงกษัตริย์จะพึงเรียนพึงรู้



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 พฤศจิกายน 2566 18:31:44
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/36597416922449_398338953_732672878904682_4312.jpg)
          ภาพที่ ๒๓
เจ้าชายสิทธัตถะได้เข้าศึกษาวิชาอักษรศาสตร์กับพระวิศวามิตร เมื่อพระชนมายุ ๘ ปี และพอเรียนได้มินานอาจารย์ก็เห็นว่า เจ้าชายสิทธัตถะนี้เฉลียวฉลาดเกินมนุษย์ สามารถเขียนอักขระได้ทุกภาษาทุกแคว้นโดยพระองค์เอง แม้แต่อักขระของชนชาวที่บูชานาคใต้บาดาล ซึ่งอาจารย์เองก็หาสันทัดไม่


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/36597416922449_398338953_732672878904682_4312.jpg)
          ภาพที่ ๒๔
ในที่สุด อาจารย์วิศวามิตรก็หมดหนทางจะหาวิชาใดมาสอนได้ พระองค์รอบรู้จนวิชาคำนวณเลขและดวงดาวทั้งหลายในจักรภพ ทั้งนับย้อนหลังและก้าวหน้าเจนจบ อาจารย์จึงกล่าวว่า "พระองค์นี้เป็นครูของพระองค์เอง และทั้งเป็นครูของข้าพเจ้าอีกซ้ำไป พระองค์ทราบสิ้นทุกอย่าง โดยข้าพเจ้ามิได้สอนพระองค์เลย ทั้งไม่สามารถจะสอนได้ด้วย"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/92936928818623_400747725_736613271843976_3300.jpg)
          ภาพที่ ๒๕
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ ๑๔,๑๕ ปื พระองค์ชอบกีฬาแข่งรถม้า และก็เชี่ยวชาญหาสารถีใดคู่เคียงมิได้ แต่พระองค์มีจิตใจสุภาพเหมือนมนุษย์อื่นๆ เช่นการแข่งรถครั้งใดพระองค์ได้ชัยชนะ พระองค์เห็นหน้าตาของพระญาติพระวงศ์ที่แพ้นั้นซีดเซียวเสียพระทัย พระองค์จึงยอมแพ้เสียเองในคราวต่อไป ในเมื่อเห็นทีพระองค์จะชนะแล้วก็ลดฝีเท้าม้าลงเสีย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/53000697576337_400725272_736613301843973_2210.jpg)
          ภาพที่ ๒๖
การกีฬาล่าเนื้อทรายก็เช่นกัน ตอนแรกๆ ก็รู้สึกเพลินในกีฬานี้ดีอยู่ แต่ครั้นถึงตอนล้อมจับเนื้อทรายได้ พระองค์เห็นเนื้อทรายนั้นมีความกลัวจนขาสั่น และดวงตาเหลือกโปน พระองค์จึงพบความปรานีขึ้น คราวหลังๆ เมื่อควบม้าทันเนื้อทราย แล้วก็ปล่อยตัวไป ซึ่งความจริงกีฬาประเกทนี้ จะหาใครเทียบเทียมพระองค์ก็มิได้


ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 พฤศจิกายน 2566 12:48:23
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/67588383042150_1_Copy_.jpg)
          ภาพที่ ๒๗
ยิ่งพระชนม์นานปีทวีขึ้น ความเมตตาปราณี และความสุภาพแห่งพระทัยก็เจริญขึ้น ประดุจพฤกษาที่งอกงาม พระองค์ทรงกีฬาฟันดาบ ครั้นชนะคู่ต่อสู้แล้วก็พบความน้อยอกน้อยใจจากผู้แพ้ พระองค์จึงสละเสียด้วยการชนะ กลับออมมือออมกำลังให้เป็นเพียงเสมอกัน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/49236904871132_2_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๒๘
กีฬาประเภทมวยปล้ำและยิงธนูก็เช่นกัน พระองค์มิได้หย่อนกว่าใคร มีระดับสูงและเหนือกว่าทั้งสองประเภท แต่พระองค์ไม่ทรงประสงค์จะชนะใครในเวลาแข่งขัน นึกสลดพระทัยที่สร้างความผิดหวังให้แก่ผู้อื่น จึงเป็นฝ่ายออมมือออมกำลังอยู่เป็นนิจ เอาเพียงรู้แก่พระทัยเท่านั้นว่า พระองค์ชนะแล้ว


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/81880740945537_3_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๒๙
เย็นวันหนึ่ง ได้มีเหตุการณ์หนึ่งขึ้น คือมีหงส์ฝูงหนึ่งบินผ่านพระราชอุทยานจะไปสู่รัง ณ แดนหิมพานต์ และส่งเสียงร้องเรียกพวกมัน พระเทวทัต พระญาติของพระสิทธัตถะ ยกธนูยิงไฟถูกหงส์ตัวหนึ่งที่ปีก และได้ถลาร่อนตกลงในเขตอุทยานของพระสิทธัตถะ เมื่อพระองค์เห็นดังนั้น จึงวิ่งเข้าไปประคองหงส์ตัวนั้นด้วยความสงสาร


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/12421080801221_4_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๐
เจ้าชายสิทธัตถะได้ประคองหงส์นั้นด้วยความเบาและนิ่มนวล เป็นการปลุกปลอบมิให้หวาดกลัว เมื่อลูบขนและดัดปีกให้เข้าดีแล้ว จึงค่อยถอนธนูที่ยังฝังปีกหงส์ออก แต่บังเอิญขณะถอนลูกธนูนั้น ปลายธนูได้ถูกพระหัตถ์พระองค์เข้านิดหน่อย รู้สึกเจ็บปวด นึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของหงส์ที่ถูกยิงเข้าเต็มที่เช่นนั้นจะมีสักปานไหน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/58955997890896_5_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๑
เจ้าชายสิทธัตถะได้ประคองหงส์นั้นด้วยความเบาและนิ่มนวล เป็นการปลุกปลอบมิให้หวาดกลัว เมื่อลูบขนและดัดปีกให้เข้าดีแล้ว จึงค่อยถอนธนูที่ยังฝังปีกหงส์ออก แต่บังเอิญขณะถอนลูกธนูนั้น ปลายธนูได้ถูกพระหัตถ์พระองค์เข้านิดหน่อย รู้สึกเจ็บปวด นึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของหงส์ที่ถูกยิงเข้าเต็มที่เช่นนั้นจะมีสักปานไหน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/73738891672756_6_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๒
ในขณะนั้นเอง มหาดเล็กของพระเทวทัตได้เข้ามาหาพระองค์ และแจ้งว่า พระเทวทัตประสงค์จะได้หงส์ตัวนั้น ด้วยว่าเป็นฝีมือของพระเทวทัตยิง แม้ว่าหงส์นั้นจะได้ตกลงในเขตอุทยานของพระสิทธัตถะก็ตาม แต่การยิงนั้นได้ยิงในอากาศ ซึ่งมิได้เป็นเขตของผู้ใด จึงต้องขอหงส์นี้ไป พระสิทธัตถะจึงว่า หงสันี้ยังไม่ตาย และเราช่วยหงส์นี้ไว้ หงส์จึงยังไม่เป็นสิทธิของพระเทวทัตญาติแห่งเรา


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/43989759186903_7_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๓
เรื่องการแย่งหงส์ระหว่างเจ้าชายสิทธัตถะกับเทวทัตไม่ตกลงกันได้ จึงต้องนำคดีขึ้นสู้สภาอัครมหามนตรี ให้ผู้รู้หลักความยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ในวันรุ่งขึ้นเจ้าชายสิทธัตถะและเทวทัตก็มาพร้อมกัน ณ สภาสูง ผู้ที่ใคร่จะรู้กฎแห่งความยุติธรรมอันแท้จริง ต่างก็มาฟังกันทั้งฤๅษีชีพราหมณ์คับคั่ง


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/54011378561456_8_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๔
ในข้อคิดต่าง ๆ ของขุนนางผู้ใหญ่ ต่างแยกกันไปคนละทาง ไม่ลงเอยกันได้ หาเหตุผลที่เที่ยงแท้และยุติธรรมจริง ๆ นั้นยังมิได้ จึงมีฤๅษีตนหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้จัก ได้ขึ้นแถลงว่า "หากชีวิตทั่ว ๆ ไปเป็นของมีค่า ผู้ช่วยชีวิตย่อมมีสิทธิในชีวิตที่ช่วยไว้เป็นแน่แท้ ส่วนผู้พิฆาตนั้นคือผู้ล้างผลาญ จะมีสิทธิที่ตัวสัตว์ที่ยังไม่ตายนั้นไม่ได้"


ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 ธันวาคม 2566 14:29:18
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/64207816289530_35_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๕
เมื่อสภาอัครมหามนตรีได้ยึดถือเอาข้อยุติธรรมจากฤๅษีตนนั้นแล้วเจ้าชายสิทธัตถะจึงชนะในสิทธิครอบครองหส์นั้น ครั้นเมื่อหงส์นั้นได้รับการรักษาพยาบาลแผลหายเป็นปรกติดีแล้ว เจ้าชายสิทธัตถะจึงคิดว่า พวกพ้องหงส์คงจะคอยหา เศร้าโศกกันไม่น้อย พระองค์จึงปล่อยหงส์ไปเป็นอิสระ


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/62423479722605_36_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๖
ต่อมาอีกหลายวัน จะมีการมงคลแรกนาขวัญ พระราชบิดาจึงบอกแก่พระราชกุมารว่า "จงไปร่วมพิธีด้วยกันเถิดลูกรัก ไปชมความสมบูรณ์แห่งชาวนา ไปชมอาณาจักรของพระบิดา ซึ่งวันหนึ่งจะเป็นของลูก ชมสิ่งมั่งคั่งในพืชผลทั้งหลาย ชมประชาราษฎรของเรา และชมสมบัติอันมหาศาลที่จะเป็นของลูก"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/83636490214202_37_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๗
ในวันแรกนาขวัญนั้น พระเจ้าสุทโธทนะได้ชวนเจ้าชายสิทธัตถะนั่งราชรถไปด้วยกัน โดยให้สารถีขับอ้อมพระนคร ชมทิวทัศน์อันงดงามตระการตา ชมธารน้ำอันใสสะอาด ชมไร่พืชผลต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่สดสวยน่าตรึงตาตรึงใจ อีกทั้งหมู่ต้นเทียนดอกกำลังบานส่งกลิ่นหอมขจรขจาย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/92029987523953_38_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๘
ราชรถได้วกเข้าเขตท้องนา ก็เห็นชาวนากำลังบังคับโคให้ลากคันไถไปตามทุ่ง ชาวนาผู้คุมโคส่งเสียงร้องเพลงเคล้าลุกปลุกใจดูร่าเริง ไกลออกไปที่หมู่หนึ่งนั้นกำลังหว่านข้าวลงในพื้นนาที่ดินชุ่ม และไกลไปอีก ก็มีทิวต้นตาลเป็นหลั่น ซึ่งทุกอย่างที่เห็นนั้น แสดงถึงความสมบูรณ์พูนสุขอันน่าจะปิติ


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/33396226250462_39_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๓๙
ครั้นชมท้องนาแล้ว ก็ชมทิวทัศน์อื่น ๆ ต่อไปอีก ด้วยเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสุทโธทนะจะให้ราชบุตรผู้เป็นทายาท ยินดีปรีดาในสมบัติทั้งหลายที่จะตกทอดไปถึง และก็ราชสมบัติอันมหาศาลเท่านั้นจะเหมาะแก่กษัตริย์ผู้เป็นเจ้าเหนือหัวกษัตริย์อื่นในโลก ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะตามที่โหรทำนายไว้


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/89227058572901_40_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๐
แต่ใครเล่าจะรู้ลึกไปถึงดวงหทัยของเจ้าชายสิทธัตถะ ถ้าดูแต่ภายนอกก็เห็นว่า พระราชกุมารหนุ่มน้อยนี้เพลินในสิ่งที่พบเห็น และปรีดาในราชสมบัติตามที่มนุษย์ทั่วไปจะพึงอยากพึงโลภ แท้จริงแล้วพระรัชทายาทองค์นี้ได้เก็บสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นเข้าไตร่ตรองในดวงหทัยอย่างลึกและละเอียดแจ่มแจ้งดี


ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 15 ธันวาคม 2566 17:47:47
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/79727383578817_41_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๑
พระราชกุมารได้เก็บเอาภาพของชาวนาที่บังคับให้โคไถนานั้นมาแจง แบ่งแยกถึงแก่นความจริงของเรื่องว่า ชาวนาใดจะประสงค์การตากแดดจนผิวเกรียมกระนั้นหรือ ก็เปล่าทั้งสิ้น หากเกิดความกังวลใจที่รับจ้างเขามาทำงาน หากไม่ทำ นายจ้างก็มิจ่ายค่าแรง แล้วไฉนตนจะได้เงินค่าแรงนั้นไปเลี้ยงตัวและครอบครัวซึ่งเป็นความกังวลที่สุดในชีวิต


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/22235478916101_42_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๒
เมื่อคิดถึงโคที่ลากคันไถนั้นเล่า จะเป็นไปได้อย่างไรที่โคจะสมัครใจทำเอง เท่าที่ทำไปก็โดยถูกบังคับจากชาวนา ถ้าคราใดไม่ทำงาน ก็ครานั้นเองจะถูกตีถูกโบยเจ็บไปทั้งตัว จึงต้องทำไปโดยกังวลใจว่า ถ้าหยุดหรือเกเรจะต้องเจ็บตัว ด้วยประการฉะนี้ พระองค์จึงเห็นชัดว่า ความกังวลเป็นต้นเหตุ ทำให้นายบังคับลูกจ้างและลูกจ้างก็บังคับโคต่อไป


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/64693034936984_43_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๓
ที่ขอบหนองขอบบึง เหล่านกยางเหยาะย่างอยู่ชายน้ำ และเกาะอยู่บนหลังกระบือ เสือปลาจดจ้องบังกอไม้อยู่ชายบึง ที่ในน้ำปลาผุดกระเพื่อมเป็นระลอก น่าชมน่าเพลินอะไรจะเท่า แต่แท้จริงแล้ว ความกังวลใจของแต่ละสัตว์บังคับให้เป็นไปในรูปนั้น เพราะกังวลว่าตนจะไม่มีอาหารเต็มท้องเป็นส่วนใหญ่


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/73130919949875_44_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๔
บนอากาศนั้นเล่า มีผีเสื้อบินสลับสีงดงาม นกเล็กๆ ถือโอกาสเข้าไล่จิกกิน แต่ก็มึนกใหญ่ไล่นกเล็กจับกินเป็นอาหารอีกทอดหนึ่ง สุดแต่ใครจะมีกำลังกว่า ฉลาดกว่า ก็ทำร้ายแก่ผู้มีกำลังน้อย ถ้าดูด้วยตาแล้วไม่คิดภาพเหล่านั้นก็น่าชมน่าเพลินนัก แต่หลังจากนั้นซิ มีแต่หนามแหลมจะทิ่มแทงอยู่ทุกขณะ


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/59996503053439_45_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๕
ครั้นรถมาถึงแห่งหนึ่ง เจ้าชายสิทธัตถะจึงขออนุญาตต่อพระราชบิดาว่า พระองค์จะขอดูสิ่งต่างๆ ที่น่าดู น่าชม โดยพระองค์เองแต่เฉพาะ พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงอนุญาต เจ้าชายจึงเลือกเอาร่มไม้แห่งหนึ่งนั่งทำสมาธิ ใช้จิตวิเคราะห์ในสิ่งต่างๆ ชีวิตต่างๆ พระองค์ก็ได้เกิดพระเมตตาแก่สัตว์ทั่วๆ ไปด้วยดวงหทัยหมดมลทิน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/18082431993550_46_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๖
กิริยาและอาการเคลื่อนไหวของเจ้าชายสิทธัตถะทั้งหมด พระเจ้าสุทโธทนะได้นำมาหารือกับอำมาตย์ใกล้ชิดด้วยความหนักพระทัย เพราะกิริยาเหล่านั้น เป็นกิริยาของผู้จะบำเพ็ญฌาน มีที่ท่าจะทิ้งทางโลกไปสู่ทางธรรม ในที่ประชุมต่างก็มีใจตรงกันว่า จะต้องหาทางตัดไฟเสียต้นลม พยายามให้หมุนมาทางกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ครองโลก


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/99195017582840_47_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๗
ขั้นต้นเริ่มด้วยสร้างปราสาทใหม่สามปราสาท เป็นที่ประทับเป็นฤดูๆ ไป ปราสาทหนึ่งนั้นบุและมุงด้วยไม้หอมทั้งหลัง ปราสาทสองสร้างด้วยหินอ่อนล้วน ปราสาทสามสร้างด้วยดินเผาทั้งหลัง ทุกๆ ปราสาทเขียนแบบก่อสร้างไว้อย่างงดงามมโหฬารสมพระเกียรติ


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/52035471176107_48_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๘
ด้วยเวลาไม่นานนัก ปราสาทนั้นๆ ก็สำเร็จขึ้น แต่ละปราสาทมีความงามต่างกัน มีอุทยานประจำทุกปราสาท และก็มีลักษณะศิลปะไปคนละอย่าง บ้างมีเนินสูง มีไม้พันธุ์ดอกดารดาษ มีธารน้ำลดเลี้ยว มีกระโจมงามๆ อยู่กลางเกาะหลายต่อหลาย คราใดเสด็จประทับอุทยาน ห้อมล้อมด้วยสนมกำนัล ช่างงดงามตาอย่างยิ่ง


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/42641870925823_49_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๔๙
พิธีการอันแสนฉลาดของอำมาตย์ผู้ใหญ่ได้เริ่มขึ้นอีก คือ โดยเพ่งเล็งว่า ชายที่เพิ่งเริ่มหนุ่มนั้น ถ้าจะคิดแปรทางเดิน ให้แยกจากนิสัยนักพรตแล้ว ก็ต้องอาศัยเรื่องของตัณหาเป็นกำลังใหญ่ ซึ่งจะทำให้เมามัวในลาภยศ จึงจัดให้นางบริวารทั้งหลาย ล้วนแต่งามๆ และมีท่วงทีหนักในทางยียวนกวนให้ระเริง


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/54513333075576_50_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๐
อีกทั้งระบำดนตรีชั้นเยี่ยม จะพึงขับกล่อมให้ถึงพระทัยของพระราชกุมารหนุ่ม นางบริวารหน้าหวานตาคม ที่มีกลิ่นกายหอมระรื่นด้วยเครื่องอบพรม นั่งอยู่ใกล้ๆ ซ้ายขวา บรรจงรินน้ำจัณฑ์อย่างวิเศษ ถวายดื่มเพื่อกระตุ้นเตือนพระทัย ให้นิยมในการร่ายรำของนางที่นุ่งห่มด้วยอาภรณ์บาง เกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/45161791311369_51_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๑
เป็นความจริงยิ่งนัก ที่เสียงดนตรีและขับร้อง ประกอบด้วยท่าอันอรชร ซึ่งมีกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ ได้มีอำนาจแปรพระทัยที่เคยบ่มแต่เศร้า ช่างคิดช่างวิเคราะห์ ให้หันมาละเมอเพ้อฝันไปในทางกามคุณได้ชั่วขณะ เจ้าชายสิทธัตถะมีพระทัยแจ่มใส และระเริงอยู่ในความเร่าร้อนแห่งรูปรสกลิ่นเสียงตลอดเวลา


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/22276487739549_52_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๒
แต่ความระเริงทั้งหลายจะอยู่กับพระมหาบุรุษนานสักเท่าใดเล่า ในครู่ต่อมา พระทัยอันรู้ผิดชอบได้กลับมาอีก เกิดเบื่อหน่ายขึ้นอย่างเงียบๆ รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมายาอันประดิษฐ์ขึ้น เพื่อประสงค์ในทางใดทางหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมิใช่ความจริงที่เป็นอยู่โดยปรกติ พระองค์จึงก้มพระพักตร์เสีย ให้ภาพและเสียงทั้งหมดผ่านพ้นไป



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 มกราคม 2567 11:37:05
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/81289070927434_53_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๓
งานหนักได้เกิดขึ้นกับพระเจ้าสุทโธทนะและเหล่าอำมาตย์อีกอย่างยิ่ง ที่พิธีการชักจูงพระทัยพระราชกุมาร ให้แปรเปลี่ยนจากเดิม มาระเริงในลาภยศและอำนาจไม่เกิดผล จึงคิดการกันใหม่ คือจะมีการฉลองปราสาท ให้มีนางงามทั้งหลายมาประกวดกัน และให้เจ้าชายเป็นผู้แจกรางวัลเอง แล้วขุนนางก็แยกย้ายแจ้งข่าวนี้แก่สตรีทั่วไป


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/11453686820136_54_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๔
ในครั้งนี้ถือเป็นงานใหม่ และแปลกสำหรับกรุงกบิลพัสดุ์ พวกสตรีสาวสวยและไม่สวย ทั้งในวังและนอกวังพากันตื่นเต้นยิ่งนัก เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่จะได้อวดโฉมต่อหน้าพระราชกุมารหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงนี้ ซึ่งรู้กันอยู่ว่า เจ้าชายนี้มีพระสิริร่างงดงามน่าพิศวาสนัก ต่างนางจึงต่างปรับปรุงร่างกายเป็นการใหญ่ สุดแต่จะมีทางใดทำให้เพิ่มความงามขึ้นได้


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/25859221609102_55_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๕
ครั้นถึงวันกำหนดงาน บรรดานางงามทั้งหลายได้เดินผ่านหน้าที่ประทับเจ้าชาย ซึ่งใจของแต่ละนางแต่เดิมนั้น คิดไว้ว่าจะเดินให้สวย ทิ้งตาให้คมและหวานตรงกับพระเนตรเจ้าชายยิ่งนัก แต่ครั้นจริงจังเข้า ทุกนางก็เกิดประหม่า ในพระลักษณะอันงามและสงบนิ่งของเจ้าชาย เลยต่างอายต่างก้มหน้าไปทั้งสิ้น


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40414388560586_56_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๖
ความคาดหวังของเหล่าอำมาตย์จึงเกือบจะหมดสิ้นอีก เมื่อเห็นเจ้าชายมิได้ตะลึงตะไลในนารีใดเลย ทรงมีพระอิริยาบถเฉย ๆ สงบ กระทำให้ฝ่ายหญิงเสียอีกเป็นฝ่ายอายและเกรงขาม พระองค์ทรงแจกรางวัลให้แก่ทุกนางด้วยดวงพระพักตร์ยิ้มน้อย ๆ และกล่าวขอบใจ ส่วนหญิงนั้นซิ ทุกคนสะทกสะเทิ้นขาสั่น ไม่มีถ้อยคำใดจะถวายพระพรเลย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/59912800830271_57_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๗
เมื่อหมดตัวนางงามแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะและอำมาตย์แทบหมดหวัง จะหานางใดมีอำนาจบังคับจิตเจ้าชายให้ประสงค์ในนารีเพื่อทำการเสกสมรส ณ บัดนั้นก็เกิดความประหลาดตื่นเต้นขึ้น ทุกคนได้เห็นพระกิริยาเจ้าชายผิดแผกไปจากเดิม ในเมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งเป็นคนสุดท้าย ที่ค่อยนวยนาดมา นางนั้นช่างงามราวกับเทพนารี แสนจะตรึงตาตรึงใจเมื่อยามเยื้องกรายแต่ละก้าว


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/91600874066352_58_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๘
นางคนสุดท้ายนี้ คือเจ้าหญิงศรียโสธรานั่นเอง นางย่างกรายมาด้วยความสง่า ความงามนั้นสุดจะพรรณนาได้ เป็นนางเดียวเท่านั้นที่ตั้งคอตรงและทอดดวงเนตรสบกับพระเนตรเจ้าชายได้ตรง ทันทีทุกคนก็เห็นว่า เจ้าชายนั้นมีการหวั่นไหวจนเห็นถนัด ทรงตะลึงพรึงเพริดในความงาม และใคร่จะได้ใกล้ชิดนางเป็นที่สุด


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/18707036268379_59_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๕๙
เจ้าหญิงศรียโสธราสบพระเนตรแล้วทูลถามว่า "พระองค์ยังมีรางวัลจะประทานแก่หม่อมฉันไหม?" เจ้าชายสิทธัตถะตอบว่า "รางวัลนั้นหมดไปแล้ว แต่สำหรับน้องหญิง โปรดได้รับสิ่งนี้จากเราเป็นพิเศษ" ตรัสแล้วพระองก็จึงปลดสร้อยพระศอประจำวงศ์แห่งพระองค์ สวมให้แก่เจ้าหญิง "ขอน้องหญิงจงรับไว้เป็นไมตรีจากเราด้วยเถิด"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/88574925975667_60_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๐
พระราชอิริยาบถของเจ้าชายและเจ้าหญิงนั้น จะได้รอดพ้นจากความสังเกตของพระราชบิดาและอำมาตย์ ผู้ช่ำชองในเชิงรักก็หาไม่ พ้นพิธีแล้ว ณ ที่ลับตา เหล่าอำมาตย์ต่างกอดกันด้วยปรีดา และก็กอดขาพระเจ้าสุทโธทนะด้วยความปราโมทย์ ในกิจที่ก่อขึ้นเกิดผลสมบูรณ์อย่างยอดเยี่ยมเกินคาด


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/63025743886828_61_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๑
อลัดตัดความถึงตอนสำคัญ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้เกิดรักเจ้าหญิงศรียโสธราแล้วโดยแน่นอน ย่อมสบพระทัยตามแผนการของพระราชบิดา จึงพร้อมด้วยอำมาตย์รีบดำเนินการสานต่อที่ก่อไว้ คือรีบส่งทูตเจรจาสู่ขอเจ้าหญิงต่อพระบิดาของเธอ แต่ตามประเพณีสืบเนื่องมาแต่โบราณกาลนั้น เจ้าชายใดจะขอหมั้นเจ้าหญิงใด จะต้องมีการแข่งขันประลองยุทธศิลป์กับเจ้าชายอื่น ๆ ใครชนะเลิศก็ทำการหมั้นได้


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/67283538646168_62_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๒
เมื่อทางพระบิดาเจ้าหญิงตอบว่ามิขัดข้อง หากแต่ขอให้ดำเนินพิธีเยี่ยงกษัตริย์เก่าที่ทำมาจงเรียบร้อย จึงเป็นที่อึดอัดพระทัยของพระเจ้าสุทโธทนะยิ่งนัก หากว่าจะยึดพิธีเก่าแล้วไซร้ ไฉนเจ้าชายสิทธัตถะจะมีหวังได้หมั้นเจ้าหญิง เพราะพระราชกุมารนั้นมีทีท่าอ่อนแอจะเป็นนักพรตมากกว่าจะเป็นนักรบ ด้วยชายอื่น ๆ นั้นช่ำชองน่าเกรงขามอยู่


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/68412309885024_63_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๓
เจ้าชายสิทธัตถะเห็นพระราชบิดาเป็นทุกข์ในการแข่งขันยุทธศิลป์ จึงทรงพระสรวลแล้วทูลว่า ขอพระราชบิดาได้ทรงมั่นพระทัยในวิชายุทธศิลป์แห่งลูกเถิด เพราะลูกได้ฝึกฝนไว้เป็นอย่างดีมิได้ยิ่งหย่อนเลย วิชาทั้งหมดในเชิงยุทธิ์ลูกฝึกฝนไว้ลับ ๆ ซึ่งพระบิดามิทรงทราบ เมื่อพระเจ้าสุทโทธนะได้รับการยืนยันแล้ว จึงประกาศแข่งขันทันที


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/90067492880754_64_Copy_.jpg)
       ภาพที่ ๖๔
ครั้นครบกำหนดเจ็ดวัน เหล่าเจ้านายทั้งหลาย ซึ่งเป็นพระญาติพระวงศ์แต่ละฝ่ายก็มาชุมนุมกันที่สนามหลวงแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยประชาชน เจ้าชายสิทธัตถะเป็นตัวยืนให้เจ้าชายทั้งหลายเข้าชิง เจ้าชายทุกพระองค์ก็มุ่งในจุดเดียวกัน คือเจ้าหญิงศรียโสธรายอดดวงใจ ใครชนะก็ทรงทำการหมั้นได้ทันที


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/57182897213432_65_Copy_.jpg)
        ภาพที่ ๖๕
ณ บัดนั้น ในที่ชุมนุมท้องสนามหลวงได้เกิดความตื่นเต้นขึ้นทั้งไพร่ผู้ดีและเข็ญใจ คือมีเสียงดนตรีแห่แหนกันมาทางด้านหนึ่ง ผู้คนที่ยัดเยียดต่างแยกแหวกทางเป็นช่อง ดนตรีที่นำขบวนนั้นเป็นหญิงทั้งสิ้นบรรเลงนำ เจ้าหญิงศรียโสธรา ซึ่งประทับอยู่บนเสลี่ยง เสด็จผ่านฝูงชนมาด้วยสิริโฉมที่งดงามและมีศักดิ์ศรี


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/42252068966627_66_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๖
ในอีกครู่หนึ่งก็มีการแตกตื่นกันอีก ด้วยเจ้าชายสิทธัตถะผู้เป็นตัวยืนในการชิงชัยครั้งนี้ เสด็จมาโดยทรงม้าขาวแหวกฝูงชนมาช้า ๆ ท่ามกลางการโห่ร้อง ด้วยสีพระพักตร์เป็นปรกติ ไม่ตื่นเต้นลิงโลดแม้แต่น้อย ด้วยว่าพระองค์กำลังครุ่นคิดถึงชีวิตของคนยากจนและคนมั่งมีที่แตกต่างกัน เท่าที่เห็นในชุมนุมนี้ จึงมีพระทัยสลด


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/25452684569689_67_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๗
ครั้นพระองค์หันพระพักตร์ไปพบเจ้าหญิงศรียโสธราเข้า สีพระพักตร์จึงกลับสดใสขึ้น และพระทัยคึกคะนองในเรื่องรัก อันความมุ่งหมายทางชิงชัยได้ระอุขึ้นเยี่ยงคนวัยหนุ่มทั้งหลาย ชิงชัยเพื่อความรักชิงชัยเพื่อเจ้าหญิงศรียโสธราอันเป็นยอดปรารถนา พระองค์จะต้องชิงชัยโดยเหี้ยมหาญ ไม่อ่อนข้อลดข้อให้ใครอีก ณ บัดนี้


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/67332774110966_68_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๖๘
าเริง เยี่ยงหนุ่มคะนองทั้งหลายที่ระเริงในรูปในยศในความเก่งกล้าของตน ทุกลมหายใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเห็นเข้าข้างตัว ยิ่งกว่าจะเห็นใจผู้ใด ต้องการมีสิทธิแต่ผู้เดียวในเรื่องรัก มิใยใครจะมีใจตรงกับพระองค์ แล้วพระองค์ประกาศจะชิงชัยทุกประเภท     





ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502


หัวข้อ: Re: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 มีนาคม 2567 14:24:32
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/46924852497047_69_Copy_.jpg)
        ภาพที่ ๖๙
ครั้นแล้ว ยุทธศิลป์ชิงนางก็ได้เริ่มขึ้น โดยเจ้าชายนันทะท้าประลองยิงธนูสู่เป้าหมายในระยะทาง ๖ โคว (๑๓๐๐ ฟุต) โดยประมาณกำลังของผู้ยิง จะต้องยิงได้ไกลและแม่นยำต่อเป้าหมายด้วย เจ้าชายอรชุนก็ประกาศระยะทาง ๖ โคว เช่นกัน แต่เจ้าชายเทวทัตนั้นเชื่อพระองค์ว่าเหนือผู้ใด จึงประกาศระยะทางถึง ๘ โคว


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/74853644313083_70_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๐
ครั้นถึงเจ้าชายสิทธัตถะเล่า บัดนั้น พระองค์มิใช่หนุ่มที่เงื่องหงอย ที่คอยคิดจะสละสุขอย่างเคย พระองค์ต้องการเด่น ต้องการความชนะ พระองค์เชื่อในตัวเอง จึงประกาศระยะทางถึง ๑๐ โคว ไกลจนเห็นเป้าหมายเท่าเบี้ยเล็กๆ ประชาชนถึงกับอื้ออึงสนเท่ห์ใจ ว่าผู้ใดในโลกจะมีกำลังยิงถึงและแม่นยำตรงเป้าได้


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/88524237482084_71_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๑
การยิงธนูได้เริ่มขึ้นโดยนันทะเป็นผู้ยิงก่อน และท้าวเธอก็น้าวสายยิงไปตามระยะกำหนด ถูกเป้าหมายมิได้พลาด มาถึงอรชุนก็ถูกเป้าหมายตามระยะกำหนดเช่นกัน เทวทัตมีระยะทางไกลกว่า จึงน้าวสายด้วยกำลังข้อที่แข็งแกร่งของพระองค์ แล้วปล่อยลูกธนูทะลุเป้าดังสนั่น ประชาชนได้โห่ร้องขึ้นอึงคะนึง


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/87508420770366_72_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๒
ถึงคราวองค์สิทธัตถะ ได้รับคันธนูจากคู่แข่งขันมาพิจารณา สงสัยว่าจะไม่มีกำลังแรงพอที่จะส่งถูกไปถึงระยะ ๑๐ โคว ได้ พระองค์จึงทรงโก่งคันธนูอย่างเต็มเหนี่ยว คันธนูนั้นได้หักสะบั้น ทั้งนี้เป็นลางนิมิตของผู้ยิ่งใหญ่ทั่วๆ ไปในโลก จะพึงสำแดงเป็นอภินิหารให้เห็น จึงทำให้ประชาชนตะลึงงัน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/95626369822356_73_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๓
ได้มีผู้เสนอคันธนูอีกอันหนึ่ง ซึ่งเป็นของสิงหนุเก็บรักษาไว้ในวิหาร เพราะไม่มีผู้ใดในกบิลพัสดุ์จะสามารถโก่งคันธนูนั้นได้ ตลอดจนเจ้าชายทั้งหลายก็ได้ทดลองมาแล้วทั้งนั้น เจ้าชายสิทธัตถะรับคันธนูนั้นมาลองโก่งดู และก็โก่งได้สบาย ซึ่งเป็นเพราะบุญญาบารมีของพระองค์นั่นเอง จึงทำอะไรได้เหนือมนุษย์อื่น


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/64267452930410_74_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๔
เมื่อการโก่งธนูได้สำเร็จแล้ว พระองค์ก็หยิบลูกธนูขึ้นพาดสาย แล้วยิงไปยังเป้าที่ไกลแสนไกล ด้วยอภินิหารของมหาบุรุษ พอธนูออกจากแหล่งวิ่งแหวกอากาศไป ก็เกิดเสียงกัมปนาทขึ้น ซึ่งเกิดจากเสียงสายธนูหนึ่ง และการแหวกอากาศของลูกธนหนึ่ง จึงสะท้านสะเทือนเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่คนทั่วไปยิ่งนัก


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/17594608333375_75_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๕
ครั้นปรากฏว่าลูกธนูของเจ้าชายถูกต้องและทะลุเลยไป ประชาชนได้โห่ร้องกึกก้องหวั่นไหว และได้ถือเป็นมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับกรุงกบิลพัสดุ์ ถ้าจะสังเกตกริยาของผู้ดูการแข่งขันในคราวนี้ ก็จะเห็นพระอิริยาบถของเจ้าหญิงศรียโสธรานั่นเอง ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เมื่อขณะสิทธัตถะยิงธนู เจ้าหญิงพระพักตร์จืดเพราะกลัวผิดเป้า พอยิ่งถูกแล้ว ท้าวเธอก็แจ่มใสยิ่งนัก


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/21279260723127_76_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๖
ครั้นปรากฏว่าลูกธนูของเจ้าชายถูกต้องและทะลุเลยไป ประชาชนได้โห่ร้องกึกก้องหวั่นไหว และได้ถือเป็นมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับกรุงกบิลพัสดุ์ ถ้าจะสังเกตกริยาของผู้ดูการแข่งขันในคราวนี้ ก็จะเห็นพระอิริยาบถของเจ้าหญิงศรียโสธรานั่นเอง ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เมื่อขณะสิทธัตถะยิงธนู เจ้าหญิงพระพักตร์จืดเพราะกลัวผิดเป้า พอยิ่งถูกแล้ว ท้าวเธอก็แจ่มใสยิ่งนัก


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/73151732029186_77_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๗
การแข่งขันตัดไม้ได้ผ่านไปแล้วโดยเจ้าชายสิทธัตถะชนะอย่างขาวสะอาด จึงมีการแข่งขันขี่ม้าพยศขึ้นอีก และต้องเลือกให้สมเกียรติแก่ผู้แข่งขัน คือต้องเป็นม้าร้ายที่สุด มีอยู่ตัวหนึ่งดำดังสีหมึก แม้แต่ยังอยู่ในเครื่องพันธนาการ ยังพยศเอาการ เจ้าชายหลายพระองค์ได้ถูกสะบัดตกหมด เป็นที่อับอายขายหน้า ยังคงเหลือแต่อรชุนกับพระสิทธัตถะเท่านั้น


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13048549865682_78_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๘
อรชุนเก่งกาจเอาการอยู่ในเรื่องม้าพยศ พระองค์ทรงขึ้นหลังได้โดยไม่ถูกสะบัดตก แต่ครั้นแก้โซ่ออกแล้วก็พยศหนัก แว้งกัดขาอรชุนตกจากหลังลงนอนกับพื้น ซ้ำร้ายกว่านั้นยังจะตรงเข้าพิฆาตฆ่าเสียอีก ด้วยฤทธิ์บ้าประดุจผีร้ายสิง พนักงานกองไม้ได้เฮกันเข้าช่วยยึดมาไว้ แล้วรีบพยุงเอาอรชุนขึ้นจากพื้นพาพ้นที่นั้นไป


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/51445437098542_79_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๗๙
ถึงคราวพระสิทธัตถะ คนทั้งหมดในที่นั้นต่างขอร้องอื้ออึง มิให้ปล่อยพระราชกุมารไปเกลือกกลั้วกับม้าผีร้ายนั้นให้ทำร้ายพระองค์ แต่เจ้าชายยืนสงบนิ่งด้วยพระทัยอันแน่วแน่ ซึ่งเป็นอิริยาบถของผู้แรงกล้าด้วยเมตตาจิต พระองค์ร้องให้ปล่อยม้า แล้วย่างเข้าหาม้าอย่างช้า ๆ อย่างผู้มีบารมีคุ้มกัน ม้ายืนตะลึง พระองค์ลูบหน้าตามันอย่างปราณี


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/88550010075171_80_Copy_.jpg)
         ภาพที่ ๘๐
ม้าร้ายได้หมดพยศเสียแล้ว มันได้พบแล้วกับผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาจิตที่ส่งกระแสออกมาทางพระเนตรของพระองค์ มันยืนตัวสั่นด้วยปีติใจ แล้วพระองค์จึงโดดขึ้นขี่หลัง บังคับด้วยพระชานุและพระหัตถ์ของพระองค์ ให้มันเดินไปรอบๆ ให้ประชาชนชมให้ทั่วถึงกัน



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502